บทที่ 4

1992 Words
ตอน สายตารังเกียจหายไปเมื่อเห็นเงิน ถึงยายเฉินจะไม่บอกว่าช่วยอย่างไร แต่เธอรู้ว่ายายคนนี้มีรหัสลับสำหรับเข้าตลาดมืด นี่คือเหตุผลที่เธอทำตัวให้แปลก อีกฝ่ายเป็นคนชอบใส่ใจ ทนไม่ไหวจนต้องเข้ามาถาม ผิงผิงที่วางใจลงไปเปลาะหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เธอมีเงินอยู่หนึ่งพันหยวนที่ต้องใช้ให้หมดก่อนสองทุ่ม หากทำไม่สำเร็จไม่รู้จะต้องกลายเป็นหมาหรือแมว ซึ่งเธอไม่ต้องการ! “เธอถูกจ้างให้ไปทำอะไร? เขาได้บอกมั้ย” “ไม่รู้เหมือนกัน ยายเขาบอกแค่ว่ามีคนต้องการแรงงานราคาถูก ลุงจะอนุญาตมั้ย” “ก็ไปสิ ใครล่ามขาเธอไว้กัน แต่วันนี้เธอต้องทำให้ได้สามคู่ เสร็จแล้วเก็บของไปไว้ ฉันนัดเพื่อนเล่นไพ่” “แล้วค่าแรงฉันล่ะ” “คิดครึ่งวันพอ” “หา! ลุงชวนไม่ใจร้ายไปหน่อย รองเท้าสามคู่ใช้เวลาไม่น้อยเลยนะ” “อย่าพูดมาก! ถ้าไม่มีฉันแกจะยังอยู่แถวนี้ได้หรือ ป่านนี้ถูกลากไปผ่าเอาเครื่องในขายหมดทั้งตัวแล้ว ยังมีหน้ามาถามค่าแรงเต็มวันอีก” ผิงผิงตกใจหดคอลง เธอไม่กล้ามองหน้าลุงชวน ไม่กล้าเถียงหรือเรียกร้องอะไรอีก อยากร้องไห้ยังไม่กล้ากลัวเขาตี พอเห็นว่าเด็กสาวยังขี้ขลาดเหมือนเดิม ลุงเขาเค้นเสียงดุครั้งหนึ่ง ก่อนจะหยิบม้วนยามาจุดสูบ พ้นควันขาวออกมา แล้วเดินล้วงกระเป๋าออกไป ผิงผิงลอบมองตามเบ้ปากอย่างน้อยใจ ทำไมเทพเจ้าถึงรักเธอนัก ชาติก่อนถูกทิ้งพ่อแม่ไม่รัก โดนด่าทุบตีทารุณสารพัด พออยู่สบายหน่อยยังถูกฆ่าตาย เกิดใหม่ไม่ได้ดีกว่ากันแถมแย่ไม่แพ้กัน ที่น่าเศร้าคือชาติก่อนเธอมีพ่อที่รักเธอมาก แต่ตอนนี้ไม่มีใครเลย คิดไปทำรองเท้าไปน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม เรียกว่าทำงานทั้งน้ำตาก็ไม่ผิด ตุบ! “เอ๋?” นั่งทำงานอยู่ดีๆ ลุงชวนที่เดินกับมาโยนห่อกระดาษที่ตุงมากมาให้ “ทำหน้าให้มันฉลาดกว่านี้ อ้าวยังเอาแต่นั่งเซ่อ! แกะกินเร็วเข้า แกยังต้องทำงานให้เสร็จนะ” พูดจบก็เดินจากไปอีกครั้ง ทิ้งให้ผิงผิงเกาหัวแกรกๆ อย่างมึนงง “หมั่นโถวนี่นา โอ้โฮ! มีตั้งสองชิ้นเลย” ความอุ่นร้อนบนกระดาษบอกได้ว่าที่ลุงชวนเดินไปเพื่อซื้อมาให้เธอ พอนึกย้อนดูพบว่าหลายครั้งที่เขามอบอาหารที่คล้ายจะเหลือให้เธอ และทุกครั้งมันจะอยู่ในสภาพดีเสมอไม่เคยเย็นชืด จึงสันนิษฐานได้ว่าเขาตั้งใจมอบให้ไม่ใช่ของที่เหลืออย่างที่พูด แต่ตั้งใจแบ่งมาต่างหาก “ที่แท้ลุงเขาพยายามช่วยมาตลอดเลย เขาใจดีเหมือนคุณพ่อเรา” มองรองเท้าในตะกร้าที่แทบขายออกไม่ได้ แต่เขากลับสั่งให้เธอทำมันทุกวัน ไม่ต้องพูดถึงค่าอุปกรณ์กับค่าแรงของเธอ คนเราต้องกินต้องใช้ แต่เขายังแบกเธอไว้ให้งานทำ เงินอันน้อยนิดที่ให้ ไม่ใช่ขูดเอามาจากเลือดเนื้อตัวเองหรือ พอคิดแล้วความน้อยใจที่มีก่อนหน้า กลายเป็นความรู้สึกผิด เธอมองเขาเพียงด้านเดียว มองแค่ตัวเองว่าทุกข์อย่างไร แต่ไม่ได้มองปัญหาของเขา “ฮึก! เรามันแย่จริงๆ” กัดหมั่นโถวคำหนึ่งน้ำตาพาลจะไหลออกมาอีกแล้ว จึงยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ด ก่อนจะรีบยัดมันลงไป เพื่อจะได้ทำรองเท้าให้เสร็จเร็วๆ ยังมีภารกิจที่ต้องเร่งจัดการ ในใจคิดว่าจะตอบแทนลุงชวนแน่ นั่งทำรองเท้าจนถึงบ่าย เก็บของใส่ตะกร้าแบกไปไว้ที่เดิม ไม่ลืมตรวจเช็กความเรียบร้อยก่อนออกมา โจรขโมยมีน้อยที่ไหน ถ้าหายไปหนึ่งอย่าง นั่นคือขาดทุน พอแน่ใจแล้วจึงจากมาอย่างสบายใจ พอเดินมาถึงตรอกแห่งหนึ่งเสียงของคุณยายทำให้เธอตกใจ “ผิงผิง” “คุณยายเฉิน! โอ้ยายทำฉันตกใจหมดเลย ทำไมมาทำลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงนี้คะ” “อย่าเสียงดังสิ! เธอลืมไปแล้วหรือว่าเรามีเรื่องที่ไม่ควรให้คนอื่นรู้” “จริงด้วย! ถ้ามีคนรู้เพิ่มอาจเป็นอันตราย แล้วคุณนายจะต้องเล่นงานหนู” “ใช่แล้ว รีบพาฉันไปหาคุณนายคนนั้นเร็ว ฉันมีวิธีพาเธอไปใช้เงิน” “เดี๋ยวค่ะยาย คือว่าหนูยังพูดไม่หมด คุณนายคนนั้นลึกลับมาก ดูเหมือนเธอจะมีตัวตนที่เปิดเผยไม่ได้ และไม่ต้องการให้ใครพบเห็น” “อ้าว! แล้วแบบนั้นจะไปซื้อของยังไงล่ะ” “คือแบบนี้ค่ะ” ผิงผิงกระซิบข้างหู กลัวคนอื่นได้ยิน “เธอพูดจริงหรือ! ที่บอกว่าคุณนายมอบเงินให้เธอมาซื้อของแทน พอเสร็จให้ไปวางไว้แล้วจะมาขนไปเอง” เรื่องแบบนั้นมันน่าเชื่อตรงไหน! ให้ใครที่ไหนไม่รู้ถือเงินก้อนโตไว้ แล้วเลือกซื้อของให้ไปรอส่งถึงบ้าน ยิ่งเป็นคนแปลกหน้าและยากจนอย่างผิงผิง มันน่าสงสัยว่ายายแก่อย่างตนอาจถูกหลอกเข้า “จริงค่ะ ยายดูนี่สิ” เธอรู้ว่าหญิงชราคิดอะไร จึงนำเงินออกมาส่วนหนึ่ง ธนบัตรห้าหยวน หนึ่งหยวน หนึ่งเจี่ยว สองเจี่ยว ห้าเจี่ยว ในมือของเธอ แน่นอนว่านั่นทำให้หญิงชราเชื่ออย่างไร้เงื่อนไข ผิงผิงเห็นว่าวิธีนี้ได้ผลยังกระซิบบอกอีกว่า “นอกจากที่เห็นยังมีธนบัตรสิบหยวน ห้าสิบหยวนและหนึ่งร้อยหยวนด้วย ยายเชื่อฉันเถอะ ฉันไม่ได้หลอกยายให้เสียเวลา” “ผิงผิง เธอทำให้ฉันตกใจแทบตาย ตกลงคุณนายต้องการซื้อของเท่าไหร่กัน!” “หนึ่งพันหยวนค่ะ นอกเหนือจากซื้อของส่งไปให้ เรายังสามารถแบ่งซื้ออาหารให้ตัวเองได้ แต่ไม่ควรทำให้สะดุดตาคน จู่ๆ คนที่ยากจนมีเงินซื้อของเข้าบ้าน แน่นอนว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดและหาเรื่องร้ายมาให้เพราะอิจฉา” “ถูกของเธอ! รับรองว่าฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร แม้แต่คนที่บ้าน” “ดีค่ะ ถ้าเราทำให้คุณนายโกรธ เราอาจไม่ได้พบเธออีก จะพลาดเรื่องดีไปให้คนอื่น” “ไม่มีทาง! ถ้าอย่างนั้นรีบไปกันเถอะ” “ไปไหนคะ” “เอาน่าตามมา ไม่ต้องถามเยอะ” ผิงผิงทำตัวว่าง่ายแต่ในใจยิ้มร่า เธอรู้ว่ายายไม่มีทางบอกรหัสทางเข้าตลาดง่ายๆ เพราะกลัวว่าตนจะอดได้ค่าตอบแทน ต้องบอกว่าราคาข้าวสารกิโลหนึ่งมีราคาที่สูงมาก หากเทียบค่าแรงของคนยากจน ด้วยเหตุนี้จึงต้องใส่น้ำลงไปจนแทบหาเม็ดข้าวไม่เจอ หลายคนกินอาหารสองวันต่อมื้อ เพื่อประหยัดให้มากที่สุด เพราะย่านที่เธออยู่ถือว่ายากจนที่สุดในเมือง บ้านที่ทางการจัดสรรให้มีแค่บางคนที่ได้รับมัน ส่วนใหญ่ต้องเช่าห้องราคาถูก และต้องเบียดเสียดกันหลายคนเพื่อหารค่าเช่า “ที่นี่คือที่ไหน ทำไมน่ากลัวจัง คุณยายคงไม่ได้เอาฉันมาขายใช่มั้ย” ตลาดมืดที่จริงคือตลาดทั่วไปหากมองด้วยตา แต่มีข้อแตกต่างอยู่ตรงที่ผู้คนที่มา ส่วนใหญ่จะคลุมหน้าคลุมหัวไม่เว้นแม้พ่อค้าแม่ขาย และมีคนกอดอกสูบยายืนอยู่ทางเข้า “อย่างเธอมันจะได้สักกี่ตัง ขืนหายไปอาชวนคงได้ฉีกอกฉันแน่ แรงงานราคาถูกอย่างเธอมีแค่เขาที่ยินดีเลี้ยงไว้ เห็นแก่ที่เธออยากรู้ บอกให้ก็ได้ ที่นี่คือตลาดมืด” “ยายคะ! เราจะเข้าไปได้หรือ ที่นี่ไม่ใช่จะผ่านไปง่ายเลย หนูว่าเราไปที่อื่นกันเถอะ” “จะกลัวไปทำไม! มากับฉันผ่านได้อย่างแน่นอน ตามมา” ยิ่งผิงผิงแสดงความหวาดกลัวไม่อยากเข้าไป หญิงชรายิ่งดึงแขนเธอไว้แน่นจะพาเข้าไปให้ได้ ตรงกันข้าม ถ้าผิงผิงแสดงความกระตือรือร้นอยากเข้าไปหญิงชราจะไม่พอใจ เกิดเป็นความระแวงและขัดขวางเธอ “มาทำไม” “ฉันปวดขา อยากเดินตามหาหมอที่คุ้นเคย” “ผ่านได้!” ผิงผิงตะลึงงันพูดไม่ออก กระทั่งถูกดึงแขนผ่านเข้าไปยังไม่ได้สติ หญิงชราเห็นแบบนั้นจึงยิ้มภูมิใจ “เธอลองดู เราจะซื้ออะไรไปให้คุณนายดี” “หนูว่าเราเดินดูสักรอบก่อนเถิดค่ะ พวกคนรวยใช่ว่าจะเอาใจง่าย” “ก็จริง ไปกัน” สองคนเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดปะชุนเต็มตัว เดินจับจูงมือดูข้าวของ แต่คนไม่ได้สนใจพวกเธอนักแค่มองมาแล้วหันกลับไป มาตลาดมืดหากมีรหัสย่อมผ่านเข้าออกได้ แค่ไม่ปากยื่นปากยาวออกไปเป็นพอ “คิดได้รึยังว่าควรซื้ออะไร” “เราซื้อของที่แพงมากกันก่อนเถิดค่ะ คุณนายน่าจะพอใจ” “ดี! ดี! ไปสิ” คนแก่ไม่มีข้อโต้แย้ง เพียงรอให้ผิงผิงซื้อของเสร็จแล้วรอส่วนแบ่ง ในใจอยากได้ข้าวสารสักถังหนึ่ง ถ้าจะให้ดีต้องมีแป้งกลับด้วย มันคงช่วยให้อิ่มท้องไปหลายวัน “จะซื้ออะไร บอกไว้ก่อน ถ้ามาแล้วไม่ซื้อไม่ต้องมา!” “ผ้าพวกนี้ขายยังไง เจ้านายของฉันต้องการมัน” เธอไม่สนใจสายตาดูถูกกับคำพูดที่หยาบคายของเขา เพราะรู้ดีสภาพของตัวเองมองในแง่ดีไม่ได้ อีกทั้งเจอมาจนชินชา “ถูกที่สุดห้าหยวน แพงสุดร้อยหยวน เจ้านายเธอต้องการแบบไหน” เขายังคงมองเธออย่างดูถูก ไม่เชื่อว่าเธอจะเลือกชุดที่แพง แต่คำพูดต่อมาของผิงผิงทำให้เขาอ้าปาก “กี่เพ้าตัวนี้สวยมาก ยายว่าคุณนายจะชอบไหม” “ชอบแน่ แต่เธอจะซื้อตัวไหน” “เอาที่อยู่ในหุ่นทั้งหมด” เธอไม่ได้พูดเปล่า แต่ยังควักเงินออกมานับรอ คราวนี้เจ้าของร้านสติหลุดลอย กระทั่งเดินไปห่อเสื้อยังเหม่อลอย รับเงินมาถือไว้มองสองยายหลานจนๆ ออกจากร้านยังไม่ได้สติ “ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกล้าจ่ายไปขนาดนั้น! ถ้าเงินนี้เป็นของฉัน คงเหมือนถูกควักหัวใจออกไป” “หน้าที่ของเราคือใช้จ่ายตามที่สั่ง คุณนายไม่ตำหนิเราแน่” “แต่เธออย่าเผลอทำให้เขาไม่พอใจเล่า ไม่อย่างนั้นเราจะอดเรื่องดีๆ กัน” “คุณยาย เราเข้าร้านนี้เถอะ” ผิงผิงสะพายถุงผ้าไปด้านหลัง เธอไม่คิดจะซื้อของที่หนัก แม้ตอนแรกมีความคิดเรียบง่ายอย่างให้เขาเอาไปส่ง แต่เธอลืมไปว่าไม่มีที่เก็บ แล้วจะบอกจุดหมายเขาได้อย่างไร เงินหนึ่งพันหยวนจ่ายออกไปแล้วหกร้อยกว่าหยวน นอกจากเสื้อก็มีเครื่องประดับ เธอไม่ได้เลือกชิ้นที่แพงที่สุดเท่านั้น แต่เลือกราคาพอเหมาะสมไม่สะดุดตา แบบหาไม่ยากด้วย เผื่ออนาคตจะขายออกไปง่ายหน่อย ยังต้องถามระบบอีกครั้งว่าของที่ซื้อจะต้องทำอย่างไร หากถูกส่งต่อย่อมได้ แต่ถ้ามันกลายเป็นของเธอ อาจทำให้ยุ่งยากเล็กน้อยเรื่องที่เก็บ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องขายออก คนไม่ได้มีเงินมากพอจะซื้อ ถึงมีก็เสี่ยงมากอยู่ดี พวกเขาจะคิดว่าเธอขโมยมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD