จำได้

1257 Words
รุ่งเช้ามาทำกับข้าวใส่กล่องอย่างดีสามกล่องแล้วตรงมาทำงาน พอถึงเวลาพักเที่ยงก็มีเสียงฮือฮามาจากหน้าแล็บ ทั้งที่ยังไม่ทันเตรียมเลือดเสร็จเลย เกิดอะไรหนอ ฉันก้มลงจัดเลือดที่ตรวจเสร็จใส่ตู้อย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเก็บเลือด คงเป็นยายแก้มมาเรียกไปกินข้าว (ห้องที่ใช้ตรวจกับห้องที่ใช้ตั้งตู้เก็บเลือดของโรงพยาบาลนี้คนละห้องกัน) “แป๊บนะแก เค้าขอเก็บแป๊บ จะเสร็จแล้ว ข้าวแกเค้าเอาให้เมื่อเช้าแล้วนี่” “ครับ แต่ของพี่ยังไม่ได้” “!!!” ฉันชะงักตัวแข็งทื่อ เม้มริมฝีปากแน่น ทำไมจะจำไม่ได้กัน เสียงทุ้มนุ่มของคนที่ฉันไม่เคยลืมได้ “พี่ช่วยมั้ยจะได้ไปกินข้าวกันเร็วๆ” คนตัวสูงขยับมายืนข้างๆ แล้วก้มหน้าลงมาถาม ฮึ่ยยยยยยย ฉันตะโกนดังๆ ในใจ บ้าไปแล้ว แค่เสียงก็จะบ้า นี่ก้มหน้าหล่อๆ ลงมาอีก “ม..ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ฉันลอบกลืนน้ำลายแล้วกำมือที่สั่นน้อยๆ กับถุงเลือดบริจาค “ข้าวหมออยู่ในกล่องเก็บที่ตู้เก็บของข้างโต๊ะฉันค่ะ เดินจากประตูห้องนี้เลี้ยวขวา ถามยายแก้มได้เลยค่ะ” ฉันพูดยาวเหยียดทีเดียวโดยไม่มองหน้าเขา “หืม ไม่ไปกินด้วยกันเหรอครับ” “ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวฉันมีงานต่อ” “พักเที่ยงนะครับ” “งานด่วนน่ะคะ” “งั้นพี่ไปก่อนนะครับ” “ค่ะ” เสียงปิดประตู เข้าออกไปแล้ว ฉันลอบถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ ต้องอยู่ให้ห่างมากกว่านี้ ฉันเดินออกมาจากห้องเก็บเลือด “ฮ่าๆ งั้นเหรอครับ” “จริงเลยจ้ะ นี่เรากำลังมีออกอาสาที่ตีนดอย..ด้วย (ทางก่อนขึ้นดอย) แซมไปด้วยมั้ย” อะไรกัน นี่เขายังไม่ไปอีกเหรอ “ไปครับ อาสาคนไม่พอ” “อ่าว ลัลลามานั่นแล้วไง” พี่โป้งหันมาหาฉันก่อนที่ดวงตาคมบนใบหน้าหล่อเหลาจะหันมาจ้องที่ฉัน “มานี่สิลัล” พี่โป้งเรียก ฉันกะพริบตาถี่ๆ เดินไปหาพี่หัวหน้าแล็บที่ฉันเคารพมากคนหนึ่ง “ค่ะ?” พี่โป้งมองฉันสลับกับหมอแซมยิ้มๆ “นี่ คุยๆ กันเหรอ” ว่าแล้วยิ้มน้อยๆ แซวตามประสาคนสนิทกัน “ไม่ค่ะ! ไม่มีอะไรเลยค่ะพี่โป้ง” ฉันรีบปฏิเสธเสียงแข็ง พร้อมกำมือสองข้างกำเขย่าเบาๆ เป็นการยืนยัน สีหน้าจริงจังมากๆ ..แต่ทำไมแก้มถึงร้อนนะ พี่โป้งหัวเราะออกมาน้อยๆ “ไม่ต้องเขินหรอกน่า” “ไม่มีอะไรจริงๆ นะคะ เชื่อลัลเถอะ” “หมอแซมเขายังไม่ปฏิเสธอะไรเลยนะ” “เอ่อ ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นอะไรกันครับพี่” เขาพูดด้วยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก “ตอนนี้? นี่หมอ..สนจะ..” พี่โป้งพูดยังไม่ทันจบฉันก็แทรกขึ้น “ตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่ได้เป็นอะไรค่ะพี่ ลัลขอตัวไปกินข้าวนะคะ” ขอเสียมารยาทนะคะ ฮือ ฉันยิ้มเจื่อนยกมือขึ้นไหว้แล้วรีบเดินไปที่โต๊ะ ได้ยินเขาหัวเราะกับพี่โป้ง ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มของคนที่เดินตามมาว่า “ไหนว่ามีงานด่วนไงครับ” ฉันเบิกตาขึ้นนิดๆ ทั้งๆ ที่หันหลังนั่นแหละ ดีแล้วที่หันหลังไม่งั้นเขาเห็นแน่ “ไม่มีแล้วค่ะ” “งั้นก็ไปกินข้าวด้วยกันได้แล้วสินะครับ” “ได้สิคะพี่หมอ” ไม่ ไม่ใช่เสียงฉัน ยายแก้มมมมมมมมม “แก้ม แกไปกับเค้าด้วยใช่มั้ย ปะ งั้นไปกัน” ว่าแล้วฉันดึงถุงใส่กล่องข้าวสองกล่อง เอ๊ะ สองเหรอ “พอดีพี่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนเลยไม่กล้าค้นน่ะครับ” ยิ้มน้อยๆ “มา พี่ช่วยถือ” “ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันว่าแล้วคล้องแขนยายแก้มพาเดินไปที่โต๊ะกินข้าวในโรงอาหารใกล้แล็บ คนตัวสูงเดินตามมาข้างๆ แล้วคว้าจับเอาสายถุงผ้าที่ใส่กล่องอาหารไว้ กลายเป็นว่าตอนนี้เราสองคนจับเส้นสองเส้นของหูหิ้วไว้ในมือ ...ทำให้มือของเราอยู่ค่อนข้างใกล้กัน “งั้นก็ถือแบบนี้ไปแล้วกันเนอะ” ยิ้มมุมปาก ยายแก้มเอามือปิดปาก ฉันเม้มปากเน้นๆ ปล่อยมือ “อยากถือก็ถือไปค่ะ” ว่าแล้วเดินดุ่มๆ ไปซื้อน้ำมาจองโต๊ะ โต๊ะอาหาร “ว้าว น่ากินเหมือนเดิม หอมสุดๆ ไข่ดาวไม่สุกพอดี อืมมม” ยายแก้มพร่ำคำชมไม่หยุดขณะตักกิน “ไข่ดาว?” “คะ? ฉันก็ทำให้หมอนี่” “สุก?” “ค่ะ ไม่ชอบเหรอคะ” “ไม่ ลัลลารู้ได้ไงว่าพี่ชอบไข่ดาวสุกๆ” “พะ.. พอดีว่าน้ำมันมันร้อนน่ะคะ แล้วยายแก้มก็ชอบไข่ดาวไม่สุก เลยเอาอันนั้นให้หมอ” “ออ พี่ได้ของลองมือ” ยิ้มขำแล้วตักกินเรื่อยๆ “อร่อยมั้ยคะ พี่หมอ” ยายแก้มถามหลังหยิบน้ำมากินเมื่อข้าวกล่องหมด “อร่อยครับ ไข่ดาวก็อร่อย” ย้ำจริงพ่อคุณ “เห็นมั้ยแก้มบอกแล้ว” ว่าแล้วนางก็ยิ้มภูมิใจเหมือนทำเอง ฉันเลยยิ้มกับความคิดตัวเอง “ดีใจที่พี่หมอชมว่าอร่อยเหรออออ” เอ้า “เปล่า” “ไม่ดีใจเหรอครับ พี่รู้สึกว่าอร่อยจริงๆ นะ” คนพูดแต้มรอยยิ้มบางบนริมฝีปากเสริมคำพูด “ดีใจค่ะ.. แต่ก็ไม่ขนาดนั้น” ยิ้มสุภาพที่ฉาบริมฝีปากคงพอทำให้เขารู้ว่ายิ้มหล่อบาดใจนั้นทำอะไรฉันไม่ได้ บรรยากาศอึดอัดก่อตัวขึ้นแล้วก็ถูกทำลายลงโดยยายแก้ม “เอ่อ แก้มว่าแก้มกับลัลลากลับแล็บก่อนดีกว่า มีครอสแมชอีกเพียบบบบ” ว่าแล้วลากเสียงยาวเพิ่มความน่าเชื่อถือ หมอแซมยิ้ม ไถหน้าจอสมาร์ทโฟนนิดหน่อย เขามีเรื่องอยากรู้ เรื่องเก่าๆ “โอเคครับ ขอบคุณสำหรับข้าวกะเพราอร่อยๆ ครับ” ประโยคหลังหันมาพูดกับฉัน “ไม่เป็นไรค่ะ ลองทำมาให้ชิมเฉยๆ” ยัยแก้มสะกิดฉันยิกๆ ที่พูดจาไม่น่ารัก “ไว้คราวหน้าทำขนมมาให้พี่ ‘ชิม’ อีกได้มั้ยครับ” “ขนมอะไรคะ” ฉันว่าพลางเก็บกล่องอาหารใส่กระเป๋าแก้เก้อ เราลุกเดินออกจากโรงอาหารเข้าเขตแล็บทั้งที่เขาน่าจะกลับไปได้แล้วโดยเขาจงใจให้ยายแก้มเดินนำ เพราะฉันต้องรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรเป็นมารยาท “สาคู..มั้งครับ” “หมอไม่ชอบสาคูนี่นา” ฉันพลั้งปากออกไปก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองแทบไม่ทัน รีบหันไปมองหน้าหล่อเหลาที่แต้มรอยยิ้มอย่างสมใจ “ใช่จริงๆ ด้วยสินะ” “อะ..อะไรคะ” “ลัลลารู้ได้ไงครับว่าพี่ไม่ชอบกินสาคู” เสียงทุ้มนุ้มพูดเรื่อยๆ ทั้งที่สายตาฉายแววมั่นใจ “คะ..คงจำผิดมาจากคนรู้จักละมั้งคะ ขอโทษด้วยค่ะ” “งั้นเหรอครับ” “ค่ะ” ฉันยืนยันเสียงหนักแน่น “งั้น.. ลัลลาคงไม่รู้จักบอท ‘ธารา’ ใช่มั้ยครับ” “!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” “อะ.. ดะ..ได้เวลางานแล้ว ขอตัวนะคะ” ฉันรีบเดินเข้าแล็บด้วยใจที่เต้นรัวราวกับมีคนตีกลองใหญ่ๆ ในนั้น ทำไมเขารู้ แล้วยังเสียงที่ลอยมาตามหลังก่อนเข้าแล็บนั้นอีก “พี่จะทำให้เรายอมรับให้ได้ แอล”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD