หลังจากที่เหอเสี่ยวหงขายไข่ไก่ให้คุณป้าคนนั้นแล้วเหอเสี่ยวหงก็ยังขายสบู่ในราคาก้อนละ 3 หยวน และเอาผลไม้อย่างอื่นออกมาขายอีกเล็กน้อยก็ได้เงินทั้งหมด 51 หยวน 8 เฟิน! เป็นเงินเดือนสามีของเธอเกือบ 2 เดือน!
แม้นิยายในปี2022 ที่เหอเสี่ยวเคยอ่านหลาย ๆ เรื่องจะเห็นว่ามาขายครั้งหนึ่งได้เป็นร้อย ๆ หยวนก็ตาม แต่นี่คือชีวิตจริง!
หากเธอจะขายของได้เป็นร้อย ๆ หยวนคงต้องใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง! เพราะแค่นี้เธอก็ขายของ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ และเธอคงจะฝืนร่างกายเหนื่อยอยู่หรอก! กว่าจะปั่นจักรยานกลับบ้านอีก!
เมื่อขายของเสร็จแล้วเหอเสี่ยวหงก็ปั่นจักรยานมาจอดที่ห้างสรรพสินค้าในอำเภอและเข้าไปดูของข้างใน
แต่เพราะมันเป็นช่วงปลายเดือน ของจึงยังไม่มาเติม และหากของมาเติม ไม่ถึงวันก็ไม่น่าพอเพราะของน้อยมาก ตอนนี้ของน้อยชนิดที่ว่าเหลืออันละไม่เกิน 3 ชิ้น!
‘แบบนี้ฉันจะเอาอะไรกลับไปให้บ้านใหญ่กับโจวมี่เล่า’ เหอเสี่ยวหงคิดในใจ
ที่เธอจะไม่เอาของในมิติให้ก็เพราะไม่อยากให้ทั้งสองสงสัยว่าเอาของมาจากไหนในเวลาที่ของหายากแบบนี้
‘งั้นเอาแอปเปิ้ลให้สัก 2 ลูกก็ได้’ เหอเสี่ยวหงตอบตัวเองในใจ
เหอเสี่ยวหงที่ขี่จักรยานออกจากห้างสรรพสินค้าก็ปั่นดูรอบ ๆ อำเภอ
ตอนยังเรียนอยู่ในอำเภอเหอเสี่ยวหงไม่ค่อยมีเวลาไปไหนมากนัก ส่วนมากจะอยู่ที่โรงเรียนและหอพัก
ไม่ได้รู้จักคนมากแต่ก็มีเพื่อนเพราะเป็นคนที่สวย แต่ก็นั่นแหละเพราะถ้าไม่อยู่ห้องแล้วก็โรงเรียนก็กลับบ้านแค่นั้น
รถจักรยานเกือบ 50 คัน ปั่นสวนกันไปมาในท้องถนนของอำเภอที่มีหลายคนมอง
เมื่อก่อนรถจักรยานมีไม่มากนัก บ้านเหอที่ว่ามีฐานะก็เพราะว่าพ่อของเหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรงนั้นเป็นทหารที่พลีชีพเมื่อหลายปีที่แล้ว
หลังจากพ่อของเหอเสี่ยวหงเสียชีวิต อาสามกับอาสี่ที่เป็นน้องชายของพ่อก็ได้ไปเป็นทหารแทน
หลังจากนั้นทั้งสองก็ส่งเงินมาให้แต่หลังจากบ้านเหอเกิดเรื่องก็ไม่ได้ส่งเงินมาอีกเลย เพราะฉะนั้นบ้านเหอจึงเหลือเพียงหลานสาวสองคน
เมื่อปั่นจักรยานวนดูรอบ ๆ ในระแวกหนึ่ง เหอเสี่ยวหงก็ตัดสินใจกลับบ้านเพราะกว่าจะถึงบ้านก็น่าจะค่ำแล้ว เดี๋ยวลูกสาวกับคนอื่นๆจะเป็นห่วง
จึงหาเช่าเกวียนวัวในอำเภอเพื่อขนของกลับไปยังบ้านให้ เพราะของที่จะเอากลับบ้านมีหลายอย่าง แค่จักรยานคันเดียวของเธอมันคงจะเอาไปไม่หมดแน่ ๆ
พอหาเช่าเกวียนได้แล้วเหอเสี่ยวหงก็นัดแนะเวลาสว่าต้องมารับของที่ไหน เพราะเธอยังไม่ได้เอาของออกมา จึงต้องหามุมอับเพื่อเอาของออกมาก่อน
เหอเสี่ยวหงมองซ้ายขวาอย่างระวังเพราะกลัวว่าจะมีคนมาเห็น จากนั้นนึกถึงสิ่งที่อยากเอาออกมา สิ่งแรกก็คือจักรเย็บผ้าขนาดกลางที่สามารถยกไปไหนมาไหนได้ อมันต่างจากจักรเย็บผ้าของที่นี่ ซึ่งเหอเสี่ยวหงจะบอกคนในบ้านว่าสหายส่งมาให้
ตามด้วยม้วนผ้าคละสีหลายม้วนที่เลือกหยิบ ๆ มา ตามด้วยด้ายสีที่แถมมากับม้วนผ้า และยังไหมพรมอีกที่เหอเสี่ยวหงจะเอาเป็นถักเวลาว่าง
ข้าง ๆ กันเหอเสีายวหงก็เอากระติกน้ำร้อนโบราณออกมา 1 ใบ แก้วเก็บอุณหภูมิที่แถมมาอีก 2 ใบ และขวดเก็บอุณหภูมิ 4 ขวดวางไว้ข้างจักรเย็บผ้า และไม่ลืมที่จะหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาอีก ที่บ้านก็มีใช้แต่มันเก่ามากแล้ว
นำเครื่องปรุงที่เป็นของแห้งออกมาอย่างละ 2 ชั่ง ส่วนพวกที่เป็นของเหลวเอาออกมาอย่างละขวด นำไปวางใส่ตะกร้าที่หยิบออกมาเช่นเดียวกัน ส่วนอีกใบที่เอาออกมาด้วยเหอเสี่ยวหงจะเอาใส่พวกผักที่มีในมิติ
นำตะกร้าขนาดใหญ่ออกมาเก็บพวกเครื่องปรุงใส่ พร้อมทั้งหยิบพวกของแห้งอย่างปลากระป๋อง ทูน่า โจ๊ก และข้าวต้มอบแห้งออกมาด้วย
นำกะละมังขนาดกลางอีกอันออกมาวางไว้แล้วหยิบพวกจาน ชาม ลงใส่กะละมัง ของที่มีในบ้านมันเก่ามากแล้ว วางทับด้วยน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก แปรงสีฟัน ยาสีฟัน
อีกทั้งยังเอาธัญพืชที่มีออกมาอีกอย่างละห้าชั่ง ของพวกนี้เธอเอามาหลอกตาคนขับเกวียนเฉย ๆ เพราะหากใกล้ถึงบ้านจะเอาของออกมาอีก เพราะแค่นี้ก็เยอะมากแล้ว
“โอ้! ดูนั่นสิ สะใภ้รองบ้านโจวซื้อของมาเต็มคันรถเลย!” ชาวบ้านที่เพิ่งเลิกงานชี้ให้คนที่ยืนอยู่ด้วยกันดู
ช่วงสายที่ผ่านมามีหลายคนเห็นว่าสะใภ้รองโจวปั่นจักรยานออกจากหมู่บ้าน ทั้งยังได้คุยถึงเรื่องที่บ้านรองโจวพาบ้านใหญ่แยกบ้านอีกด้วย ทั้งที่ตวามเป็นจริงบ้านหลังนั้นควรจะเป็นของบ้านใหญ่
“นางไปซื้อของมาจริง ๆ “ คนข้างบ้านโจวอีกคนอุทานขึ้นมา
กลุ่มคนที่นินทาสะใภ้รองบ้านโจวเมื่อช่วงสายก็ยังอยู่ระแวกนี้เหมือนกัน อันที่จริงก็มีหลายคนที่ดักรออย่างอยากรู้อยากเห็น
“โอ้! นางซื้อกะละมัง!” ชาวบ้านที่ยืดคอมองของในรถชี้บอก กะลังมังหนึ่งใบเกือบสามหยวนและต้องใช้คูปอง อีกอย่างถ้าจะซื้อมันก็ไม่ได้หาซื้อง่าย ๆ
“ฉันเห็นเครื่องปรุง”
“น้ำมัน!”
“น้ำมันขวดใหญ่มาก!”
“นางคิดอะไรอยู่ถึงซื้อมันมา”
“ของเยอะมาก ต้องใช้เงินเยอะแน่”
“นางหลี่ซือรู้ยัง! สะใภ้ของนางเอาเงินไปซื้อของสิ้นเปลืองแบบนี้ โอ้ สวรรค์!”
“เดี่ยวอะไรกับนางหลี่ซือล่ะ พวกเขาแยกบ้านกันแล้ว”
“หากเจ้ารองโจวไม่กลับมานางกับลูกเดือดร้อนแน่ ๆ “
“เป็นสะใภ้ที่ใช้เงินสิ้นเปลืองจริง ๆ”
“เงินนั่นไม่ควรเป็นของนาง”
“ควรเป็นของแกหรือยังไง? ไป ๆ เงินของนางนางจะใช้ยังไงก็เรื่องของนางสิ”
“แก!”
เหอเสี่ยวหงไม่ฟังเสียงนินทาของชาวบ้านที่พบเห็น เธอนับถือคนที่นี่จริง ๆ นินทาเมื่อเช้ายังไม่พอกันอีกเหรอ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เหอเสี่ยวหงเอาของที่ถูกในยุคนี้ขึ้นไว้ด้านบน
หากพวกชาวบ้านรู้ว่าเธอจะเอานมผงออกมาใช้ด้วยจะไม่กระอักเลือดกันเลยหรือ แค่ซื้อของมาใช้ในบ้านยังถูกนินทาว่าสิ้นเปลือง ยิ่งหากจำไม่ผิดชาวบ้านที่ชี้เธออยู่สนิทกับแม่เลี้ยงของสามี!
เมื่อเกวียนเคลื่อนผ่านกลางหมู่บ้านและผ่านทางบ้านโจว เหอเสี่ยวหงก็เห็นนางหลี่ซือที่กำลังยกของที่เหลือจากการแยกบ้านออกมาวางหน้าบ้าน พอนางหลี่ซือมองเห็นของที่เหอเสี่ยวหงซื้อนางก็มองด้วยความโกรธ
ของพวกนั้นควรเป็นของครอบครัวพวกนาง ของลูกชายของนาง ไม่ใช่ของสะใภ้ที่นางเกลียดชังมาตลอด
สามวันก่อนหลังจากแยกบ้านกันแล้วนางหลี่ซือก็ได้ไปหาแม่สามีเพื่อเอาของจากลูกสะใภ้คืน แต่พ่อสามีไม่ยอมเพราะบ้านใหญ่กับบ้านรองเรียกได้ว่าเป็นบ้านหลักมากว่าบ้านสามของพวกนางซะอีก นางหลี่ซื่อจึงทำได้เพียงคับแค้นใจ
เหอเสี่ยวหงเห็นแววตาความแค้นของแม่สามี แต่เธอไม่ได้สนใจ แยกบ้านกันแล้วก็ต่างคนต่างอยู่ รีบบอกทางให้คนขับเกวียนรีบไปที่บ้านเพราะค่ำแล้ว
อีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านเหอเสี่ยวหงอาศัยจังหวะที่คนขับเกวียนเผลอเอาผ้าที่กั้นตัวเกวียนกับคนบังคับเกวียนลง จากนั้นก็เริ่มหยิบของออกมา แม้ของบางอย่างยังไม่จำเป็นแต่เหอเสี่ยวหงก็เอาออกมาเพื่อให้คนในบ้านไม่สงสัย
ผลไม้อย่างแอปเปิล พุทรา สาลี่ เหอเสี่ยวหงก็เอาออกมา มันเป็นผลไม้ที่ควรจะใช้บำรุงลูกสาวแต่ละคน และยังเอาแครอท ข้าวโพด หัวไชเท้า เนยจืด เนยเค็มออกมาอีก จะเอาไว้ทำขนม
เหอเสี่ยวหงรีบกวาดสายตามองของในเกวียนว่าขาดอะไรอีก ซึ่งของที่เธอมีมันก็เยอะมาก จึงไม่รู้ว่าจะเอาอะไรออกมาบ้าง อีกอย่างขอฃที่ใหญ่เกินไปก็เอาออกมามากไม่ได้ เดี๋ยวคนบังคับเกวียนสงสัย
‘ปากกา สมุด เทียน หนึ่ง…สอง…สาม ครบ ยาสระผม ครีมนวด ครบ สบู่ทดลองครบ’
สบู่ทดลองที่เหอเสี่ยวหงเอาออกมาใหม่มันแค่เป็นตัวทดลองที่ทางโรงวานส่งมาให้ใช้ดู มันเป็นสูตรเฉพาะที่เหอเสี่ยวหงสั่งผลิตมาทดลองใช้ตั้งแต่เข้าชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เหอเสี่ยวหงไม่ร่อยมีเวลาออกไปไหนด้วย
ต้องพัฒนาสวนที่คุณย่าทิ้งไว้ให้จนลืมของที่เคยหยิบใส่มิติไปหลายอย่าง และส่วนมากของในมิติก็เป็นสบู่ไปแล้วมากกว่าครึ่ง!
เหอเสี่ยวหงหยิบช็อกโกแลตชิบ นมผง นมอัลมอนด์ นมอัดเม็ด เวย์เพิ่มกล้ามเนื้อ ซาลาเปากับขนมจีบและขนมอื่น ๆ ออกมาไว้ด้านนอก
“ลืมอะไรอีกเนี่ย” เหอเสี่ยวหงพึมพัม
เธอรู้สึกว่ามันขาดหายไปบางอย่าง จึงต้องกวาดสายตาเพื่อมองหาสิ่งที่ตามหาอีกรอบพร้อมกับคิดไปด้วย
“ผัก ผลไม้ ธัญพืชอเครื่องปรุง นมผง น้ำยาล้างจาน… ครบอยู่นี่” เหอเสี่ยวหงเอ่ยออกอย่างแผ่วเบา เรียกได้ว่าเบากว่าเสียงกระซิบซะอีก
เธอนึกออกแล้ว! เธอลืมเนื้อสัตว์ไปสนิทเลย เหอเสี่ยวหงจึงรีบหยิบเนื้อในมิติออกมาใส่ในเกวียนเพราะเห็นว่าจะถึงบ้านแล้วเลยไม่ได้คิดว่าจะเอาอะไรออกมา
“พี่สะใภ้รอง!”
“คุณแม่!”
เมื่อเหอเสี่ยวหงลงมาเปิดประตูบ้านเพื่อจะยกของเข้าบ้านก็เห็นน้องสาวสามีกับลูกสาวของเธอนั่งรออยู่พื้นหน้าบ้าน
ยิ่งพอเห็นคนเป็นแม่ลูกสาวของเธอก็รีบวิ่งมาหา เหอเสี่ยวหงจึงต้องรีบก้มไปอุ้มลูกสาวคนเล็กอย่างโจวลิ่วนีที่อายุเพิ่งสองขวบขึ้นมาอุ้ม
“หนูรอแม่เหรอจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ!” เป็นเสียงจากโจวเอ้อร์หง หรือ โจวเอ้อร์นี ลูกสาวคนโตของเธอที่ปีนี้อายุแปดขวบแล้ว
“คุณแม่หายไปไหนมาคะ” ตามมาด้วยเสียงของลูกสาวคนรองอย่าง โจวซานหงหรือโจวซานนีที่ตอนนี้อายุเจ็ดขวบ
“แม่! แม่หายไปไหนมาคะ” และเสียงนี้เป็นเสียงของลูกสาวคนกลาง โจวอู๋หงหรือโจวอู๋นี ปีนี้อายุห้าขวบ หล่อนเดินมากอดขาเธอแน่น
“แม่ไปซื้อของมาจ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบลูกสาว
“หนูนึกว่าคุณแม่จะทิังไปแล้ว ฮืออออ”
เป็นโจวเอ้อร์นีที่พูดพร้อมกับเสียงที่หล่อนร้องไห้จริง ๆ เหอเสี่ยวหงจึงต้องนั่งลงกอด แล้วเด็ก ๆ ที่เหลือก็เข้ามากอดจนกลายเป็นก้อนกลม ๆ
โจวเอ้อร์นีโตพอที่จะรู้เรื่องหลาย ๆ อย่างแล้ว แม่ของพวกเธอบอกว่าจะไปข้างนอกช่วงสาย แต่ใกล้จะมืดแล้วแม่ยังไม่กลับมาเธอจึงพาน้องๆออกมารอลานหน้าบ้าน พอคุณอาเห็นจึงออกมารอเป็นเพื่อน
“โอ๋ ๆ นะจ๊ะ แม่ซื้อของมาเยอะเลยนานน่ะ น้องสาวเล็กจ๊ะ ช่วยพี่ยกของหน่อยจ้ะ” พูดกับลูกสาวก่อนจะหันไปบอกน้องสาวสามี
“ได้ค่ะ!” โจวมี่รับคำ
“เด็ก ๆ ไปช่วยกันยกของเถอะจ้ะ” เหอเสี่ยวหงว่าพลางปล่อยลูกสาวคนเล็กลงพื้น