Episode 4 ตอน อสูรร้ายในร่างคน

2256 Words
Episode 4 ตอน อสูรร้ายในร่างคน เปลือกตาที่แดงก่ำเพราะบอบช้ำจากการร้องไห้ค่อย ๆ เปิดขึ้นหลังจากที่พิมมาดาสลบไปเกือบครึ่งค่อนวัน ความเย็นจากผ้าขนหนูชุบน้ำถูกลูบไล้ไปตามท่อนแขนเรียวเล็ก เธอเกร็ง ๆ ลำคอเล็กน้อยเมื่อใครบางคนกำลังจะใช้ผ้านั้นเช็ดที่ซอกคอของเธอ “คุณฟื้นแล้วเหรอคะ” เสียงของหญิงวัยกลางคนปลุกให้คนที่ยังคงไม่ค่อยจะมีสติดีให้ตื่นขึ้น พิมมาดาผวาลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะดึงผ้าห่มมาป้องกันตัว “ออกไปนะ! อย่าทำฉัน ฮึก! ออกไป!!” หญิงสาวตะโกนดังลั่น เธอยังมองเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าคือใคร แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ที่นี่ ก็ล้วนเป็นคนของรามสูรทั้งนั้น “ใจเย็น ๆ นะหนู ป้าชื่อป้านวล เป็นแม่บ้านของที่นี่” หญิงวัยกลางคนแนะนำตัว เมื่อเห็นว่าเด็กสาวสติแตก “ฮือ…ช่วยหนูที ช่วยหนูออกไปจากที่นี่ที” แม้จะเจ็บแสบตรงส่วนนั้น แต่พิมมาดาก็ทุลักทุเลลงไปคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกับไหว้ขอร้องอ้อนวอนให้คนที่อาจจะช่วยเธอได้ “โถ่ลูก…” ป้านวลเองก็แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอดึงเด็กสาวร่างเล็กมากอดปลอบ หากเธอช่วยได้คงช่วยไปแล้ว “ป้าไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าคุณรามจะทำร้ายผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ได้ลงคอ” ป้านวลประคองให้พิมมาดาขึ้นไปนั่งบนเตียง นี่ไม่ใช่ห้องของรามสูร มันเล็กกว่าและเป็นห้องที่ปิดทึบ ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงแค่ประตูบานเดียวที่สามารถล็อกจากด้านนอกได้เท่านั้น “ช่วยหนูเถอะนะคะ หนูอยากกลับบ้าน อึก! ถ้าป้าช่วยหนู หนูจะไม่ลืมบุญคุณ…” ปัง!! ยังไม่ทันที่พิมมาดาจะได้พูดจบ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงของผู้ชายคนนั้น คนที่ทำร้ายเธอเมื่อคืน “ทำความสะอาดเสร็จหรือยัง” รามสูรปรายตามองไปที่ร่างบางที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง เขาพูดเหมือนพิมมาดาเป็นสิ่งของที่ต้องใช้แม่บ้านเข้ามาเก็บกวาดหลังใช้งานเสร็จ “คุณราม! พูดกับเธอดี ๆ หน่อยสิคะ” “ป้ามีสิทธิ์มาสั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำงานเสร็จก็ออกไปได้แล้ว” รามสูรพูดเสียงเรียบ ทำเอาแม่บ้านส่ายหัวด้วยความเอือมระอา “ป้าไปก่อนนะหนู เดี๋ยวป้าจะเอาข้าวเย็นมาให้อีกที” ป้านวลหันไปมองเด็กสาวด้วยความเห็นใจ “หนูขอไปด้วยค่ะ” พิมมาดาลุกขึ้นวิ่งตามป้านวลออกไป แต่วิ่งไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ขาที่อ่อนแรงก็ทำให้เธอล้มทรุดลงไป สร้างความตกใจให้ป้านวลไม่น้อย “ตายแล้ว! เจ็บตรงไหนไหมลูก โถ่เอ๋ย... ดูสิคุณราม เพราะคุณแท้ๆ เลย” ป้านวลหันไปต่อว่ารามสูรที่ยืนกอดอกอยู่ใกล้ ๆ “สำออย” เขาพูดสั้น ๆ ก่อนจะส่งสายตาให้แม่บ้านคนสนิทออกไป ซึ่งป้านวลก็จำใจต้องออกไปเพราะไม่ได้มีอำนาจต่อล้อต่อเถียงกับเจ้านายขนาดนั้น “อย่ามายุ่งกับฉัน” พิมมาดาเอ่ยบอกคนที่กำลังจับข้อมือของเธอ ก่อนจะกระชากให้ลุกขึ้น “โอ๊ย! ปล่อยนะ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” “แต่เมื่อคืนฉันแตะต้องไปซะเยอะเลยสิ” คนตัวสูงยกยิ้ม “ฉันทำบุญให้หมาจรจัดข้างถนนเยอะกว่านี้อีก แค่นี้ฉันไม่นับหรอก” แม่จะเจ็บปวดกับถ้อยคำที่เขาตอกย้ำ แต่พิมมาดาก็ต้องทำเหมือนเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ถูกข่มเหง ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเขาทำร้ายเธอสำเร็จ “เหอะ ทำเก่งไปเถอะ” รามสูรแค่นหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้ดูง่ายจะตายไป แค่มองตาก็รู้แล้วว่าเธอรู้สึกยังไง “ถ้านายคิดจะแก้แค้น ก็เอาปืนมายิงฉันให้มันจบ ๆ ไปเลยสิ” พิมมาดาปล่อยให้น้ำตาร่วงผล็อยลงมาอีกรอบ เธอเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะยกหลังมือปาดน้ำตาออกลวก ๆ “นึกว่าฉันไม่กล้าหรือไง” เขาเดินเข้ามาใกล้ร่างบางมากขึ้น ก่อนจะเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน “งั้นก็ฆ่าฉันเลยสิ ฆ่าเลย…มันจะได้สมใจคนอย่างนาย” “แค่ถูกฉันเอา ถึงกับอยากตายเลยหรือไง” รามสูรโคตรจะเบื่อผู้หญิงที่เอะอะก็บีบน้ำตา เอะอะก็ร้องห่มร้องไห้ มือหนาจึงผลักอีกคนจนเธอล้มลงไปที่พื้น “อึก! ใช่ มันน่าขยะแขยงจนฉันรับตัวเองไม่ได้ และฉันจะจำเอาไว้ว่านายทำอะไรฉันไว้บ้าง จะจำไปถึงชาติหน้าเลย!!” พิมมาดาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับใช้ดวงตาแดงก่ำจ้องไปที่รามสูรเขม็ง “ก็ดี งั้นก็จำไว้ด้วย ว่าน้องชายของฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง เธอยังถือว่าชดใช้ยังไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ!” รามสูรขึ้นเสียงกลับ“มานี่!” ร่างสูงออกแรงกระชากให้คนตัวเล็กเดินตาม แข้งขาที่ไร้เรี่ยวแรงเกือบทำให้พิมมาดาลงไปกองกับพื้นอยู่หลายครั้ง “ปล่อย!” หญิงสาวพยายามสะบัดมือออกจากการเกาะกุม “อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย เมื่อคืนเธอก็เสร็จจนขึ้นสวรรค์เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” รามสูรยกยิ้ม ยิ่งเห็นอย่างนั้นพิมมาดาก็ยิ่งอยากจะร้องไห้ เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่ที่เวรกรรมจะตามทันเขาสักที “สำหรับฉันมันคือนรก!” พิมมาดาพูดเสียงแข็ง “งั้นเธอคงอยากตกนรกอีกรอบสินะ” ไม่เพียงแค่คำพูด รามสูรกระชากร่างบางให้เข้าไปประชิดแนบอกแกร่ง ก่อนจะกดจบลงบนริมฝีปากเล็กท่ามกลางสายตาของลูกน้องนับสิบคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น “อ่อยอ๊ะ (ปล่อยนะ)!” พิมมาดาพยายามจะเปล่งเสียงออกมาร้องท้วงการกระทำป่าเถื่อนของเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเสียงมันอู้อี้จนฟังไม่รู้เรื่อง ปึก! กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งโพรงปาก เมื่อรามสูรจงใจขบกัดริมฝีปากของอีกคนจนเลือดไหลซึมออกมา “อย่าปากดี ถ้าไม่อยากโดนฉันจับแก้ผ้าตรงนี้” พิมมาดาหน้าชาไปทั้งแถบ คนอื่น ๆ ที่มองเข้ามาคงจะคิดว่าเธอไม่เหลือเกียรติ ไม่เหลือศักดิ์ศรีอีกแล้ว เธอเลือกที่จะเดินตามเขาไปโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก รามสูรเดินนำไปที่ปีกขวาของคฤหาสน์หลังโต ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก มันเป็นเหมือนห้องนอนที่ใหญ่กว่าคอนโดของพิมมาดาหลายเท่า ที่กลางห้องมีเตียงกว้าง บนเตียงมีชายหนุ่มที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับรามสูรนอนแน่นิ่งอยู่บนนั้น มีพยาบาลและแม่บ้านคอยประกบข้างซ้ายและข้างขวาของเตียง “สวัสดีค่ะคุณรามสูร วันนี้อาการคุณลักษณ์ยังคงที่อยู่ค่ะ” พยาบาลรายงานอาการของคนป่วยตามหน้าที่ รามสูรเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะปัดมือเป็นเชิงให้พยาบาลออกไป “นี่น่ะเหรอ น้องชายของคุณ” พิมมาดาเอ่ยถามเมื่อเห็นรามสูรท่าทางสงบกว่าปกติ เขาดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน “หึ! พอจะจำได้ขึ้นมาแล้วหรือไง” แม้จะงุนงงต่พิมมาดาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอรู้ดีว่าเธอไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายของเขา แล้วมันเกี่ยวกับสามภพและเธอยังไง “ฉันเสียใจด้วยที่น้องชายนายต้องมาอยู่ในสภาพนี้ แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่นายจะใช้มันทำร้ายฉัน” พิมมาดาพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกออกมา ต่อให้สามภพเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง ๆ แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยสักนิด “เธอน่ะเกี่ยวกับเรื่องนี้มากที่สุดเลย” รามสูรแค่นหัวเราะ “ต่อให้สามภพจะเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน เพราะฉันไม่ใช่แฟนของสามภพ!” พิมมาดายังคงยืนยันคำเดิม “จะใช่หรือไม่ใช่มันก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว แค่พวกมันวิ่งพล่านเป็นหนูติดจั่น กำลังตีกันเองฉันก็สะใจมากพอแล้ว” “ถ้าเป็นเรื่องแข่งรถ ทำไมนายไม่โทษตัวเองล่ะที่ห้ามน้องชายตัวเองไม่ได้” พิมมาดาเริ่มพอจะนึกออก เธอเคยได้ยินคามินเล่าให้ฟังว่าสามภพทำให้คู่แข่งเกิดอุบัติเหตุ แต่เธอไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเดียวกัน “นายเอาแต่โทษคนอื่น ลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน!” “แค่ถูกฉันแตกในใส่ครั้งเดียว ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมากเลยนะ พิมมาดา” รามสูรผลักให้พิมมาดาชนเข้ากับขอบเตียง ก่อนจะกระชากเสื้อของเธอออก ทำเอาลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้นต้องก้มหน้าหนี “จะทำอะไร นายบ้าไปแล้วหรือไง!” “ก็แค่อยากจะรู้ว่าคนอย่างเธอจะทำปากดีไปได้อีกสักกี่น้ำ” “ฉันก็แค่พูดความจริง และนายก็แค่ยอมรับความจริงไม่ได้” พิมมาดาเถียงสุดชีวิต เมื่อถูกคนตัวโตตามเข้ามาแนบชิด “อย่าเข้ามานะ” “กลัวอะไรล่ะ เธอมันเก่งแค่ปากนี่เอง” ชายหนุ่มใช้ความเป็นชายที่ดุนดันกางเกงออกมาแนบชิดไปกับบั้นท้ายงอนงามของพิมมาดา เธอทั้งอาย ทั้งรังเกียจตัวเอง ที่ต้องตกเป็นเครื่องมือแก้แค้น ให้กับปีศาจอย่างรามสูร “อย่าทำแบบนี้เลยนะ” คนตัวเล็กพูดเสียงสั่น ในจังหวะที่รามสูรถกกระโปรงเธอขึ้น ภาพเมื่อคืนก็ฉายเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง “ทำไม? อายหรือไง?” เขายังกล้าถามคำถามที่คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้วกับพิมมาดาอยู่อีก พิมมาดาไม่ตอบอะไร เพียงแต่ปล่อยให้น้ำตาไหลร่วงลงมา เมื่อไหร่เธอจะหลุดพ้นจากขุมนรกนี้สักที เธอเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือของเขา จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ไม่สามารถสู้หรือปกป้องตัวเองจากการโดนทำร้ายได้เลย รามสูรยกยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่อเห็นว่าพิมมาดานิ่งไป ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเขาอีก “ไอ้แสนดี เอานังนี่ออกไปขังไว้ที่ห้องใต้ดิน อย่าปล่อยให้หลุดออกมาเด็ดขาด” ชายหนุ่มหันไปสั่งกับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ ๆซึ่งแสนดีก็ทำตามคำสั่งทันทีโดยการพาพิมมาดาออกไป พิมมาดาก้มหน้าเดิมตามลูกน้องของรามสูรออกไปเงียบ ๆ พลางติดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย เธออับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว “คุณโอเคใช่ไหม” แสนดีเอ่ยถามอีกคนที่ดูตัวสั่นจนน่าเป็นห่วง “ทำไมเขาไม่ฆ่าฉันให้มันจบ ๆ ไปเลยล่ะ” พิมมาดาพูดออกมาเหมือนคนที่ไร้ความรู้สึก “จริง ๆ แล้วคุณรามไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกครับ เพียงแค่ตอนนี้คุณลักษณ์ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น คุณท่านทั้งสองคนสภาพจิตใจย่ำแย่ คุณหญิงก็มาล้มป่วยอีก คุณรามต้องเป็นคนที่รับผิดชอบทุกอย่าง มันก็เลย…” “เอาความแค้น เอาความเครียดทั้งหมดมาลงกับฉันที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยงั้นเหรอ? ฉันทำผิดอะไรเหรอ?” พิมมาดาเงยหน้าขึ้นมาทั้งดวงตายังแดงก่ำ เธอพอจะเข้าใจคำว่าร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้ว “คุณไม่ผิดอะไรหรอกครับ ผมแนะนำให้คุณเชื่อฟังคุณรามจะดีกว่า นี่ครับห้องของคุณ “ผมขออนุญาตล็อกห้องนะครับ” แสนดีผลักคนตัวเล็กเข้าไปในห้องเบา ๆ ก่อนจะล็อกประตูทันทีตามคำสั่งของรามสูร Pimmada’ s Part. เป็นเวลานานเท่าไรไม่รู้ที่ฉันนอนอยู่บนเตียงเงียบ ๆ รู้สึกว่าตัวเองมีไข้แต่ไม่ได้ขวนขวายอยากจะหายามากิน ฉันอยากตายไปให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่พระเจ้าก็ยังคงใจร้ายกับฉันอยู่อย่างนั้น ก๊อก ก๊อก ก๊อก ฉันไม่ได้สนใจเสียงเคาะประตูนั่น เปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้ฉันไร้สติและเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นไปสนใจดูว่าใครมา ฉันได้แต่นอนซุกตัวอยู่ในผ้านวมผืนหนาที่พอจะปกป้องฉันจากไอเย็นของเครื่องปรับอากาศได้ “ป้าขออนุญาตเข้าไปนะคะ” เสียงของป้านวลดังขึ้นมา ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจ ดีที่ไม่ใช่ไอ้สารเลวนั่น ไม่อย่างนั้นฉันคงจะกลั้นหายใจให้ตายไปเลย “ป้าเห็นว่าคุณพิมยังไม่ได้ทานอะไรเลย ก็เลยเอาอาหารมาให้ ลุกขึ้นมาทานหน่อยนะคะ” ฉันรับรู้และได้ยินทุกอย่างที่ป้านวลพูด แต่ร่างกายของฉันมันไม่ตอบสนองอะไรอีกแล้ว “แสนดี! แสนดี!! คุณพิมหมดสติไปแล้ว ช่วยมาดูที” ฉันได้ยินเสียงป้านวลดังลั่นไปหมด สักพักก็ได้ยินเสียงคนวิ่งเข้ามาในห้อง ฉันรับรู้ได้ว่าตาของฉันมันเหลือกขึ้นจนมองแทบไม่เห็นอะไร ฉันกำลังจะตายหรือเปล่านะ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD