บ่ายแก่ ๆ ของวันพุธ แสงแดดอ่อนส่องลอดใบไม้ เข้าปะทะสนามบาสกลางแจ้งของมหา’ ลัย R.C.U.
เสียงรองเท้าผ้าใบเสียดสีกับพื้นสนามเป็นจังหวะเดียวกับเสียงลูกบาสกระทบพื้น... ทั้งหมดเป็นฉากหลังของการซ้อมทีมบาสที่กำลังคึกคัก
ด้านข้างสนาม — เป็นพื้นที่ของทีมเชียร์ลีดเดอร์ ที่กำลังซ้อมท่าเต้นสำหรับแมตช์ใหญ่ของปี
“ห้า...หก...เจ็ด...แปด!”
เสียงพี่เชอรี่ตะโกนบอกจังหวะ
เมษาอยู่ในแถวหน้า ขยับท่าเต้นเป๊ะทุกจังหวะ แขนเรียวเหยียดตรง สะโพกโยกอย่างมั่นใจ ท่ามกลางเสียงชมจากรุ่นพี่ในทีม
“ยิ้มแบบนั้น...คู่แข่งแพ้หมดแน่ ๆ”
พี่เชอรี่กระซิบกับพิมเพื่อนรักที่ยืนดูอยู่ไม่ห่าง
“ดีสิ ทีมบาส R.C.U เราจะได้ชนะ”
🏀ฝั่งสนามบาส
“โยนเข้า! เอ้า! ซ้าย!!”
คีตะกำลังเทรนรุ่นน้องในทีมอย่างจริงจัง เสื้อซ้อมสีกรมท่าเปียกชื้นด้วยเหงื่อ กล้ามแขนแน่นขยับอย่างแข็งแรงทุกจังหวะของการเลี้ยงบอล
“มึง ๆๆๆๆ”
เสียงภูผาตะโกนเรียกเพื่อนอย่างตื่นเต้น
“ดูตรงนั้นดิ ๆๆ!”
คีตะหันไป...และชะงักไปครู่หนึ่ง
ในสายตาของเขาตอนนี้ — เมษากำลังเต้นท่าโคเวอร์เพลงเกาหลีอย่างคล่องแคล่ว เสื้อซ้อมครอปสีขาวสะอาดโชว์เอวบาง มัดผมหางม้ารวบสูง เหงื่อเล็ก ๆ บนหน้าผากสะท้อนแสงอาทิตย์จนดูแปลกตา
สายตาคมจ้องนิ่งโดยไม่รู้ตัว...นานกว่าที่ควร
“พี่คีตะ พี่ต้องซ้อมบาสใช่มั้ยคะ หนูคงไม่ได้กลับด้วยนะคะ”
เสียงหวานวันนั้น...กลับมาดังก้องในหัว
ตอนนั้นเขาไม่ได้ถามว่าทำไม เพราะคิดว่า เธออาจมีกิจกรรมกับเพื่อน ๆ
แต่ตอนนี้...เขารู้แล้ว
“ที่แท้...ก็เป็นลีดนี่เอง”
“…เด็กบ๊อง” เขาพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง
“น้องเมษา แม่ง...เต้นพริ้ว เอวบาง สวยชิหาย~” ภูผาตาโต มีความชื่นชมในตัวเมษาสูงสุด
คีตะไม่ได้ตอบ...แต่สายตายังมองอยู่
ทันทีที่เมษาหันมาเห็นคีตะ เธอก็ยิ้มหวาน พร้อมโบกมือเล็ก ๆ ส่งไปให้ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อเพราะแดดและการซ้อมเต้น...หรืออายก็ไม่รู้
คีตะพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำทักทาย แต่มุมปากกลับยกขึ้นแบบที่ไม่ค่อยมีใครเห็นบ่อย
“น้องเมษา สู้ ๆ นะคร้าบ~” ภูผาตะโกนเสียงดัง ส่วนเมษาได้แต่ส่งยิ้มเขิน ๆ มาให้
“ไปซ้อม!” คีตะล็อคคอเพื่อนแล้วลากเข้าไปในสนามบาสทันที
...
แสงสีทองของยามเย็นทาบลงบนถนนหน้าบ้าน
คีตะขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้านพอดีกับที่รถเก๋งคันหนึ่งค่อย ๆ เลี้ยวเข้าซอยมา แล้วจอดที่หน้าบ้าน
รถของพริ้มนั่นเอง — และเมษาก็โบกมือลาเพื่อนก่อนจะลงจากรถอย่างร่าเริง
“อ้าว พี่คีตะ~ เพิ่งถึงบ้านเหรอคะ?”
เสียงใสทักขึ้น ขณะเธอเดินเข้ามาหาเขาที่กำลังถอดหมวกกันน็อกอยู่
คีตะเงยหน้าขึ้นนิดหน่อย
“อืม…พริ้มมาส่งเหรอ?”
“ใช่ค่ะ พอดีหนูซ้อมลีดเสร็จแล้ว พริ้มก็เลยอาสามาส่ง” เมษายิ้มให้ แล้วก็เอียงคอถามต่อ
“ว่าแต่...พี่ซ้อมหนักมากเลยเหรอคะวันนี้?”
“เหมือนเดิมแหละ วันจันทร์ถึงพฤหัส ซ้อมทุกวัน ส่วนศุกร์โค้ชให้พัก วันแข่งจริงน่าจะปลายเดือน”
“จริงเหรอคะ! งั้นหนูจะเตรียมเชียร์ให้สุดใจเลย~” เธอยิ้มกว้างแล้วหยิบมือถือขึ้น
“พี่คีตะคะ...หนูขอตารางซ้อมหน่อยได้มั้ย”
คีตะพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนหยิบมือถือส่งไฟล์ตารางให้เธอผ่านแอปแชท
เสียง ติ๊ง! ดังขึ้นในโทรศัพท์เมษาทันทีที่เขากดส่ง
“ขอบคุณค่า~” เมษายิ้มแล้วกดเซฟไว้ทันที
“หนูจะตั้งเตือนไว้เลยว่า ‘เวลาเลิกเรียนพี่คีตะ + เวลาซ้อมพี่คีตะ’ !”
“เอาไว้ทำไม?” คีตะเลิกคิ้ว
“เอาไว้ตามติดพี่ไงคะ~”
เมษาทำหน้าทะเล้น แล้ววิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าบ้าน ทิ้งให้คีตะมองตามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
‘เด็กบ๊อง...’
เขาคิดในใจ ขณะเดินตามเข้าบ้าน พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นแรงน้อย ๆ แบบไม่รู้ตัว
หลังจากกลับถึงบ้าน คีตะและเมษาก็แยกย้ายกันขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำตามปกติ
เสียงน้ำจากห้องน้ำด้านนอกดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คีตะจะเดินลงมาข้างล่างในชุดเสื้อยืดลำลองสีเข้มกับกางเกงผ้าสบาย ๆ เขาสะบัดผมที่เปียกหมาดเล็กน้อย พลางหยิบผ้าขนหนูซับเบา ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
ทีวีจอใหญ่เปิดเสียงพอประมาณ เป็นรายการข่าวกีฬาที่เขาไม่ได้ตั้งใจดูนัก เพราะมีหนังสือเรียนวิชาคำนวณวางเปิดค้างอยู่บนตัก — สายตาคมไล่ไปตามตัวอักษรเงียบ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศแสนสบายของบ้านในช่วงค่ำ
ด้านบน เมษาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินลงบันไดมาพร้อมกลิ่นหอมสะอาดของแชมพูผลไม้ ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนถูกรวบไว้ลวก ๆ ด้วยกิ๊บตัวเล็ก เธอสวมเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์ลายแมวน้อยกับกางเกงขาสั้นน่ารัก สีพาสเทลเข้ากับบุคลิกใส ๆ อย่างลงตัว
เธอเดินตรงไปยังห้องครัวตั้งใจจะหาน้ำเย็นดื่ม แต่แล้วสายตาก็สะดุดเข้ากับแผ่นโพสอิทสีชมพูอ่อน ที่แปะอยู่ตรงตู้เย็นอย่างเด่นชัด
‘พ่อกับแม่ออกไปงานเลี้ยง กลับดึกนะจ๊ะ หาอะไรกินเองนะ :) ’
เมษาเอียงคออ่านโพสอิท พลางยิ้มบาง ๆ
มือเรียวยกแผ่นกระดาษโน้ตขึ้นมาดู ก่อนจะหันไปมองทางห้องนั่งเล่นที่มีเสียงทีวีเบา ๆ ดังอยู่
สายตาของเธอฉายแววขี้เล่น ซุกซนปนเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
‘โอกาสอยู่สองต่อสองแบบนี้...ใช่ว่าจะมีบ่อยนัก’
เธอหยิบผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่ข้างตู้เย็นขึ้นมาผูกไว้กับเอว แล้วเดินไปหยุดตรงกรอบประตูห้องนั่งเล่น
“พี่คีตะคะ~ เย็นนี้ทานอะไรดีคะ?”
เสียงใสทำให้ชายหนุ่มที่กำลังอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมสบเข้ากับดวงตากลมโตของเธอที่ยืนพิงขอบประตูครัวพร้อมผ้ากันเปื้อนลายแมวน้อย
“หืม?”
“หนูจะทำข้าวเย็นให้ค่ะ อยากกินอะไรดีคะ?” เธอยิ้มหวานพลางโบกไม้พายอันเล็กในมือเล่น
คีตะเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ทำเป็นด้วยเหรอ?”
“โห...ดูถูกกันชัด ๆ นะคะเนี่ย” เมษาทำเสียงงอนนิด ๆ
“แค่อาหารง่าย ๆ อย่างไข่เจียว ผัดกะเพรา หรือแกงจืด หนูทำได้หมดแหละ!”
คีตะหัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมพยักหน้า
“งั้น...ขอเป็นกะเพราหมูสับไข่ดาวก็แล้วกัน”
“รับแซ่บ!”
เมษาตอบพลางทำท่ารับออเดอร์แบบน่ารัก ก่อนจะหมุนตัวเข้าครัวไปอย่างกระตือรือร้น
ไม่กี่นาทีต่อมา กลิ่นหอมของกระเทียมเจียวและใบกะเพราก็ลอยฟุ้งไปทั่วบ้าน
คีตะที่ตั้งใจจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ…กลับหยิบมือถือขึ้นมาแอบถ่ายภาพด้านหลังของเมษาไว้เงียบ ๆ
‘ผูกผ้ากันเปื้อนแบบนั้น…’
‘ดูเหมือนแม่บ้านตัวจิ๋วเลยแฮะ’
เขายิ้มมุมปาก ก่อนส่งภาพแนบข้อความไปในแชทส่วนตัวของภูผา
🏀คีตะ: ‘มีแม่บ้านตัวเล็กทำข้าวเย็นให้กินเฉย...’
ไม่ถึงสิบวินาที
เสียงแจ้งเตือน ‘ติ๊งๆๆ’ จากภูผาก็รัวกลับมาอย่างดุเดือด
📱ภูผา: ‘เห้ยยยยยย! นี่มันโคตรน่าร้ากก!’
📱ภูผา: ‘กูจะไปกินด้วย!! เดี๋ยวนี้เลย!!!’
🏀คีตะ: ‘ไม่ต้องมา พอดีสำหรับ 2 คน’
📱ภูผา: ‘หึ้ยยยย ไอ้คนเห็นแก่ตัว! ไม่แบ่งเพื่อนรึไงวะ!?’
🏀คีตะ: ‘เออ ไม่แบ่ง พูดมาก’
ภูผาส่งสติ๊กเกอร์ ‘กัดผ้าเช็ดหน้า’ มารัว ๆ จนคีตะหลุดหัวเราะในลำคอเบา ๆ
จากนั้นก็กดล็อกหน้าจอ วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วหันกลับไปมองแม่ครัวตัวน้อยในครัว ที่กำลังตั้งอกตั้งใจพลิกหมูในกระทะอย่างขะมักเขม้น ริมฝีปากสีชมพูเม้มเล็ก ๆ …จนทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เสียงฉ่าเบา ๆ จากกระทะทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น คีตะที่ตอนแรกตั้งใจจะนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ กลับวางเล่มลงบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นเดินเข้ามาในครัวอย่างเงียบเชียบ
“ต้องช่วยอะไรมั้ย?”
เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังเธอแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง
เมษาสะดุ้งเล็กน้อย แผ่นหลังตรงทันที ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุทั้งที่ไอความร้อนจากกระทะก็ยังไม่ถึงจุดเดือด
เธอเหลือบตามองเขา—คีตะในเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงผ้าลำลองยืนพิงขอบเคาน์เตอร์อยู่ไม่ห่าง ท่าทีของเขาดูสบาย ๆ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก
“มะ...ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูจัดการได้หมดเลย”
เธอรีบตอบเสียงใส พลางหันกลับไปคนหมูในกระทะต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แน่ใจเหรอ? ไข่ดาวนี่ทอดยากนะ ต้องให้พี่ช่วยมั้ย?”
“แค่ไข่ดาวเอง หนูไม่พลาดหรอกค่ะ!”
เสียงตอบยังคงสดใส แต่ใบหูเล็ก ๆ ของเธอกลับเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ
คีตะหัวเราะเบา ๆ เขาโน้มตัวลงมาหยิบจานเปล่าจากชั้นวางข้าง ๆ โดยที่แขนเกือบเฉียดไหล่เธอ—จังหวะนั้นหัวใจของเมษาเต้นถี่ขึ้นวูบหนึ่ง
“งั้นช่วยหยิบจานก็แล้วกัน”
เขากระซิบใกล้หูเธอ พร้อมวางจานลงข้างเตา
เมษาเม้มปากแน่น ห้ามตัวเองไม่ให้หน้าแดงมากไปกว่านี้ เธอรวบรวมสมาธิกลับไปที่ไข่ดาวในกระทะ แล้วเปลี่ยนเรื่องทันที
“พี่คีตะไปนั่งรอที่โต๊ะดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหนูเสิร์ฟให้~”
คีตะยิ้มมุมปาก ขณะหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะอาหาร ทิ้งท้ายด้วยประโยคหนึ่งที่ทำเอาเธอเกือบทำไข่ดาวไหม้
“รู้มั้ย...เสียงเรียก ‘พี่คีตะ’ ของเราน่ะ...มันฟังแล้ว...น่ารักดี”
‘น่ารัก...?’
คำสั้น ๆ คำนั้นวนอยู่ในหัวเธอซ้ำ ๆ
เมษากัดริมฝีปากล่างแน่น พยายามไม่ให้ตัวเองกรี๊ดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ มือที่ถือตะหลิวแทบจะสั่น…ไม่ใช่เพราะกลัวไข่ดาวไหม้ แต่กลัวหัวใจจะเต้นแรงไปมากกว่านี้ต่างหาก
‘ใจเย็น ๆ เมษา...เขาอาจแค่พูดเล่น...’
‘อย่าคิดเข้าข้างตัวเองสิ’
แม้จะเตือนตัวเองแค่ไหน แต่รอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ยังหลุดขึ้นตรงมุมปากอย่างห้ามไม่อยู่
‘...ก็ชอบอะ’
‘จะทำไงได้ ในเมื่อเสียงของเขา มันช่างละลายหัวใจเราทุกครั้งจริง ๆ’