ตอน ไม่อยากไปสถานีตำรวจ
ผิงผิงคิดว่าลุงชวนจะไม่จ้างเธอแล้ว แต่พอได้ยินแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกสับสน พอมองชายอาวุโสกว่าอีกครั้ง ความคล้ายคลึงของพ่อบุญธรรมกับเขามีหลายส่วน จึงพอเข้าใจเหตุผล ที่ลุงยังจ้างเธอไม่ใช่กลัวไม่มีคนทำรองเท้าให้ แต่คงห่วงถ้าเธอถูกรังแก อย่างน้อยอยู่กับเขาพวกชาวบ้านยังไม่หาเรื่อง
“ลุงชวน ฉันเห็นที่บ้านคุณนายมีรองเท้าส้นสูง ลุงคิดว่าเราควรทำมันขายบ้างดีมั้ย”
หลังจากที่ทบทวนอยู่นาน ในที่สุดเธอก็พูดออกมา เธออยากช่วยลุงให้ขายของออกไปบ้าง ในห้องเก็บของเต็มไปด้วยรองเท้าที่เธอทำทุกวัน และเธอรู้ว่าลุงกำลังลำบาก ที่เขาบอกว่าไปเล่นไพ่นกกระจอกอาจไม่ใช่เพื่อความสนุก แต่ไปเพื่อหาลูกค้าหาลู่ทางทำกิน
ถึงอย่างนั้นเธอเห็นลุงมีสีหน้าหนักใจ คิดว่าคงขายไม่ได้ คนแถวนี้ต่างยากจน พวกเขาทำรองเท้าอย่างง่ายใส่เอง มีบ้างที่ซื้อแต่เป็นโอกาสสำคัญ คนหนึ่งซื้อครั้งเดียวเก็บไว้ใส่นานเป็นสิบปี
“เธอคิดว่าทำมันได้หรือ แต่ทำออกมาแล้วอย่างไรต่อ แถวนี้ไม่มีคนใส่ส้นสูงเดินหรอก”
“แถวนี้ไม่มี แต่เพื่อนคุณนายมีแน่ ย่านนั้นอาจมีความเป็นอยู่ดีกว่าเรานิดหน่อย มีคนรวยนั่งรถสามล้อลากให้เห็นบ้าง ถ้าเราสามารถติดต่อขอวางขายที่ห้าง จะได้ถือโอกาสระบายของให้โกดังออกไป ขืนเอาไว้นานกว่านี้มันจะเสียทิ้งหมด นั่นคือสิ่งที่ฉันตั้งใจทำ”
“ข้อเสนอนี้น่าสนใจ ถ้าแกมีปัญญาฉันจะขึ้นค่าแรงให้”
เธอยิ้มค้าง อยากบอกว่าไม่ต้องก็ได้ถ้าจะขี้เหนียวขนาดนั้น แต่คิดอีกที ได้เพิ่มดีกว่าไม่ได้
“ลุงชวนคะ มีข่าวดีแล้ว!” ผิงผิงวิ่งเขยกกลับมา ใบหน้าเธอมีรอยยิ้ม ทำให้เขาลุกขึ้นปายาสูบในมือทิ้งไป
“ว่ายังไง คุณนายจะช่วยรับซื้อไปไหม”
“ค่ะ คุณนายบอกว่าเธอมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ ยินดีจะรับซื้อไปทั้งหมด ให้ฉันขนมันไปวันนี้เลย”
“รีบร้อนปานนั้น!”
“ไม่ใช่แค่รีบเอาของนะ แต่ลุงดูนี้สิ เธอยังจ่ายเงินทันที”
ชายกลางคนมองธนบัตรที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึง ทั้งหมดคือห้าร้อยเจ็ดสิบหยวน เป็นค่ารองเท้าทั้งหมดในร้านเขา จึงรับมาก่อนจะเอาแบงก์ที่ถือไว้ฟาดหน้าตัวเองอย่างแรง
“ลุงทำอะไร!”
“ฉันเจ็บ? แสดงว่าตอนนี้ฉันไม่ได้ฝัน ผิงผิง แกลองหยิกฉันอีกที นี่มันใช่เรื่องจริงมั้ย”
“ได้เลยค่ะ”
“เป็นไงคะลุง เจ็บมั้ย”
“อืมมันเจ็บ นี่! ฉันไม่ได้ฝันไปจริงๆ ด้วย ฮะฮ่าฮ่า!”
เป็นครั้งแรกที่ผิงผิงเห็นลุงชวนหัวเราะมีความสุขขนาดนี้ แต่เธอเข้าใจความรู้สึกของลุงดี จากที่กำลังถึงทางตันไม่รู้จะเอายังไงต่อ มีคนขับรถดันหน้าดินเพื่อเปิดทางให้ คงสุขล้นจนเหมือนว่าฝันอยู่
“แกแน่ใจหรือว่าจะขนทั้งหมดไปคนเดียว ขาแกเจ็บขนาดนั้น”
“ฉันสามารถเข็นไปช้าๆ ได้ คุณนายใจดีแต่ก็จุกจิก ไม่ชอบให้มีคนแปลกหน้าไปวุ่นวาย ฉันเกรงว่าจะทำให้เธอไม่พอใจ เรื่องดีในอนาคตจะพลอยหายไป”
“ถ้าอย่างนั้นแกเข็นไปคนเดียว วันนี้ฉันจะไปกงเหล้าสักหน่อย”
“ลุงอย่าใจใหญ่ควักจนหมดตัวนะ เราไม่เหลือรองเท้าขายให้คุณนายแล้ว”
“ต้องให้แกมาสอนฉันรึ! ฉันรู้หรอกน่า แกรีบเอาของไปส่งเร็วๆ อย่าทำให้คุณนายเธอโกรธเด็ดขาด”
“รู้แล้วค่ะ ฉันไปก่อน”
ผิงผิงเข็นรถออกไปช้าๆ มีลุงชวนมองตามจนลับตา เขายิ้มบางๆ แล้วส่ายหน้า
“อ้าวพี่ชวน นั่นไปอารมณ์ดีมาจากไหน วันนี้ดูสบายใจกว่าทุกวัน”
“ฉันมาหาแก มีเรื่องจะวานให้ทำหน่อย”
“เรื่องอะไรหรือ พี่บอกมาได้เลย เราคนกันเองทั้งนั้น”
“ฉันต้องการปรับปรุงบ้าน มันเก่าและทรุดโทรมมาก อยากขยายห้องเก็บของ ตอนนี้มันรกเกินไปเข้าออกลำบาก ฉันรู้ว่าแกฝีมือดี ถ้างานเสร็จเร็วไม่มีปัญหา ฉันจะจ่ายเพิ่มให้อีก”
“พี่พูดจริงหรือ นี่ไม่ใช่มาอำฉันเล่นนะ”
“คนอย่างฉันเคยพูดลอยๆ เพื่อแกล้งคนหรือไง”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ ฉันเพียงดีใจมากที่จู่ๆ มีงานให้ทำ ตกลง! ตกลง! พี่บอกฉันมาว่าต้องการให้ซ่อมตรงไหน ต่อเติมหรือเพิ่มอะไรเข้าไป”
“ถ้าแกว่างเราไปดูกันวันนี้ จะได้เริ่มงาน ยิ่งเร็วยิ่งดี!”
“ฉันไปบอกเมียก่อน เราจะออกไปกันเดี๋ยวนี้!”
ยุคนี้งานหายาก คนมากมายที่ตกงาน ถึงจะมีความต้องการแรงงานสูงบางแห่ง แต่ส่วนมากเป็นโรงงานใหญ่ที่ใช้เส้นสายแย่งกันสมัครเข้า และเน้นไปที่คนมีการศึกษาเรียนจบใหม่อายุน้อยไฟแรง คนจนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ จะถูกมองข้ามเป็นลำดับท้ายๆ
“เอาล่ะเรียบร้อยแล้ว! ตอนนี้มีเงินอีกพันกว่าหยวน เราต้องรีบใช้ให้หมดจะได้อะพาร์ตเมนต์ใหม่ที่มีไฟฟ้าใช้”
เธอนำรองเท้าทั้งหมดไปเก็บไว้ที่ห้อง มีความคิดจะขายมันในตอนเย็น แต่ตอนนี้เธอต้องทำภารกิจให้เสร็จ หลังจากลังเลอยู่สักพักเธอคิดว่าการซื้อยาน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี มีสมุนไพรมากมายที่คนเอามาขาย แต่เธอจะไม่ซื้อกับชาวบ้าน จะเข้าในร้านแทน
“หวังว่าฉันจะไม่ถูกไล่เสียก่อน”
คนงานในร้านยามองผิงผิงด้วยหางตา แต่เขายังหันมาหาเธอแล้วถามว่าต้องการซื้ออะไร
“ปวดท้องหรือมีไข้ล่ะ”
“เปล่า ฉันไม่ได้ป่วย ฉันอยากได้สมุนไพรบำรุงดีๆ สักหลายชุด เจ้านายของฉัน ต้องการนำไปเป็นของขวัญให้ผู้อาวุโสคนสำคัญ”
ขืนบอกว่ามาซื้อเองคงโดนตะเพิดก่อนได้ของแน่ เมื่ออ้างไปแบบนี้สีหน้าคนงานจึงดีขึ้น รอยยิ้มการค้าของเขาปรากฏ ยังเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“เช่นนั้นเธอต้องการสมุนไพรแบบไหน ฉันสามารถแนะนำเธอได้”
“ฉันเองไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ พี่ชายคิดว่าผู้อาวุโสที่ล่วงเกินไม่ได้ ควรได้รับของขวัญแบบใด เรื่องราคาไม่ติด คุณนายให้เงินฉันมาพันกว่าหยวน”
“อย่างนั้นหรือ! ในเมื่อน้องสาวบอกว่าเป็นคนสำคัญ ฉันจะจัดสมุนไพรชั้นดีให้เอง”
“อื้ม จัดมาเลยค่ะ แค่ไม่เกินเงินที่ฉันมีเป็นใช้ได้”
“รอสักครู่นะ”
เธอมองคนที่เปลี่ยนสีหน้าได้เร็วอย่างไม่ถือสา พวกเขาย่อมไม่กล้าล่วงเกินคนมีเงิน ผ่านไปสิบห้านาทีชุดกล่องไม้ที่มีโสมชิ้นโตถูกวางต่อหน้า เธอไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้จริงๆ จึงมองเขาอย่างสงสัย
“นี่คือโสมป่า ไม่ใช่โสมที่ปลูกขึ้น ราคาของมันแพงมาก แต่ฉันคิดเธอถูกๆ เท่ากับเงินที่เธอมี”
จากความทรงจำที่พอรู้มา โสมป่านั้นมีราคาที่แพงกว่าจริงๆ ถึงจะไม่รู้ราคาก็ตาม และเธอเห็นว่าเขาดูจริงจังคงไม่โกหก จึงพยักหน้ารับของมา
“ขอบคุณนะ วันหลังอยากให้ช่วยอะไรก็บอกได้ ร้านยาของเรามีของดีอีกเพียบ”
“ถ้าฉันต้องการจะมาอีกแน่นอน เอ่อฉันหมายถึงจะบอกเจ้านายถึงเรื่องนี้”
“ดี!”
ผิงผิงเดินถือกล่องโสมออกมา เงยหน้ามองฟ้าซึ่งดูเหมือนวันนี้จะจบภารกิจได้เร็ว เงินสองพันหยวนหายวับไปจนเกลี้ยง
“เพิ่งบ่ายเอง อืมจะกลับไปนอน แล้วค่อยออกมาเดินเล่นตอนเย็นดีมั้ยนะ”
“หยุดก่อน! เธอนะหยุด”
“....” ผิงผิงสะดุ้งและทำตามอย่างไม่ขัดขืน เสียงนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหน ก่อนจะปากสั่นเมื่อเห็นว่าเป็นนายตำรวจคนเมื่อวาน
“ค..คุณตำรวจ มะมีอะไรกับฉันหรือคะ”
“ไปสถานีตำรวจกับฉัน”
“หา! คุณจับฉันในข้อหาอะไร นี่! นี่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ไปเถอะน่า ไปถึงก็รู้เอง”
“ไม่เอาค่ะ! ฉันไม่ไป”
“ตามมา จะเดินดีๆ หรือจะให้ใส่กุญแจมือ”
“อ่า! ฟ้าไม่ยุติธรรม ทำไมคุณถึงรังแกฉัน” เธอเข่าอ่อนจะร้องไห้
เทียนหลี่เห็นดังนั้นยิ่งโกรธ เขาไม่เพียงพูดกับเธอดีๆ แต่ตวาดกร้าวดุร้าย
“เธอร้องไห้ทำไม! ปกติก็อัปลักษณ์ดูไม่ได้ ตอนนี้ยิ่งน่าเกลียด ห้ามร้องไม่อย่างนั้นฉันจะขังเธอ”
“อุบ!” คราวนี้ผิงผิงไม่กล้าโวยวายอีก กลั้นน้ำตากระซิกๆ เดินตามเขาไปสถานีตำรวจโดยดี
พอไปถึงเขาจึงพาเธอไปที่โต๊ะ แล้วถามถึงเหตุการณ์เมื่อวาน
“เธอเล่ามา เธอเห็นนักโทษหลบหนีที่ไหน พบเขาได้อย่างไร”
“ที่บ้านค่ะ ฉันหมายถึงบ้านร้าง ฉันอาศัยอยู่ที่นั่น แต่ยังไม่ทันกลับเข้าไป พอเห็นว่ามีคนน่ากลัวอยู่ฉันเลยหลบออกมา จากนั้นเขาก็ไล่ตามฉัน บอกว่าจะฆ่าฉัน”
“นับว่าเธอโชคดีมาก คนร้ายรายนี้มีอาการทางจิต เขาปลอมเป็นทหารขโมยอาวุธปืนไปฆ่าคน ยังใช้มีดตัดเส้นเลือดคนก่อนฆ่าทิ้ง จากนั้นค่อยนำไปอำพราง ถ่วงน้ำบ้างเผาบ้าง เขาแหกคุกหนีออกมา ตามหลักแล้วไม่เคยปล่อยให้เหยื่อหนีรอด”
“นะน่ากลัวขนาดนั้น!”
“ตอนนี้ถูกจับเข้าคุกที่แน่นหนากว่าเดิม ที่ฉันเรียกเธอมาเพื่อสอบถามรายละเอียด ว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่ มันคือขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น”
“ไม่ค่ะ! ฉันไม่รู้จักเขาเลย ไม่รู้ด้วยว่าเขาไปที่นั่นได้ยังไง”
“ถ้าเธอไม่โกหกฉันจะปล่อยเธอไป แต่เตือนไว้อย่าง หากเธอทำผิดฉันจะจับเธอเข้าคุกเหมือนหมอนั่น”
“ทำไมคุณพูดแบบนี้ล่ะคะ! ฉันดูเหมือนคนร้ายรึไง”
“ใครให้เธอน่าสงสัยล่ะ เมื่อวานยังสกปรกมอมแมม มาวันนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
“นั่นเพราะฉันได้คนอุปถัมภ์ มีคนใจดีให้เสื้อผ้าให้ที่พักแกฉัน เพื่อแลกกับดูแลบ้านให้ เขาคงเห็นสภาพที่อนาถเกินไปละมั้ง”
“ก็อนาถจริงๆ เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้วเธอกลับไปได้ผิงผิง”
“เอ๋? ฉันจำได้ว่ายังไม่ได้บอกชื่อกับคุณเลย”
“ไม่บอกแล้วฉันจะสืบรู้ไม่ได้หรือ เท้ายังเจ็บอยู่มั้ย”
“ค่ะ ยังเจ็บ วันนี้เดินทั้งวัน”
“ไปได้แล้ว ฉันจะเรียกรถลากให้ไปส่งเธอ”
“เดี๋ยวค่ะ! แต่ฉันไม่มีเงินแล้วนะ เงินที่คุณนายให้มาฉันใช้ซื้อของไปจนหมด” เธอตบกล่องสมุนไพร เพื่อบอกว่าเงินหมดไปกับสิ่งนี้
“ฉันจ่ายให้เอง ย้ายก้นลีบๆ ของเธอไปเดี๋ยวนี้!”
สีหน้ากับวาจานั่นทำให้ผิงผิงหน้าแดง เธอไม่ใช่สาวน้อยจริง แต่เคยเป็นผู้หญิงเต็มตัวที่เคยประสบความสำเร็จ ถึงจะไม่สวยมากแต่ก็มั่นใจว่าสวย
“คุณตำรวจ! คุณหยาบคายมากที่พูดแบบนี้กับผู้หญิง” เธอรู้สึกอายกับคำพูดประโยคนี้ของเที่ยนหลี่ คนในสถานีตำรวจต่างมองมาที่เธอแล้วยิ้ม
แต่เดิมไม่มีความประทับใจกับเขา ตอนนี้ยิ่งติดลบเข้าไปอีก กระทั่งขึ้นรถสามล้อลากแล้วยังทำหน้างอปากคว่ำ เหมือนเธอจะได้ยินเสียงเขาหัวเราะตามหลัง จึงบ่นขมุบขมิบ เกือบโยนกล่องโสมในมือทิ้ง
ในรถยนต์คันหนึ่ง ที่กำลังวิ่งไปบนถนนท่ามกลางผู้คนมากมาย ชายหนุ่มหล่อในชุดสูทตัวยาวหรูหรา วางสายตาไว้ด้านนอกเป็นเวลานาน จนผู้เป็นพ่อนึกสงสัย
“ลูกชาย นั่นแกมองอะไร”
“พ่อครับ ผมว่า... ผมเห็นผิงผิง!”