“กรี๊ด! เด็กจมน้ำ! ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ช่วยน้องที!”
ร่างบางเดินห่างออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากด้านหลัง พอหันกลับไปก็พบว่าเป็นผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังร้องโวยวายชี้มือไปทางทะเล เธอมองตามทิศทางนั้นไปก็เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ท่ามกลางคลื่นทะเลก้อนใหญ่ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งพอสมควร
และในจังหวะนั้นเอง สายตาของเธอเห็นร่างสูงคนหนึ่งกำลังวิ่งลงทะเลไปทางเด็กคนนั้นอย่างไม่สนใจเลยสักนิดว่าตอนนี้เขากำลังสวมชุดราคาแพงแค่ไหน เขาว่ายน้ำต้านแรงคลื่นไปจนถึงตัวเด็กน้อยคนนั้นในที่สุดก่อนจะพากลับเข้าฝั่งมา เห็นดังนั้นอลิชารีบวิ่งเข้าไปหาทั้งสองคนทันที
“ตัวเล็กเป็นยังไงบ้างคะ?!”
“หมดสติ… แฮ่ก… ไปแล้ว” เจย์เดนตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบขณะวางเด็กน้อยลงบนพื้นทราย ตอนนี้เริ่มมีชาวบ้านละแวกนั้นวิ่งเข้ามามุงดูเหตุการณ์มากขึ้น อลิชารีบปลดเสื้อผ้าเด็กออกก่อนจะทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามความรู้พื้นฐานที่เธอเคยเรียนมา
“ต้องทำให้น้องสำลักน้ำออกมาก่อนค่ะ” เธอบอกก่อนจะทำ CPR ให้เด็กน้อยที่คาดคะเนแล้วน่าจะอายุประมาณห้าขวบ เธอก้มลงผายปอดเพื่อถ่ายเทอากาศเข้าไปกระตุ้นการหายใจ ทำแบบนั้นอยู่สองสามครั้งจนเด็กน้อยคนดังกล่าวสำลักน้ำออกมา
“แค่ก ๆๆ”
“ฟื้นแล้ว! ลูกฉันฟื้นแล้ว!” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งร้องตะโกนด้วยความดีใจแล้วรีบคว้าตัวเด็กน้อยเข้าไปกอดไว้แน่น เธอร้องไห้ออกมาเสียงดัง ขณะที่ชาวบ้านคนอื่น ๆ พากันปรบมือด้วยความชื่นชมในตัวของอลิชาและเจย์เดน
“พวกคุณสองคนเป็นคนดีมากเลย คุณช่วยชีวิตเด็กคนนี้เอาไว้” ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ในกลุ่มชาวบ้านพูดขึ้น เขามองทั้งสองด้วยความชื่นชม เช่นเดียวกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ซึ่งต่างพากันพูดชมทั้งคู่ไม่หยุด
“ขอบคุณมากนะคะ ฮึก ขอบคุณที่ช่วยชีวิตลูกฉันไว้” แม่ของเด็กน้อยเอื้อมมาจับมืออลิชาอย่างขอบคุณ เธอมองอลิชาและเจย์เดนทั้งน้ำตา เด็กน้อยในอ้อมกอดของเธอก็เช่นกัน แม้จะอิดโรยแต่ดวงตากลมเล็กยังคงจับจ้องมา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้องปลอดภัยฉันก็ดีใจแล้ว”
“ใช่ครับ ผมว่ารีบพาเจ้าตัวเล็กไปโรงพยาบาลก่อนเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายมากกว่าเดิม” เจย์เดนลูบผมเด็กน้อยเบา ๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้ เขาดูอ่อนโยนมาก สายตาของเขาก็เช่นกัน
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ให้ตายสิ… นั่นมันไม่ใช่เสียงหัวใจของเธอใช่ไหม? เจย์เดนกำลังทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว…
ไม่ดีเลย… เป็นแบบนี้ไม่ดีเลยนะ… ลิชา…
.
.
.
“คุณ… ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามขณะทั้งสองกำลังเดินเคียงข้างกันบนชายหาดซึ่งเป็นทางเดินกลับโรงแรม เนื่องจากเวลานี้เริ่มจะค่ำแล้ว ลมทะเลพัดแรงพอสมควร แถมอากาศเย็นลงจนเธอเองยังรู้สึกหนาว
แล้วเจย์เดนล่ะ… เขาตัวเปียกขนาดนั้นคงจะต้องหนาวมากเลยทีเดียว
“คุณหมายถึงเรื่องไหนล่ะ”
“ฉันหมายถึงเรื่องหนาวค่ะ คุณหนาวไหมคะ?”
“คุณเป็นห่วงผมเหรออลิซ?”
เจย์เดนหันมายิ้มให้หญิงสาวข้างกาย แววตาเขาช่างอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก เธอเดาไม่ถูกเลยว่านิสัยที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้เป็นแบบไหนกันแน่ เพราะสิ่งที่เขาแสดงออกมาเวลาอยู่กับเธอมันดูเป็นตัวของตัวเองมาก เขาไม่ได้มีท่าทางเคร่งขรึมเหมือนพวกนักธุรกิจทั่วไปเลยสักนิด
“ก็คุณเป็นเจ้านายฉันนี่คะ” เธอตอบพลางหันหน้าหนี ไม่อยากมองเขาต่ออีกสักวินาทีเดียว แค่นี้หัวใจเธอมันก็ไม่ปกติพอแล้ว เธอต้องพยายามหักห้ามตัวเองเอาไว้ว่าอย่าไปหลงคารมของเขาอย่างเด็ดขาด… ถ้าเธอไม่อยากจะเสียใจในภายหลัง
“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอครับ”
“คุณหมายถึงเรื่องไหนล่ะคะ?” อลิชายอกย้อนเขากลับบ้าง เจย์เดนหลุดขำออกมาเบา ๆ กับความแง่งอนของเธอ
ช่างน่ารักอะไรขนาดนี้นะ…
“ผมทำให้คุณโกรธหลายเรื่องเลยหรือนี่”
“คงจะอย่างนั้นมั้งคะ”
“ถ้างั้นผมต้องทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธผมล่ะครับ”
เจย์เดนถามเมื่อทั้งสองเดินเข้ามาภายในล็อบบี้ของโรงแรมแล้ว บริเวณนั้นมีทีมงานซึ่งร่วมเดินทางมากับทั้งสองกำลังนั่งเล่นอยู่ประมาณสองสามคน คนเหล่านั้นหันมองอลิชากับเจย์เดนเป็นตาเดียว แถมยังกระซิบกระซาบกันจนคนถูกมองรู้สึกหน้าชาแปลก ๆ
“แค่เลิกยุ่งกับฉัน และปฏิบัติกับฉันเหมือนพนักงานคนอื่นก็พอค่ะ” อลิชาตอบน้ำเสียงเย็นชาขณะก้าวเข้ามายืนในลิฟต์ เจย์เดนชะงักไปเล็กน้อย เขามองตามสายตาเธอไปก่อนจะกดปิดประตูลิฟต์
“ได้… ถ้าคุณต้องการแบบนั้น”
เมื่อลิฟต์เคลื่อนมาถึงชั้นห้องพัก เจย์เดนเป็นฝ่ายผายมือให้อลิชาเดินออกมาก่อน เธอมองเขาเล็กน้อย จากนั้นก็รีบเดินออกมา
สีหน้าเรียบเฉยต่างไปจากเดิมของเจย์เดนนั่นคืออะไร… เธอไม่เคยเห็นเขาทำหน้าแบบนั้นมาก่อนเลย…
ร่างบางมัวแต่คิดเรื่องของเขาเพลินจนกระทั่งเดินมาถึงหน้าห้องของตัวเอง เธอยืนชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูและเข้าห้องโดยไม่หันไปมองหรือสนใจอะไรเขาอีก
บ้าจริง… ทำไมเธอต้องไปคิดมากกับสีหน้าของเขาด้วยนะ