Chapter 9 : เพื่อนพ่อเรียกไปหา NC

1545 Words
Chapter : 9 ลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านระเบียงห้อง ปรางค์พ่นควันบุหรี่ออกช้า ๆ ดวงตาหม่นหมองทอดมองออกไปยังท้องฟ้าที่มืดสนิท แสงไฟจากตึกสูงเบื้องหน้าดูเหมือนจะพร่ามัว เธอเพิ่งสัมผัสกับสิ่งที่ควรจะเติมเต็มความว่างเปล่าในใจ แต่กลับกลายเป็นว่ามันตอกย้ำความโดดเดี่ยวของเธอมากขึ้น ” ปรางค์เรียนเก่งแบบนี้ดีแล้วลูก ตั้งใจเรียนให้ได้ที่หนึ่งเหมือนเดิมนะ อย่าไปเกเรแบบคนอื่นเขา” เสียงของแม่ในอดีตที่ทิ้งเธอและพ่อของเธอไป ยังคงก้องอยู่ในความทรงจำ สีหน้าเปี่ยมความหวังของผู้ปกครองที่เฝ้าผลักดันให้เธอเป็นคนที่ “สมบูรณ์แบบ” ในสายตาคนอื่นเสมอ แม้กระทั่งคำชมก็แฝงไปด้วยคำเปรียบเทียบที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกแยกจากคนรอบตัว “ปรางค์เก่งจังเลย! แต่เนิร์ดแบบนี้จะมีใครมาชอบไหมนะ?” เสียงล้อเล่นของเพื่อน ๆ ในอดีตที่ฟังเหมือนคำเย้าแหย่ ทว่ากลับเจ็บลึกเหมือนหนามที่ทิ่มแทงหัวใจ เธอหวนคิดถึงตอนเรียนมัธยม ความสมบูรณ์แบบของเธอมักถูกตั้งเป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ “ดูปรางค์สิ เรียบร้อย เรียนเก่ง กีฬาก็ดี น่าจะเป็นแบบอย่างให้คนอื่นบ้าง” แต่ใครจะรู้ว่าในความเป็น “ตัวอย่างที่ดี” นั้นเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวที่ไม่มีใครเข้าใจ เพื่อนที่อยู่ใกล้เธอก็ล้วนแต่มีเหตุผลแอบแฝงในการเข้าหา บางคนมาหาเธอเพื่อขอให้ช่วยทำรายงาน บางคนอยากให้ติวหนังสือ แม้กระทั่งในมหาวิทยาลัย ชีวิตก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิม เธอไม่เคยมีใครเข้ามาเพราะความจริงใจ ทุกคนต้องการ “บางสิ่ง” จากเธอเสมอ แสงไฟระยิบระยับของเมืองเบื้องหน้าดูเหมือนจะบอกเธอว่า โลกยังคงเคลื่อนไหวต่อไป แม้เธอจะยืนอยู่เพียงลำพัง ปรางค์สูบบุหรี่อีกครั้ง สายลมเย็นปะทะแก้มที่ร้อนผ่าว เธอนึกถึงคำพูดที่เคยได้ยินจากปากคนมากมายที่เคยคิดว่าชื่นชมเธอ แต่กลับเป็นเพียงการยกยอเพื่อแสวงหาประโยชน์ “ปรางค์เหมาะที่สุดแล้วที่จะเป็นที่หนึ่งของห้อง เรียบร้อยขนาดนี้ ไม่มีใครเกลียดหรอก” คำพูดนั้นเหมือนโซ่ล่ามที่คอยบีบรัดเธอให้เป็นในแบบที่คนอื่นต้องการ โดยไม่เคยถามว่าจริง ๆ แล้ว เธอต้องการอะไร แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูเพียบพร้อม ทั้งความสวย ความเก่ง แต่คำว่า “ไม่มีเสน่ห์” กลับกลายเป็นคำตัดสินที่เธอได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงนั้นก้องกังวานในจิตใจของเธอเหมือนบทเพลงเศร้าที่ไม่อาจปิดเสียงได้ ควันบุหรี่ที่เธอพ่นออกมาดูเหมือนจะวาดเป็นภาพความเจ็บปวดที่เธอไม่เคยบอกใคร ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มเรียบ ๆ และท่าทีสงบนิ่งของปรางค์ซ่อนความเหงาที่กัดกินใจไว้ลึกเพียงใด เธอหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง ความร้อนรุ่มในอกที่เกิดจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ดับไปพร้อมกับควันบุหรี่ แต่กลับเติมเชื้อเพลิงให้เธอนึกถึงความจริงที่ว่า ชีวิตของเธอเหมือนห้องว่างเปล่าที่ไม่มีใครกล้าเข้ามานอกจากเพื่อแสวงหาบางสิ่งบางอย่างแล้วจากไป ปรางค์ยิ้มออกมา แต่เป็นรอยยิ้มที่เจือไปด้วยความขมขื่น เธอรู้ตัวดีว่าความสมบูรณ์แบบของเธอในสายตาคนอื่นนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา ในขณะที่ความเป็นจริง เธอเป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาที่เฝ้ารอใครสักคนมามองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ ทว่าคืนนี้ ความเหงาและความเปลี่ยวดายกลับถูกกลบด้วยความทรงจำอันเร่าร้อนที่ยังติดตรึงในใจเธอ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่กลับปลุกความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้ตัวว่ามีอยู่ขึ้นมา แสงไฟจากเมืองใหญ่ยังคงส่องประกาย ในขณะที่ปรางค์พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ราวกับพยายามปล่อยทุกความเจ็บปวดไปพร้อมกับมัน แต่ลึก ๆ แล้ว เธอรู้ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น วันรุ่งขึ้น ปรางค์ดำเนินวันใหม่ในแบบที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอลุกขึ้นอาบน้ำ สวมชุดนักศึกษาเรียบร้อยที่ดูเหมือนเกราะกำบังบางเบาสำหรับเธอ กระโปรงยาวคลุมขา เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดที่ถูกรีดเรียบจนไร้รอยยับ และเสื้อคลุมสีดำที่เพิ่มความสุภาพอีกขั้น หลังจากนั้น เธอลงครัวเพื่อทำอาหารเช้าและชงกาแฟให้พ่อ การสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างทั้งสองเต็มไปด้วยคำถามและคำตอบที่วนเวียนซ้ำเหมือนเทปที่ถูกกรอกลับ แต่ทว่า แม้จะพยายามทำตัวเหมือนทุกอย่างยังเหมือนเดิม ในใจของปรางค์กลับเต็มไปด้วยความคิดสับสน เธอไม่อาจลืมเรื่องเมื่อคืนได้ มันเหมือนกับเปลวไฟที่แผดเผาอยู่ภายใน ไม่แรงพอที่จะเผาไหม้ทุกอย่าง แต่ก็มิได้ดับมอดจนสงบ ณ มหาวิทยาลัย ปรางค์เรียนหนังสือตามปกติ พบปะพูดคุยกับเพื่อนที่ไม่ได้สนิทสนม และกินข้าวกลางวันคนเดียวเหมือนเคย เสียงพูดคุยและหัวเราะรอบตัวเธอเป็นเพียงเสียงสะท้อนเลือนราง เธอเดินทอดน่องอย่างเหม่อลอยระหว่างทางไปห้องเรียน บรรยากาศรอบตัวเหมือนจะกดดันเธอให้รู้สึกเล็กลง อาคารสูงของมหาวิทยาลัยตั้งตระหง่านคล้ายกับกำแพงที่ขวางทาง เงาของมันทอดลงบนพื้นราวกับเตือนถึงความหนักอึ้งที่แบกรับ ก่อนถึงคาบสุดท้าย ข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ “เย็นนี้มาที่บ้านลุงนะ...” ข้อความสั้น ๆ ไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม แต่กลับทำให้ปรางค์เหมือนถูกฉุดกลับสู่เหตุการณ์เมื่อคืนอีกครั้ง ภาพของณพิชญ์ย้อนกลับมาในหัว กลิ่นตัวของเขา ความร้อนจากผิวกายของเขาที่แนบชิด ความเร่าร้อนที่เขาปลุกปั่น มันเหมือนฝันที่เธอไม่อาจตื่น ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวในใจ ราวกับมีคลื่นน้ำที่กระเพื่อมขึ้นช้า ๆ ก่อนจะโหมแรงขึ้นทุกขณะ ใบหน้าของเธอแดงซ่านอย่างไม่อาจควบคุมได้ หัวใจเต้นเร็วราวกับกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง เมื่อเธอรู้ตัวอีกครั้ง ขากลับพาเธอไปยังห้องน้ำอย่างไม่รู้ตัว ภายในห้องน้ำที่เงียบสงบ แต่กลับดูเหมือนปิดกั้นเธอจากโลกภายนอก ปรางค์ยืนมองตัวเองในกระจก ใบหน้าแดงจัดใต้กรอบแว่นที่ไถลลงเล็กน้อย ริมฝีปากที่ปิดสนิทสั่นไหวเบา ๆ เธอเห็นเงาของตัวเองแต่กลับรู้สึกไม่คุ้นเคย เหมือนคนแปลกหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน เธอนั่งลงบนชักโครก ถอดกางเกงในลงจนมันมาอยู่ตรงข้อเท้า กระโปรงดำยาวถูกถกขึ้นมาเพื่อเปิดเผยทุกสิ่งอย่าง ราวกับกำลังเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงให้ตัวเองยอมนับ ปรางค์ถอนหายใจยาวช้า ๆ ความรู้สึกที่ก่อตัวอยู่ในร่างเหมือนคลื่นลมที่รอจะปะทุออก หญิงสาวหลับตาและปล่อยให้ความทรงจำไหลย้อนกลับมา ภาพของณพิชญ์ ความอบอุ่นจากมือเขาที่ลูบผ่านผิว ความลึกซึ้งในสายตาที่มองเธอ ราวกับว่าเธอเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในโลก เธอพยายามข่มความรู้สึกนั้น แต่ไม่อาจต้านทานได้ ความรู้สึกเหมือนผีเสื้อบินวนในท้องไส้ เสียงหัวใจเต้นดังชัดในความเงียบ เหงื่อซึมออกจากฝ่ามือราวกับร่างกายกำลังเผชิญพายุที่กำลังจะก่อตัว เธอปล่อยให้ตัวเองล่องลอยไปในความทรงจำและความปรารถนา นิ้วมือที่เย็นเฉียบเมื่อสัมผัสผิวกายอุ่นร้อนของตัวเอง ณ บริเวณร่องรักสีชมพูหวานที่ชุ่มฉ่ำนั้น ความรู้สึกคล้ายประกายไฟที่จุดขึ้นในความมืด ความว่างเปล่าในใจที่เหมือนถูกเติมเต็มชั่วขณะ ปรางค์หลับตาแน่น ริมฝีปากสั่นไหว เธอไม่รู้ว่าภายในนั้นคือความสุข ความทรมาน หรือว่าการปลดปล่อย หญิงสาวเกี่ยวกระหวัดปลายนิ้วอย่างรวดเร็วและรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และสอดเข้าสอดออกครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีหยุด ลมหายใจที่ถี่แรงนั้นดูหนักหน่วง ร้อนผ่าวดั่งเปลวไฟ แต่ก็ไม่อาจหักห้ามให้เธอหยุดได้ เหงื่อไคลไหลย้อย ความรู้สึกวูบวาบแผ่ซ่านไปทั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกปวดเกร็งไปหมดทั้งตัวและสั่นระริกเบา ๆ บริเวณหน้าขา ปรางค์ปลดปล่อยให้น้ำรักของตัวเองไหลหลั่งออกมาราวกับน้ำพุร้อน ขณะรู้สึกล่องลอยไปกับความรู้สึกที่เบาหวิวไปทั้งตัว เธอผ่อนหายใจแรงซ้ำ ๆ ไปพร้อม ๆ กับหน้าอกที่กระเพื่อมแผ่วเบา ความรู้สึกปลอดโล่งและผ่อนคลายเข้าระงับอารมณ์ร้อนพลางครอบครองร่างกายเธอ เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง หญิงสาวทรุดตัวพิงกำแพงห้องน้ำ เสียงหัวใจเต้นที่เคยดังจนแทบจะได้ยินกลับค่อย ๆ เบาลง ความรู้สึกหลากหลายยังคงหมุนวนในจิตใจ เหมือนพายุที่สงบลงแต่ยังคงทิ้งร่องรอยของมันไว้ เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดาน รู้ดีว่าเหตุการณ์เมื่อคืนไม่เพียงปลุกเปลวไฟขึ้นในตัว แต่ยังทำให้เธอรู้ว่า เธอไม่มีทางกลับไปเป็นคนเดิมได้อีกแล้ว... To be continued...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD