บทที่ 8 บำรุงลูกสาว

1995 Words
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงได้กินแผ่นแป้งเย็นที่ลูกสาวเหลือไว้ให้สองแผ่น พาลูกสาวทั้งสี่คนไปอาบน้ำแล้วไล่เข้าห้องไป รวมถึงโจวลิ่วนีที่เธอให้ เด็กๆอยู่ด้วยกันก่อน จุดเทียนไว้ 3 เล่ม แล้วบอกให้เด็กๆระวังเปลวไฟ จากนั้นจึงมาจุดเตาไฟที่มีฟืนและถ่านยังแดงร้อนอยู่เล็กน้อย ใส่ฟืนและพัดให้ไฟลุกจะได้ทำอาหารไว้กินพรุ่งนี้เช้า เหอเสี่ยวหงนำรากผักชีในมิติออกมาผัดใส่พริกไทยในน้ำมันเล็กน้อย ผัดให้เครื่องหอมแล้วเทน้ำใส่ไปเกือบเต็มหม้อ ใส่ผงปรุงรส เกลือ ซีอิ๊ว คนให้ละลายจากนั้นนำกระดูกหมูที่มีเนื้อติดใส่ลงไป 2 ชั่ง แล้วปิดฝาไว้ทิ้งไว้ เนื่องจากมันมีถ่านจากการปิ้งแผ่นแป้งอยู่แล้วบวกกับใส่ฟืนลงไป คืนนี้จึงไม่ต้องลุกมาใส่ฟืนอีก พรุ่งนี้เหอเสี่ยวหงจะใส่อย่างอื่นเพิ่มแล้วก็จะหุงข้าวกินกับน้ำซุปกระดูกหมูที่ได้ต้มไป หันไปอีกเตาที่ยังไม่ได้จุดไฟ เหอเสี่ยวหงได้ย้ายไฟจากอีกเตามาใส่และใส่เชื้อเพลิงลงไปทำให้ไฟลุกขึ้น หยิบหม้อตักน้ำใส่ต้มให้สุก แล้วเหอเสี่ยวหงนำน้ำต้มสุกใส่กระติกน้ำร้อนไว้ พรุ่งนี้เธอจะได้ผสมกับนมให้เด็กๆดื่ม ถ้าไปต้มพรุ่งนี้เช้า คงจะไม่ทันเพราะมี 2 เตา และ 3 บ้าน กว่าจะทำอาหารเสร็จ กว่าจะต้มน้ำ กว่าจะรอน้ำหายร้อนคงเป็นช่วงบ่ายที่ได้ดื่ม เหอเสี่ยวหงเลยปัดปัญหาต้มตอนนี้แล้วเก็บใส่มิติไว้แทน เปิดหน้าต่างออกเล็กน้อยให้ควันไฟออก ไปปิดประตูนอกบ้านและกลับมาลงกลอนประตูบ้าน จากนั้นลงกลอนห้องครัวไว้เพราะไม่ได้ปิดหน้าต่างไว้ เผื่อมีโจรมาหรือสัตว์เข้ามาจะได้เข้าไม่ได้ เหอเสี่ยวหงเข้าไปในห้องของลูกสาว เห็นลูกสาวคนโต คนรองอ่านหนังสือให้น้องสาวอีกสองคนฟัง โดยที่โจวลิ่วนีนั้นใกล้จะหลับแล้ว “ลิ่วนีจ๊ะ ไปนอนกันเถอะจ้ะ” เหอเสี่ยวหงเรียกลูกสาวคนเล็ก “แม่ แม่ แม่นอน” โจวลิ่วนีตอบ “แม่จะนอนแล้วเหรอคะ” เป็นโจวซานนีที่เอ่ยถาม “ใช่จ้ะ หนูมีอะไรไหม” เหอเสี่ยวหงถามลูกสาว “หนูอยากให้แม่สอนหนังสือค่ะ!” โจวซานนีรีบตอบ “ตอนนี้มืดแล้ว เอาอย่างนี้ไหมจ๊ะ พรุ่งนี้กินข้าวเสร็จเราไปหาฟืนมาไว้ แล้วตอนเที่ยงแม่จะสอน” เหอเสี่ยวหงต่อรองกับลูกสาว “ได้ค่ะ!” โจวซานนีพยักหน้า “แม่! แต่หนูยังไม่ง่วง” โจวอู๋นีที่เธอยังอยากฟังพี่สาวอ่านหนังสือให้ฟังอยู่พูดขึ้น “อู๋นีจ๊ะ หนูเห็นพี่เอ้อร์นีปิดหนังสือไหมจ๊ะ พี่สาวหนูเชื่อฟังแม่ หนูต้องฟังแม่ด้วยนะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวคนกลาง “ก็ได้ค่ะ!” โจวอู๋นีทำหน้าเศร้า “เอ้อร์นีจ๊ะ ปิดหน้าต่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงไม่สนใจลูกสาวคนกลางเพราะตอนนี้ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเริ่มมืด แต่เทียนนั้นเหอเสี่ยวหงไม่ได้เอาออกมาเยอะต้องเผื่อฉุกเฉินไว้ด้วยเดี๋ยวจะถูกสงสัย แล้วหันไปถามลูกสาวคนโต “ใช่ค่ะ หนูปิดหน้าต่างแล้ว” โจวเอ้อร์นีพยักหน้าตอบ “โอเคจ้ะ พรุ่งนี้เช้าหนูเปิดหน้าต่างให้แสงแดดเข้ามาแล้วนำผ้าห่มไปตากไว้ที่หน้าต่างนะจ๊ะ ถ้าตากไม่พอให้เอาไปตากข้างนอก” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาว “ได้ค่ะ!" เหอเสี่ยวหงอุ้มลูกสาวคนเล็กกลับมานอนที่ห้อง เมื่อปล่อยลงบนเตียงเตาหล่อนก็หลับทันที เหอเสี่ยวหงจึงขึ้นไปนอนแล้วห่มผ้าให้ ตีสี่เป็นช่วงที่ทุกบ้านเริ่มตื่นมาทำกับข้าวกันแล้วแต่ไม่ใช่กับบ้านโจวที่อยู่บ้านเหอตอนนี้ เหอเสี่ยวหงเป็นคนตื่นคนแรก เธอจึงไปล้างหน้าแล้วเข้าครัวเพื่อไปดูกระดูกหมูตุ๋นที่เธอทำไว้ เมื่อเปิดฝาดูเธอเห็นน้ำลดลงเหลือครึ่งหม้อ ตักขึ้นมาชิมดูมันมีรสชาติที่พอดี เหอเสี่ยวหงจึงสับหมูแล้วปั้นเป็นก้อนลงไปในหม้อหลายก้อน ตามด้วยหัวไชเท้าที่หั่นเป็นแว่นหัวหนึ่ง หันไปตั้งหม้ออีกเตาแล้วหุงข้าวขาวผสมกับถั่วแดง เนื่องจากอาหารวันนี้เหอเสี่ยวหงเห็นว่ามันไม่มีผักจึงได้ใส่ถั่วแดงลงไปด้วย กว่าจะสุกมันก็น่าจะอีกเป็นชั่วโมงเลย หันกลับมามองอีกเตาตักฟองออกจนน้ำซุปเริ่มใสและหมูที่สับเริ่มสุกก็ยกลงจากเตา เทใส่ชามเหล็กในมิติไว้ เมื่อจะกินค่อยทำเป็นนำออกมาจากตู้ในห้อง เมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงเหอเสี่ยวหงจึงไปดูข้าวที่หุงไว้ เมื่อเห็นว่าสุกก็นำไปใส่ไว้กะละมังเล็กเอาจานปิดไว้ในตู้ พอทำกับข้าวเสร็จก็เก็บอุปกรณ์ไปล้างให้เรียบร้อย ตอนนี้ฟ้าเริ่มสางแล้วเหอเสี่ยวหงจึงไปปลุกเด็ก ๆเพราะเดี๋ยวจะต้องไปเก็บฟืนกัน ตอนเที่ยงจะได้มีเวลาเรียนรู้หนังสือกับเธอ อีกไม่กี่เดือนจะฤดูหนาวและก่อนฤดูหนาวไม่กี่วันชาวบ้านที่หมดงานจากแปลงนาแล้วก็จะต้องหาฟืนไปเก็บไว้ใช้ ในป่าหรือภูเขานั้นเป็นของรัฐ ห้ามเก็บของป่าหรือล่าสัตว์ในป่าหรือก็คือห้ามเข้าป่าไปเลย แต่เพราะชาวบ้านต้องใช้ฟืน เลยหลับตาข้างหนึ่งได้ เหอเสี่ยวหงจึงจะไปเก็บฟืนมาไว้รอใช้ในฤดูหนาว หากฟืนยังชื้นก็จะสามารถตากแดดได้ทัน “แม่คะ” “หนูเสร็จแล้วว” “แม่ แม่ ง่วง” “แม่” “ว่าไงจ๊ะ” กว่าจะปลุกเด็ก ๆ ไปล้างหน้าและเก็บที่นอนก็เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เป็นเวลาที่สะใภ้ใหญ่กับโจวมี่ตื่นขึ้นมาพอดี “สะใภ้รอง” “พี่สะใภ้รอง” “พี่สะใภ้ใหญ่ โจวมี่” เหอเสี่ยวหงขานรับ “พี่ทำกับข้าวเสร็จแล้วหรอ” โจวมี่ถาม “ใช่” เหอเสี่ยวหงพยักหน้า “จะไปเก็บฟืนเหรอ” สะใภ้ใหญ่ถามต่อ “ใช่ค่ะ ฉันฝากลิ่วนีของฉันด้วยนะ” เหอเสี่ยวหงตอบ “ได้จ้ะ เดี๋ยวพี่ดูแลให้” สะใภ้ใหญ่ขานรับ “ฉันคงไม่ได้ไปด้วยนะจ๊ะ ฉันกับพี่สะใภ้ใหญ่จะช่วยกันทำแปลงผัก” โจวมี่บอก “ได้ เดี๋ยวฉันไปกับเอ้อร์นี ซานนี อู๋นีเอง” “เธอไปทำกับข้าวเถอะ เสี่ยวยวี่ เสี่ยวจวี่จะหิว” “ค่ะ" “เอ้อร์นี พาลิ่วนีมานั่งเก้าอี้ ซานนี อู๋นีตามแม่เข้ามาในห้อง” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาว ลูกสาวทั้งหมดพยักหน้า เหอเสี่ยวหงเดินเข้ามาในห้องก็ตักข้าวที่หุงผสมถั่วแดงใส่ถ้วยคนละทัพพี นำน้ำซุปที่ต้มไว้แล้วเทราดบนข้าวจนเต็ม ตักหมูก้อนใส่คนละ 2-3 ก้อน หัวไชเท้าที่ถูกตุ๋นจนจะละลายคนละแว่น แล้วส่งให้ลูกสาวเอาออกไปจนครบห้าถ้วย เสร็จจากข้าวจึงหันมาหั่นแอปเปิ้ลกับสาลี่เป็นห้าชิ้นอย่างละลูก ตามด้วยพุทราที่เธอจะให้เด็ก ๆ ทานคนละลูก หันไปมองหน้าประตูเล็กน้อยก่อนจะเอากระติกน้ำออกจากในมิติ กดน้ำร้อนใส่ขวดเก็บอุณหภูมิจนเกือบเต็มเพราะจะชงนมผงที่เธอเตรียมไว้ นำขวดเก็บอุณหภูมิมาแช่น้ำแข็งผสมน้ำที่เย็บเฉียบในกะละมัง ทานข้าวเสร็จน้ำก็คงอุ่น แล้วถือจานผลไม้ออกไปกินข้าว เมื่อเดินออกมานอกห้องก็เห็นลูกสาวนั่งรอที่โต๊ะ แต่ยังไม่มีใครกิน เพราะปกติแล้วต้องรอให้ผู้ชายในบ้านกินก่อนค่อยจะได้กิน แต่นี่ไม่มีผู้ชายจึงต้องรอแม่แทน “หิวหรือยังจ๊ะ?” เหอเสี่ยวหงนั่งลงข้างลูกสาวคนเล็ก “หิว แม่ แม่หิว” โจวลิ่วนีตอบ ส่วนอีกสามคนไม่มีใครตอบ เพราะเวลากินข้าวหากคุยกันก็จะถูกยึดแป้งแผ่นเดียวที่ได้กินแค่มื้อละแผ่น “กินเถอะจ้ะ คนให้เข้ากันก่อนนะจ๊ะ เป่าให้หายร้อนเล้วค่อยกิน” เหอเสี่ยวหงทำให้ลูกสาวดู แต่ก่อนนั้นที่บ้านได้กินแค่แผ่นแป้ง ไม่ก็น้ำต้มข้าวที่นับเม็ดได้ส่วนข้าวนั้นจะเป็นผู้ชายที่ได้กิน ทำให้เด็กๆตาโตทันทีที่คนข้าวในถ้วยแล้วเห็นข้าวเยอะ “แม่! มันเยอะมากก” โจวอู๋นีตะลึง ”หนูกินได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” โจวเอ้อร์นีลังเล “กิน กินอีก” โจวลิ่วนีร้องเรียกเพราะแม่ป้อนข้าวเธอ “อร่อย!” โจวซานนีอุทานตาโต “กินได้สิจ๊ะ ของเราเอง ถ้าลูกไม่อิ่มก็เพิ่มได้จ้ะ แต่ผลไม้ที่แม่หั่นมาลูกต้องกินด้วย หลังจากกินเสร็จ แม่จะชงนมให้คนละแก้ว” เหอเสี่ยวหงตอบก่อนจะหันไปบี้หมูก้อนให้ลูกสาวคนเล็กกินเองสลับกับเธอที่เริ่มกินข้าว เด็ก ๆ รีบกินทันทีเพราะกลัวจะไม่ได้กินนม นั่นนมผงเลยนะ! เด็ก ๆ แถวชนบทแบบนี้ไม่มีโอกาสได้กินหรอก! พวกเธอต้องรีบกินข้าวจะได้กินนม ระหว่างนั้นสะใภ้ใหญ่กับโจวมี่ที่ทำอาหารเสร็จก็ออกจากครัวแล้วบอกจะกินในห้องของตัวเอง เหอเสี่ยวหงจึงพยักหน้ารับรู้ กินข้าวเสร็จหมดทุกคนแล้ว ดื่มน้ำล้างปากกันเสร็จเหอเสี่ยวหงจึงยื่นแอบเปิ้ลกับสาลี่ที่หั่นไว้เท่า ๆ กันให้คนละซีก พร้อมด้วยพุทราคนละลูก ข้าวที่เพิ่งกินเสร็จแล้วมันเยอะมาก ๆ สำหรับผู้หญิงและเด็กเล็ก ๆ อย่างพวกเธอ เมื่อได้กินผลไม้ไปเด็กๆ ๆ จึงพากันอิ่มมาก เหอเสี่ยวหงจึงปล่อยให้เด็ก ๆ นั่งย่อยข้าวกันก่อน ส่วนเธอก็เก็บถ้วยกับจานไปล้างข้างบ่อ ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเหอเสี่ยวหงจึงชงนมด้วยน้ำต้มสุกที่ถูกทำให้อุ่น เหอเสี่ยวหงตักนมผงใส่ถ้วยละช้อน ตามด้วยน้ำอุ่นคนให้ละลายแล้วส่งให้เด็กๆดื่ม “หอม หอมมากค่ะ” โจวเอ้อร์นีว่า “ใช่” โจวอู๋นีพยักหน้าเห็นด้วย “รัก แม่แม่” โจวลิ่วนีกอดขาเหอเสี่ยวหง “จ๊ะ แม่ก็รักหนู หนูไปอยู่กับคุณป้า คุณอาก่อนนะจ๊ะ แม่จะพาพี่ๆไปเก็บฟืน” เหอเสี่ยวหงยิ้มแล้วบอกลูกสาว โจวลิ่วนีพยักหน้า เหอเสี่ยวหงจึงให้โจวซานนีเดินไปส่งโจวลิ่วนีที่แปลงผักหลังบ้าน พร้อมทั้งให้โจวซานนีเอาซาลาเปาไปให้กล่องหนึ่งเผื่อโจวลิ่วนีหิว “เดี๋ยวรอซานนีก่อนนะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงหันไปบอกลูกสาว เหอเสี่ยวหงหยิบเอามีดทำครัวและขวานใส่ตะกร้าสะพายข้างหลัง พร้อมทั้งเอาน้ำต้มสุกที่เหลืออยู่ในกระติกน้ำร้อน ใส่ขวดเก็บอุณหภูมิกับแก้วเก็บอุณหภูมิที่เธอได้ใส่น้ำแข็งลงไปด้วยเพื่อให้น้ำเย็นลงไปในตะกร้า “ใส่หมวกกันด้วยนะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงยื่นหมวกให้ลูกสาวทันทีที่โจวซานนีเดินกลับมา “ได้ค่ะ!/ได้ค่าาา/หนูใส่แล้ววว” ลูกสาวทั้งสามยิ้มตอบ “ป้ะ! เดินระวังกันด้วยนะจ๊ะ อย่าห่างจากแม่ด้วย” เหอเสี่ยวหงเดินนำลูกสาวเข้าไปในป่าที่ห่างจากบ้านเกือบหนึ่งลี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD