“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
เหอเสี่ยวหงหันไปมองตามเสียงก็เห็นสะใภ้ใหญ่เดินออกมา ตามมาด้วยลูกสาวคนโตอย่างโจวต้าหงหรือโจวต้านีวัย 9 ขวบ
ที่จับมือน้องสาวคนรองอย่างโจวซือหงหรือโจวซือนีเด็กน้อยวัย 7 ขวบ ออกมาด้วย
ส่วนลูกสาวคนเล็กวัยสามขวบของบ้านใหญ่อย่างโจวมู่หงหรือโจวมู่นีนั้นเหอเสี่ยวหงไม่เห็น อาจจะยังนอนอยู่ก็ได้
“พี่สะใภ้มาพอดีเลยช่วยฉันขนของหน่อยค่ะ” เหอเสี่ยวหงบอก
“ได้จ้ะ” สะใภ้ใหญ่ตอบ
“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ!/หนูช่วยค่ะ!”
เป็นโจวต้านีกับโจซือนีบอกพร้อมกับเดินมาช่วยทุกคนขนของเข้าไปในบ้าน เพราะคนบังคับเกวียนวัวเป็นผู้ชาย เหอเสี่ยวหงจึงไม่ได้ให้เขาเอาเกวียนเข้าไปในบ้าน
ส่วนเหอเสี่ยวหงนั้นเมื่อทุกคนขนของเข้าไปข้างในทั้งหมดและอาศัยช่วงเงลาที่คนบังคับเกวียนนั่งพักเอาแรง ก็นำผ้านวมที่พับซีลใส่ถุงสูญกาศออกมาแล้วทำเป็นหยิบจากเกวียนเข้าไปในบ้าน
“โอ้! สะใภ้รอง เธอได้ผ้านวมมาจากไหนน่ะ! ผืนใหญ่มาก” สะใภ้ใหญ่อุทานตาโต
ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนกันยายนแน่นอนว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นฤดูหนาว ที่เหอเสี่ยวหงเอาออกมาตอนนี้ทั้ง ๆ ยังไม่ถึงฤดูที่ต้องใช้ก็เพราะมันยังหาง่ายอยู่ยังไงล่ะ!
หากเข้าสู่ช่วงหนาวแล้วทุกบ้านจะต้องหาของมากักตุนเพื่อเก็บไว้กินหน้าหนาว แต่ผ้าห่มนั้นหากจะซื้อต้องมีคูปองและเงินอีกหลายหยวน ชาวบ้านจึงไม่มีใครซื้อ
แต่ในอำเภอพอมีคนมีเงินอยู่ก็จะซื้อมาเก็บไว้ ยิ่งก่อนฤดูหนาว ชาวบ้านยังเก็บเกี่ยวไม่เสร็จของที่เพิ่งลงก็จะถูกคนมีเงินซื้อไปหมดก่อนแล้ว
“พอดีฉันได้มาจากสหายน่ะค่ะ พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันมีสหายเยอะ” เหอเสี่ยวหงตอบ
สะใภ้ใหญ่พยักหน้า ตอนที่เรียนอยู่เหอเสี่ยวหงเป็นคนหน้าตาสวยถึงจะไม่สวยที่สุด แต่ก็มีหน้าตาที่โดดเด่น ยิ่งโตขึ้นยิ่งสวยมาก
“พี่สะใภ้ใหญ่อยากได้ไหม ฉันจะบอกสหายให้หาให้ แต่บอกก่อนนะว่ามันต้องใช้เงินเยอะ และต้องสั่งก่อนฤดูหนาว ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ทัน!” เหอเสี่ยวหงถามต่อ
เหอเสี่ยวหงปล่อยให้คนอื่นขนของเข้ามาส่วนตัวเองนั่งพักเพราะเหนื่อย ของที่เอาออกจากมิติถือว่าเยอะมาก แต่คนที่ขนก็เยอะเช่นกัน พอขนมาคนละ 4-5 รอบก็หมดแล้ว จากนั้นคนบังคับเกวียนวัวก็ขอตัวกลับเพราะเริ่มมืด
“สหายเธอหาได้ใช่ไหม? ราคาเท่าไรล่ะ!” สะใภ้ใหญ่ตื่นเต้น
สามีของหล่อนเป็นทหารแน่นอนว่าย่อมมีการเก็บเงินไว้ไม่ได้เข้ากองกลางทั้งหมด แต่เพราะเงินไม่ได้เข้ากองกลางจึงใช้ซื้อของอื่น ๆ ไม่ได้ยกเว้นที่สามีจะซื้อมาให้
หล่อนเคยได้ยินชาวบ้านคนอื่นพูดทุกปีว่าผ้าห่มไม่พอและไม่เคยซื้อได้เลย ที่บ้านรองโจวได้ใช้ก็เพราะได้จากโจวจือหยวนกับโจวเหวินหลงที่หามาให้!
พอแยกบ้านแน่นอนว่าผ้าห่มนั้นไม่พอเพราะลูกสาวเริ่มโตขึ้นแล้ว แต่นี่ยังไม่ถึงฤดูหนาวแล้วก็หล่อนไม่รู้จักที่ซื้อเลยไม่รู้ว่าจะต้องซื้อที่ไหน!
“ผืนละ 13 หยวนค่ะ! 2 ผืน 25 หยวน ฉันเลยเอามา 2 ผืน หากพี่อยากได้เข้าอำเภอรอบหน้าฉันจะบอกสหายให้” เหอเสี่ยวหงตอบ
“แล้วกระติกน้ำร้อนกับจักรเย็บผ้าเธอก็ได้มาจากสหายเหรอ” สะใภ้ใหญ่ถามอีก
“ใช่ค่ะ” เหอเสี่ยวหงพยักหน้า
สะใภ้ใหญ่พยักหน้าแล้วขอตัวกลับไปดูลูกสาวที่หลับอยู่พร้อมลูกสาวอีกสองคน ส่วนโจวมี่เสี่ยวยวี่วิ่งมาบอกหลังจากขนของเสร็จว่าเสี่ยวจวี่ร้องไห้นั้นก็ไปทันที
ทำให้ตอนนี้เหลือแค่เธอและลูกสาวอีกสี่คนที่มานั่งบนเตียงเตากับเธอ
“เอ้อร์นี ซานนี ช่วยแม่เก็บของหน่อยจ้ะ” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวคนโตและลูกสาวคนรอง
“ได้ค่ะ!” เสียงลูกสาวทั้งสองคนตอบ
จากนั้นเหอเสี่ยวหงก็เอาธัญพืชใส่ตู้เล็ก ๆ ข้างบนหัวเตียงเตาที่ไม่รู้ว่าสามีของเธอทำให้ตอนไหน ส่วนพวกเครื่องปรุง พวกผงซักฟอกหรือยาสระผมเอาไว้บนหลังตู้ ส่วนพวกนมผงเอาใส่ของในตู้ที่มีไม้ปิด และนำผักผลไม้ใส่ไว้
ส่วนพวกถ้วยจาน กะละมัง เหอเสี่ยวหงให้เอ้อร์นีเอาไปล้างแล้วคว่ำตากไว้ข้างบ่อ รอให้แห้งพรุ่งนี้ค่อยเก็บมาใส่ตู้ไว้
ส่วนเนื้อสัตว์เหอเสี่ยวหงจะเอาไว้ในมิติเหมือนเดิมเพราะกลัวมันจะเน่าเสียก่อน
“ซานนีจ๊ะ ไปเอาถ้วยกับจานในครัวมาให้แม่หน่อย เอามาหมดเลยนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะ!” โจวซานนีรับคำก่อนจะวิ่งออกไป
เหอเสี่ยวหงมองตามลูกสาวคนรองก่อนจะหันไปมองลูกสาวคนกลางกับคนเล็ก ที่นั่งเล่นอยู่บนเตียงเตาแล้วยิ้ม ส่วนลูกสาวคนโตเธอใช้ให้ไปล้างพวกจาน
ต้องบอกก่อนว่าคนในยุคนี้จะต้องทำอะไรต่าง ๆ ในตอนเด็กเพื่อแบ่งเบาภาระคนในครอบครัว หากคนมีฐานะก็จะดีหน่อยอย่างน้อยก็แค่เรียน ส่วนชาวบ้านที่ยากจนนั้นต้องเก็บแต้มแรงงาน เด็กบางบ้านอาจได้เล่น แต่บางบ้านก็ต้องลงแปลงนา แม้จะอายุ 5 ขวบก็ตาม อย่างน้อยก็ได้ 1-2 แต้มก็ยังดีกว่าจะไม่ได้
อีกอย่างโจวเอ้อร์นีเป็นเด็กที่รู้ความอย่างมาก เป็นเด็กที่ถ้าให้ทำอะไรก็จะทำ ไม่บ่นหรือไม่เถียงเลย ก่อนแยกบ้านเวลาเหอเสี่ยวหงเข้าครัวโจวเอ้อร์นีก็จะเข้ามาช่วย การเรียนที่เหอเสี่ยวหงสอนให้ก็จะเก็บไปเรียนรู้ซ้ำ ๆ จนจำได้ทั้งหมด
ส่วนโจวซานนีเป็นเด็กที่ความจำดีมาก แต่จะไม่ชอบการเข้าครัว เมื่อก่อนเวลาที่นางหลี่ซือไล่ให้ไปทำอาหาร แทนเหอเสี่ยวหงกับพี่สาวที่ลงแปลงนาก็จะได้กินนิดเดียวเพราะของเสียหายหมด
ส่วนโจวอู๋นีเหอเสี่ยวหงให้จำตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้ก็พอรู้อักษรบ้าง แต่เนื่องจากยังเด็กจึงไม่ได้ถูกสอนมากนัก แต่ตอนนี้เหอเสี่ยวหงได้กลับมาใหม่แล้ว และจะทำให้นางหลี่ซือกับย่าโจวต้องกระอักเลือดเพราะลูกสาวนาง!!
โจวลิ่วนีนั้นยังไม่ถึงสามขวบจึงไม่ได้สอนแต่ก็มีดูกับโจวอู๋นีบ้าง แต่ถ้าถึงสามขวบแล้วเหอเสี่ยวหงก็จะเริ่มสอน!
ถึงในความคิดใครหลายคนจะว่าสามขวบยังเด็กแต่เธอคิดว่าถึงจะเด็กแต่อย่างน้อยเริ่มเรียนรู้ตัวอักษรบ้างก็ดี
จักรเย็บผ้า ม้วนผ้า ด้ายเธอจะเอาไปไว้ห้องของเธอที่ว่างอยู่ ส่วนไหมพรมจะเอาไว้ถักตอนกลางคืนจึงเก็บไว้บนเตียงเตา จากนั้นจึงแยกของเพื่อเอาให้สะใภ้ใหญ่กับโจวมี่
“แม่คะ! หนูเอามาหมดแล้ว” โจวซานนีที่วิ่งไปเอาชามกับจานมา 3-4 รอบบอก
เหอเสี่ยวหงพยักหน้ารับ เอาของใส่ในชามและจานที่โจวซานนีเอามา
‘แอปเปิล 2 ลูก ส้ม 2 ลูก สาลี่ 2 ลูก พุทรา 4 ลูก ข้าวโพดดิบ 2 ฝัก หัวไชเท้า 1 หัว ไข่ 5 ฟอง เลือดไก่กับเต้าหู้อย่างละครึ่งก้อน ซี่โครงหมู 1 ชั่ง เนื้อสะโพก 1 ชั่ง กระดูกหมู 1 ชั่ง อกไก่ 1 ชั่ง นมอัดเม็ด 1 กระปุก ซาลาเปา 1 กล่อง ขนมจีบ 1 กล่อง ครัวซองต์ 2 ชิ้น บราวนี่ 5 ชิ้น คัพเค้ก 1 ชิ้น เทียน 10 แท่ง ขวดเก็บอุณหภูมิ 1 ขวด สบู่ 3 ก้อน'
เหอเสี่ยวหงจำรายชื่อของที่จะแบ่งให้สองบ้านในใจแล้วนับจำนวน
“หนึ่ง สอง สาม.... หนึ่ง... หนึ่ง สอง.... หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า” เหอเสี่ยวหงนับจำนวนของ
‘เดี๋ยวเอาสมุดกับปากกาให้บ้านละ 2 ชุดดีกว่า’ เหอเสี่ยวหงคิด
“เอ้อร์นีมาพอดี มาช่วยแม่กับน้องยกของไปไว้ที่โต๊ะหน่อย”
เหอเสี่ยวหงที่นับของเสร็จแล้วกำลังยกของออกไปไว้โต๊ะกลางบ้าน โจวเอ้อร์นีก็กำลังเข้ามาในห้องพอดี
“ได้ค่ะ” โจวเอ้อร์นีตอบ
เหอเสี่ยวหง โจวเอ้อร์นี โจวซานนีช่วยกันยกของออกไป โจวอู๋นีที่เห็นแม่กับพี่สาวยกของจึงลงจากเตียงเตามาช่วยทั้งสามคน
เมื่อยกของเสร็จ เหอเสี่ยวหงก็ตะโกนเรียกสะใภ้ใหญ่กับน้องสาวสามีออกมารับของ
“พี่สะใภ้ใหญ่! โจวมี่! ออกมานี่หน่อย!” เหอเสี่ยวหงตะโกน
โจวมี่ที่ลูกสาวตื่นแล้วกำลังนอนเล่นกับลูกสาวอยู่ได้ยินเสียงพี่สะใภ้เรียก ก็อุ้มลูกสาวคนเล็กและบอกลูกสาวคนโตให้ออกมาข้างนอกด้วย
ส่วนอีกห้อง เมื่อสะใภ้ใหญ่กลับเข้าห้อง ก็บอกให้ลูกสาวทบทวนบทเรียนในสมุดที่สามีหล่อนเอามาให้ ให้หล่อนเขียนตัวอักษรให้ลูกสาวดู
เมื่อโจวต้านีอ่านได้ไม่กี่หน้าก็ได้ยินสะใภ้รองตะโกนเรียก ทั้งสามที่ไม่รวมกับโจวมู่นีที่หลับอยู่ก็ออกจากห้อง
“มีอะไรเหรอคะ” โจวมี่
“จ๊ะ? สะใภ้รองเรียกฉันทำไม” สะใภ้ใหญ่ถาม
“ฉันแบ่งของให้น่ะ ขนกลับห้องไปด้วย” เหอเสี่ยวหงบอก
เหอเสี่ยวหงอุ้มลูกสาวคนเล็กอยู่เพราะลูกสาวอีกสามคนช่วยกันยกของออกมากับเธอ พอยกเสร็จเมื่อเรียกทั้งสองคนออกมาลูกสาวคนเล็กก็ตามออกมาให้เธออุ้ม
“โอ้! พี่สะใภ้! ของพวกนี้ฉันไม่กล้ารับหรอกค่ะ” โจวมี่ปฏิเสธ
“ใช่! นี่มันเงินของบ้านรองนะที่ซื้อมา” สะใภ้ใหญ่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ของบ้านรองแล้วยังไง? ฉันให้ก็คือฉันให้!” เหอเสี่ยวหงตอบ
“แต่ของพวกนี้ใช้เงินเยอะมากนะ!” สะใภ้ใหญ่ว่า
ของทั้งหมดมีราคาไม่ต่ำกว่า 10 หยวนเลย! ถ้าเป็นคนในหมู่บ้านบ้านอื่น 10 หยวนก็ใช้ได้หลายเดือน!
“ฉันให้ก็คือฉันให้ ไม่ใช่เงินบ้านอื่นนี่” เหอเสี่ยวหงตอบ
“โอ้! พี่สะใภ้รองพี่ซื้อนมผงอัดเม็ดมาด้วยหรอ!” โจวมี่อุทาน
ตอนขนของโจวมี่ไม่เห็นก็เพราะมันถูกห่อด้วยผ้าและเป็นเหอเสี่ยวหงที่เอาเข้ามาเอง
“ใช่! นมผงอัดเม็ดให้ลูกสาวเธอดื่มวันละเม็ด ให้ใช้น้ำต้มสุกไม่เย็นหรือร้อนเกินไป 1 แก้ว ผสมกับเม็ดนมผงก่อนนอน” เหอเสี่ยวหงพยักหน้าตอบ
“ยังไงฉันก็ต้องเอาใช่ไหม” เป็นสะใภ้ใหญ่ที่พูดขึ้น
“ใช่ค่ะ” เหอเสี่ยวหงพยักหน้า
“แล้วนี่คืออะไร” สะใภ้ใหญ่ชี้ไปที่ขวดเก็บอุณหภูมิ
“ขวดเก็บอุณหภูมิค่ะ! เอาไว้เก็บน้ำร้อนไว้จิบหน้าหนาว” เหอเสี่ยวหงตอบ
ขวดเก็บอุณหภูมิสามารถบรรจุน้ำได้ 1 ลิตร เมื่อถึงหน้าหนาวจะได้ไม่ต้องไปต้มน้ำบ่อย
เหอเสี่ยวหงเอามา 4 ขวด อีกสองขวดเธอจะเอาไว้ให้ลูกสาวสามคนหนึ่งขวด ของเธอกับลูกสาวคนเล็กหนึ่งขวด
“มันเหมือนกระติกน้ำร้อนพวกทหารใช่ไหม!” โจวมี่ตื่นเต้น
เพราะพี่ใหญ่เคยเอามันกลับมาบ้านด้วยในเวลาที่ลามา มันสามารถเก็บน้ำร้อนได้นานหลายชั่วโมง แต่น่าเสียดายที่พี่ชายใหญ่เอากลับไปด้วย
จริง ๆ แล้วพี่ชายใหญ่จะเอามาให้ภรรยากับลูกใช้ แต่พอได้ยินนางหลี่ซือคุยกับพ่อหลี่ว่าโจวกว่างต้องการใช้ พี่ชายใหญ่จึงบอกว่ามันเป็นของสหายแล้วยืมมาชั่วคราวเพียงเท่านั้น
“ใช่จ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบ
“อ๋อ แล้วนั่นสบู่อาบน้ำ ฉันได้มา 10 ก้อนน่ะ คนรู้จักฉันได้มันมา” เหอเสี่ยวหงชี้ไปที่สบู่
“ว้าว! พี่สะใภ้สุดยอดเลยค่ะ! ที่ทำงานฉันมีคนใช้มันแต่ไม่หอมขนาดนี้”
โจวมี่ยกมันขึ้นมาดมแล้วเอ่ยบอกกับเหอเสี่ยวหง ขนาดไม่ได้แกะซองมันยังหอมขนาดนี้ ถ้าเธอใช้มันจะหอมขนาดไหน!
“เอาเถอะ ๆ เก็บของกันไปเถอะ! ฉันจะไปนอนแล้ว พรุ่งนี้เช้าจะต้องไปหาฟืนกัน!” เหอเสี่ยวหงบอก
“ได้ค่ะ!/ได้”