บทที่ 6

2209 Words
ตอน ภารกิจแรกสำเร็จด้วยความระทึก นั่งบ่นพึมพำคนเดียว ท้องฟ้ามืดแล้วแต่ยังพอมองเห็นอยู่บ้าง มีไฟจากอาคารบ้านเรือนส่องสลัว หลังไหนจุดตะเกียงจุดเทียนมองแล้วเหมือนแสงหิ่งห้อย แต่หลังไหนมีไฟฟ้าจะสว่างขึ้นมาหน่อย ด้วยยังกำลังพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจึงมีจำกัด ไม่สามารถเปิดโต้รุ่งไหว เพราะค่าไฟแพง คนจึงเข้านอนเร็ว พวกเขาจะเปิดไฟถึงทุ่มสองทุ่ม หากใครยังไม่นอนเขาจะจุดตะเกียงแทน “สวัสดี ภารกิจกระตุ้นเศรษฐกิจในวันแรกของคุณสำเร็จ เงินหนึ่งพันหยวนถูกนำเข้าสู่ตลาดเพื่อหมุนเวียน ต่อไป คือการรับรางวัลตามข้อตกลง” ผิงผิงตาเปล่งประกาย มองจอแสดงผลที่ปรากฏตรงหน้าอย่างตื่นเต้น ก่อนจะมีภาพกระดาษดิจิตอลปรากฏขึ้นจางๆ และกลายเป็นรูปร่างที่ชัดเจนคล้ายแผนที่ “นี่คืออะไร?” “โปรดจดจำรายละเอียดตรงหน้าของคุณ นี่คือแผนผังสำหรับอาคารชุดรางวัล ซึ่งคือห้องพักของคุณ กรรมสิทธิ์ได้ถูกระบุสำเร็จ คุณสามารถเดินทางไปที่นั่นได้ทันที” “กรรมสิทธิ์? แล้วฉันจะเข้าไปได้อย่างไร ฉันยังไม่มีกุญแจสำหรับเปิดห้องเลย” “คุณสามารถผ่านเข้าไปได้ ระบบจะคอยอำนวยความสะดวกให้คุณ ส่วนใบกรรมสิทธิ์อยู่ที่นั่นแล้ว และคุณไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ชื่อของคุณถูกบรรจุเข้าสู่ทะเบียนบ้านหลังนั้น รวมถึงในฐานระบบพลเรือนของประเทศนี้” “สุดยอด! แสดงว่าฉันมีบัตรประจำตัว” “มันอยู่บนโต๊ะในห้องของคุณ เมื่อไปถึงจะได้พบอย่างแน่นอน” “ดีจังเลย! แต่ของพวกนี้ล่ะ ฉันต้องจัดการมันอย่างไร” “มีสองทางเลือก หนึ่งคุณสามารถเก็บไว้เองได้ กับสอง คุณสามารถประกาศขายมัน ระบบจะเป็นผู้ดำเนินงานในขั้นตอนนี้” “เมื่อขายสินค้าได้ เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัว หากต้องการใช้สามารถนำออกมาได้เพียงหงายฝ่ามือ คิดถึงจำนวนที่ต้องการเงินจะปรากฏขึ้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับบัญชีประจำวันในการทำภารกิจ” “จำเป็นไหมว่า ต้องขายมันทั้งหมด” “เพื่อเป็นการช่วยเหลือในระยะแรกอันยากลำบาก ในครั้งนี้คุณสามารถแบ่งขายได้ แต่ในครั้งต่อไปจะไม่อนุญาต” “หมายความว่าถ้าจะเก็บคือเก็บทั้งหมด ถ้าจะขาย ก็ต้องขายทั้งหมดสินะ” “คุณเข้าใจถูกต้อง” “ดี! ถ้าอย่างนั้น ฉันจะแบ่งตรงนี้เลย เท้าฉันเจ็บมาก ฉันต้องการเงินเพื่อซื้อยา แต่ก็ต้องการชุดสะอาดเพื่อเปลี่ยน และฉันไม่ต้องการแบกมันไปทั้งหมดเพราะฉันเหนื่อย” ผิงผิงขายเครื่องประดับทั้งหมด พวกของฟุ่มเฟือยกับเสื้อที่ราคาแพง ดีที่เธอเลือกชุดราคาถูกมาไว้ใช้สามชุด คิดจะเปลี่ยนตอนอยู่บ้าน แม้ว่าแถวห้องที่เพิ่งได้มาจะห่างจากพื้นที่เดิมและไม่มีคนรู้จักเธอ แต่เพื่อความไม่ประมาท เธอต้องค่อยๆ เปลี่ยนตัวเอง ไม่อย่างนั้นอาจทำให้คนจับตามอง ซึ่งเธอต้องการความสงบ รอวันที่จะได้รางวัลมากขึ้น ไม่แน่จะกลายเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวย ผิงผิงเดินกะเผลกหาร้านที่พอจะมียาขาย มีร้านชำหลายร้านทยอยดึงประตูปิดร้าน เธอถามแล้วแต่พวกเขาบอกว่าไม่มียาที่เธอต้องการ ป้าคนหนึ่งเห็นใจ จึงแนะนำให้เธอเดินไปตึกใหญ่ตรงหัวมุม ที่นั่นมีร้านยาอยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งมีสิ่งที่เธอต้องการ เพียงต้องเตรียมเงินให้มากหน่อย เธอโค้งกายขอบคุณแล้วจึงเดินไปให้เร็วที่สุด หากคืนนี้ซื้อยาไม่ได้ พรุ่งนี้อาจเดินไม่ได้เช่นกัน เกือบสองทุ่ม ร้านยาร้านเดียวของย่านนี้กำลังจะปิด “ขอโทษนะคะ! ฉันรู้ว่าคุณจะปิดร้าน แต่ฉันอยากขอร้อง ฉันต้องการยาสำหรับรักษาแผล” เจ้าของร้านมองเท้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลชุ่มเลือด ถึงมันจะมืดแต่ไฟสว่างในร้านทำให้มองเห็นมัน เขาถอนหายใจแล้วมองเธอ “เธอสามารถซื้อยาได้ แต่ฉันไม่ใช่นักบุญ ค่ายาลดให้ได้แต่ให้เลยคงไม่ได้ เธอต้องจ่ายเงินนะ” “ฉันทราบดี วันนี้ฉันมีเงินแล้ว แต่คุณอาวางใจ เงินเป็นของฉันเองไม่ได้ลักขโมยหรือได้มาอย่างผิดๆ” “ฉันเชื่อเธอ ว่าแต่ต้องการอุปกรณ์ทำแผลด้วยมั้ย เอาชุดเล็กหรือชุดใหญ่” “ขอชุดใหญ่ค่ะ คุณจัดมาได้เลย เงินที่มีพออย่างแน่นอน” ผิงผิงรู้สึกวางใจ สมกับที่เป็นร้านยา เธอไม่บอกความต้องการ แต่เขาเพียงดูก็รู้ว่าเธอต้องใช้สิ่งใดบ้าง และยังจัดยาให้เธอ ซึ่งเป็นยาเม็ดสมัยใหม่ “ยาเม็ดนี้กินตอนปวด แต่อย่ากินบ่อย เฉพาะตอนที่ปวดไม่ปวดไม่ต้องกิน และอันนี้กินหลังกินข้าว มีหกชุดกินได้สองวัน ต้องบอกเธอก่อนว่ามันคือยานำเข้ามาจากฝรั่งตาสีฟ้า ดังนั้นราคาจึงแพงมาก แต่ก็หายเร็ว” “ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันมีธนบัตรหนึ่งร้อยหยวน พอสำหรับค่ายากับของทั้งหมดไหม” “มันอาจแพงแต่ไม่ขนาดนั้น รอเดี๋ยว ฉันจะไปเอาเงินมาทอนให้” พอเขาเห็นว่าเธอสามารถจ่ายได้จริงจึงไม่ถามย้ำอีก ปกติแล้วร้านยาของเขาไม่ค่อยเป็นที่นิยมของคนแถวนี้นัก เพราะชาวบ้านไม่คุ้นเคยกับยาฝรั่ง ยังมีราคาที่สูงจนซื้อไม่ไหว ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบาก จะมีคนร่ำรวยที่มาซื้อ แน่นอนว่าแค่เขาขายออกไปไม่กี่ครั้งก็ทำกำไรมากแล้ว ที่เขาไม่มียาสมุนไพร เพราะแถบนี้ยังมีร้านหมอยายิบย่อยอยู่บ้าง ให้ต่างคนต่างหากินเถอะ “ขอบคุณนะคะ ฉันไปแล้ว” เขาเพียงพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร มองเด็กสาวเดินหายไปกับความมืดมีสายตาซับซ้อนมองตามลับตา จึงปิดประตูร้านกลับบ้าน ตลอดทางผิงผิงเดินตามแผนที่ของระบบ เธอพอเห็นผู้คนอยู่บ้างประปราย แต่ไม่มีใครสนใจเธอเลย กระทั่งเจอตึกสูงหกชั้นในสภาพที่เก่าแต่แข็งแรง มีทางเข้าที่สวนกันได้ไม่อึดอัด ไม่มีคนอื่นในทางเดินของตึก ดูเหมือนพวกเขาจะอยู่ในบ้านของตัวเอง แว่วเสียงพูดคุยออกมาให้ได้ยิน เธอเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง รู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้อยู่ชั้นหก เท้าเธอเจ็บขนาดนี้อาจต้องได้คลานขึ้นไปถ้าสูงขนาดนั้น ในที่สุดก็มาหยุดที่หน้าประตูห้อง “ที่นี่หรือ ดูดีกว่าที่คิดนะ” เธอตกใจจนสะดุ้ง ที่จู่ๆ ประตูได้เปิดออก ตัดสินใจชะโงกหน้ายื่นเข้าไปก่อน สอดส่ายสายตามองก่อนจะหัวเราะให้ตัวเอง ห้องที่มืดสนิทจะเห็นอะไรได้ จึงเดินเข้าบ้านน้อยหลังใหม่แล้วปิดประตู ซึ่งในห้องเป็นกลอนประตูแบบธรรมดา เวลาจะล็อกข้างนอกคือใส่แม่กุญแจ อาจเรียกได้ว่าทันสมัยที่สุดแล้วสำหรับห้องเก่าตอนนี้ “ก็ไม่ได้แย่นะ แต่มืดชะมัด ไม่น่าลืมซื้อเทียนเลย” “สวัสดี เราเข้าใจสิ่งที่คุณกังวล ดังที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้ ห้องของคุณจะมีปัจจัยพื้นฐานสำหรับการใช้ชีวิต กรุณามองที่โต๊ะ” วูบ... แสงสว่างจากตะเกียงน้ำมัน ทำให้เธอมองเห็นรอบๆ มันค่อนข้างดีกว่าที่เธอจินตนาการไว้มาก ถึงจะสู้หลอดไฟไม่ได้แต่ไม่แย่เลย “นี่คือใบกรรมสิทธิ์บ้านหลังนี้ แล้วนี่ก็บัตรประจำตัวของฉัน โอ้มันวิเศษจัง!” ผิงผิงตื่นเต้นกับเอกสารตรงหน้า มันมีชื่อของเธอเขียนอยู่ และยังมีตราประทับถูกต้อง แต่ความดีใจมีอยู่ไม่นาน มันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความสงสัย “เอ๋! ทำไมฉันถึงยังมีนามสกุลหนาน นี่มันเหมือนกับชาติก่อนของฉัน” เงียบ... ไร้เสียงตอบกลับคล้ายว่าระบบได้หายไปแล้ว เธอครุ่นคิดอย่างหนักก็ไม่ได้คำตอบ ก่อนจะเลิกคิด แล้วหันมาปลดตะกร้าบนหลังลงเพื่อนำของออกมาจัดเก็บ พวกเอกสารสำคัญนำไปไว้ที่โต๊ะเล็กข้างเตียงนอน เธอใส่มันไว้ในลิ้นชักไม่ได้ล็อกกุญแจ คิดว่าจัดการตัวเองเสร็จจะกลับมาชื่นชมอีกหน่อย เดินไปดูในห้องน้ำ มีโถส้วมแบบนั่งยอง ถังหนึ่งใบขนาดกลางกับขันน้ำ สบู่ก้อนเล็กจิ๋วหนึ่งก่อน ขวดที่คิดว่าน่าจะเป็นยาสระผม ยังมีผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืน จึงไม่คิดมากถอดเสื้อผ้าอาบน้ำชำระล้างร่างกาย แม้ว่าน้ำจะเย็น แต่สภาพที่สกปรกหากไม่รีบทำความสะอาดแผลจะติดเชื้อ กลั้นใจแล้วฮึบ! บอกตัวเองไว้ ไม่หนาว ไม่เลย แค่นี้จิ๊บๆ ซ่า!!! ขันแล้วขันเล่าถูกราดกวาดเอาคราบสีคล้ำไหลลงท่อน้ำทิ้ง ไม่นานมีฟองขาวๆ ไหลตามจนน้ำใสขึ้น “อู๊ยหนาว! ซี๊ด..! แสบแผลก็แสบ” รีบเช็ดตัวแล้วซุกเข้าผ้าห่ม ก่อนจะรอให้ร่างกายผ่อนคลายจึงค่อยเช็ดซับน้ำบนผมเปียกให้หมาด ดีที่เลือดหยุดไหลแล้วจึงไม่ทำให้ที่นอนเลอะ ห่อยาอยู่ข้างเตียง นำมาล้างใส่ทำแผลพันด้วยผ้าไม่หนามาก แค่กันไม่ให้ขูดกับผ้าห่มเท่านั้น นั่งเล่นพักหนึ่ง จึงหยิบอาหารที่ซื้อมากินมันบนที่นอนนั่นแหละ อิ่มจึงกินยาแล้วล้มตัวลงนอน ไม่รอให้ย่อยเพราะเหนื่อยเกินจะฝืน หนังตามันปิดจนลืมไม่ขึ้น “สวัสดี! กรุณาตื่นเพื่อทำภารกิจ” “ฮื้อ! ขอนอนต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือ ยังง่วงมากเลยนะ” “คุณสามารถนอนต่อได้ แต่ต้องหลังจากได้เงินเข้าบัญชี สำหรับการทำภารกิจในวันนี้” พอได้ยินแบบนั้นจึงยันกายลุกขึ้น ตาลืมได้ครึ่งหนึ่งปากอ้าหาวขณะที่เงี่ยหูฟังไปด้วย “เหมือนเดิม วันนี้คุณได้รับเงินสดสองพันหยวน ใช้ให้หมดก่อนสามทุ่ม มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษ” “สองพันหยวนหรือ! ยอดเงินมันเพิ่มขึ้นนะ” “ตามที่ได้แจ้งไว้ นี่คือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ หากทำสำเร็จคุณจะได้รับอะพาร์ตเมนต์หนึ่งหลัง พร้อมเฟอร์นิเจอร์และมีไฟฟ้าน้ำประปา” แน่นอนว่าเธอสนใจและต้องการมาก แต่แอบรู้สึกสับสนขึ้นมา “แล้วที่นี่ล่ะ มันยังจะเป็นของฉันไหม” “มันเป็นของคุณแล้ว แต่ถ้าคุณไม่ต้องการ คุณสามารถประกาศขายได้ เนื่องจากตอนนี้คุณยังไม่สามารถให้คนอื่นเช่า” “เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะยังไม่ขายที่นี่ หากจู่ๆ ฉันไปอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เลยอาจทำให้คนสงสัย เทียวไปเทียวมาสักพักค่อยขายทีหลัง” ระบบไม่ได้แทรกแซงการตัดสินใจของเธอ เมื่อได้ทราบรายละเอียดแล้ว ผิงผิงจึงนอนต่อ เธอคิดว่าวันนี้อาจไปที่ร้านลุงชวนช้า หากเขาด่าจะบอกว่าขาเธอเจ็บ คนที่ปากร้ายใจดีอย่างเขาเต็มที่คงบ่นไม่กี่คำ พอหลับเต็มอิ่มจึงลุกเปลี่ยนเสื้อเตรียมไปทำงาน เมื่อคืนยังมีอาหารเหลืออยู่ เธอกินมันรองท้องแล้วกินยา แผลแห้งไวมากเพียงแดงช้ำไม่บวม แต่ยังทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็นชัดเจน เมื่อไปถึงบ้านลุงชวน เขายืนสูบยาหันมาจ้องหน้าเธอเขม็ง “ขอโทษค่ะที่มาสาย พอดีว่าขาฉันเจ็บ” “เมื่อวานแกไปทำอะไรมา! ได้ยินว่าแกไม่อยู่ที่บ้านร้างแล้ว นึกว่าโดนฆาตกรนั่นฆ่าทิ้งหมกป่าเสียอีก” ข่าวที่ตำรวจจับผู้ร้ายแหกคุกไม่ใช่เรื่องเล็ก ยิ่งหลายคนบอกว่านักโทษคนนั้นไปหลบที่บ้านร้าง ทำให้ลุงชวนเป็นห่วงเธอ เขาไปหาเธอที่นั่นตอนรู้ข่าวแต่ไม่พบคน จึงค่อนข้างกังวล พอเห็นเธอวันนี้ หินหนักในใจเขาจึงลดลง ทว่ายังฉุนเฉียวใส่ ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องน่ากลัวเช่นนั้นทำไมไม่มาบอกเขา “แค่เกือบเท่านั้นค่ะ ฉันเห็นเขาในบ้านก่อนจึงวิ่งหนี เขาดันวิ่งตามจนไปเจอตำรวจ สุดท้ายเขาถูกจับ แต่ฉันไม่กล้ากลับไปที่นั่น มันรู้สึกกลัว” “แล้วไปเอาเสื้อใครมาใส่ มีคนช่วยเธอหรือ” “ค่ะ เจอคุณนายที่รวยมากคนหนึ่ง เธอสงสารฉันจึงซื้อยาให้แลกกับที่ฉันต้องช่วยดูแลทำความสะอาดบ้าน นั่นทำให้ฉันมีที่อยู่ ได้อาบน้ำมีที่นอนอุ่นๆ” “อย่างนั้นก็ดี แล้วบ้านคุณนายคนนั้นอยู่ไกลจากที่นี่มากมั้ย” “อยู่ย่านตึกเก่า น่าจะราวห้ากิโลได้” “เฮ้อ! ถ้ามันไกลนัก ไม่ต้องรีบมาแต่เช้าก็ได้ เปิดร้านเร็วก็ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD