ตอน ความผิดพลาดกับหัวใจที่พังทลาย
“พ่อครับ แม่ครับ นี่คือหมายศาล?”
กระดาษสีขาวแต้มหมึกดำมีตราประทับสีแดง สั่นคลอนความรู้สึกของแต่ละคนจนแทบระเบิดออกมา มูลค่าที่ปรากฏมันมากมายจนไม่สามารถชดใช้ไหว บิดารับไปอ่านด้วยมือสองข้างที่สั่นเทา ภายใต้กรอบแว่นตากวาดผ่านทุกตัวอักษร ก่อเกิดเป็นอารมณ์โกรธ
“ให้ตายสิ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! แก! แกทำอะไรลงไปหยงเจิน”
เพล้ง! แก้วน้ำถูกปัดตกแตก เพราะผู้เป็นหัวหน้าตระกูลกำลังโกรธจัด ปัญหานี้ร้ายแรงเกินจะแก้ไขได้ หากเขารู้ก่อนอาจพอยับยั้งไม่ให้มันบานปลาย ทว่ากลับถูกปิดบังด้วยความเชื่อใจ
“พ่อคะ! หนู หนูไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้”
“ไม่รู้หรือ! แกคิดว่าแกเก่งพอจะบริหารมันได้ ยังแอบทำมันลับหลังฉัน แล้วทำไมมันถึงล้มละลายถูกฟ้องแบบนี้ แค่พูดว่าไม่รู้ บีบน้ำตาไม่กี่หยด ก็สามารถทำให้ทุกอย่างดีขึ้นรึไง!”
“พ่อ! นั่นเพราะทุกคนชื่นชมในความสามารถของหนู เป็นพ่อกับพี่ชายที่บอกว่าหนูมีความสามารถ พ่อเองเคยเห็นด้วยนี่คะ หนูก็แค่อยากพิสูจน์ว่าหนูทำได้”
“แต่แกควรจะบอกพวกเราก่อน ไม่ใช่แอบไปทำเองแล้วเจ๊งจนถูกฟ้อง! ตอนนี้ไม่ใช่แค่บริษัทที่แกทำ มันยังกระทบถึงบริษัทฉัน ความน่าเชื่อถือจะส่งผลต่อผู้ถือหุ้นแน่นอน”
บิดาที่เคยใจดียามนี้ไม่ฟังเหตุผลแล้ว เขาพบปัญหาที่หนักอึ้งซึ่งจะส่งผลอย่างมากในอนาคต รวมถึงอาจถูกบีบให้ออกจากบริษัทที่สร้างขึ้นมากับมือ ทั้งหมดเพราะลูกสาวคนนี้
“เธอเห็นนี่มั้ยหยงเจิน ทั้งหมดตั้งร้อยห้าสิบล้าน นั่นมันเท่ากับทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลเรา เรื่องนี้แกเป็นคนทำ แกต้องรับผิดชอบเอง” พี่ชายกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เรื่องนี้ใครก่อคนนั้นต้องรับเอง ลำพังตัวเขายังไม่แน่ว่าจะรอด ไม่อาจช่วยเธอได้
“แม่คะ! แม่ต้องช่วยหนูนะ หนูไม่อยากติดคุก” หญิงสาวในชุดเดรสสั้นหรูหราแทบทรุด จับกุมมือมารดาที่นั่งเงียบเพื่อขอร้องอ้อนวอน ตอนนี้แม่คือความหวังเดียวของเธอ และยังเป็นคนที่รักเธอมากที่สุด
“แม่จะพาแกไปหาตำรวจ ไปมอบตัวเถอะ ไว้แม่จะหาทนายช่วยผ่อนหนักให้กลายเป็นเบา”
“ไม่นะคะแม่! หนูไม่ไป หนูไม่อยากติดคุก! พี่ใหญ่ พี่ต้องช่วยหนูนะ”
“พ่อคะ ทุกคน! ต้องไม่ทำแบบนี้กับฉันนะ!”
“เราไม่สามารถนำทุกสิ่งที่มีไปช่วยเธอได้ในตอนนี้ แต่เราสามารถช่วยเธอในภายหลัง น้องสาว พี่ชายสัญญาว่าจะหาทนายที่เก่งที่สุดช่วยเธอ ยังไงก็เป็นคดีแพ่ง ติดคุกจริงคงไม่เกินสิบปี หรืออาจเร็วกว่านั้น แต่ตอนนี้เธอต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย” เขาคุกเข่าลงนั่งข้างๆ มือจับบ่าปลอบใจเธอ แต่สำหรับหยงเจินมันเหมือนกับว่าเขากำลังจะพาตัวเธอไปเข้าหาตำรวจ
“ไม่! ฉันจะไม่ยอมติดคุก” หญิงสาวสะบัดตัวออกไม่ยอมให้เข้าใกล้ เพราะกลัวถูกพาไปมอบตัว เธอจึงหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาขู่ แสดงความดุร้ายพร้อมจะทำร้ายคนที่เข้ามาใกล้
“หยงเจินเธอจะทำอะไร! วางมีดลงนะ”
“ทั้งหมดเป็นเพราะพวกคุณบีบคั้น! ทำไมไม่ช่วยฉัน ไหนบอกว่ารักฉันเหมือนลูกแท้ๆ ไง”
“พวกเรารักเธอนะ รักยิ่งกว่าสายเลือดตัวเอง เราไล่ผิงผิงออกไปเพื่อให้เธอเป็นเจ้าหญิงคนเดียวของเรา แบบนี้ยังไม่ใช่เพราะรักเธอมากหรือ”
“พวกคุณรู้ต่างหาก! รู้ว่าเธอจะเอาตัวรอดจนมาเหยียบหัวฉัน ตอนนี้ในใจคงภูมิใจที่ลูกสาวคุณประสบความสำเร็จ ได้มีรูปว่อนสื่อโด่งดัง เป็นคนที่ใครให้ความสนใจ แต่ฉันสิ!”
“ฉันทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง ฮึก! ทำไมฉันต้องแพ้ด้วย! ฉันมีดีกว่ามันทุกอย่าง”
“หยงเจิน เธอกำลังพูดถึงอะไร เธอไม่ควรหยาบคายใส่คุณแม่ รีบขอโทษซะ ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่ช่วยเธอแล้ว”
“พี่ไม่ต้องมาขู่ฉัน! ให้ติดคุกรอไปก่อนหรือ แกไปติดแทนฉันสิ พี่รับผิดแทนฉันได้มั้ยล่ะ สุดท้ายที่บอกว่าจะปกป้องฉันก็โกหก”
“ฉันนะ น่าจะรู้ตั้งแต่ตอนที่พี่ขับรถชนผิงผิงจนกระเด็นตกข้างทาง คนที่หยิ่งผยองไม่ยอมเสียหน้าให้ใครอย่างพี่ มีหรือจะยินดีรับแทนฉันนะ”
“ว่าไงนะ! ลูกชาย นี่แกขับรถชนผิงผิงหรือ? ทำไมแกทำแบบนั้นกับเธอ”
“ที่ผมทำไป... เพราะ! เพราะยัยนั่นไม่ยอมขอโทษหยงเจิน ทั้งหมดเพื่อปกป้องเธอ แล้วนี้เธอกลับมากล่าวโทษฉัน ด้วยการบอกให้พ่อแม่รู้งั้นรึ”
“แกหยุด! แทนที่จะอ้างว่าทำเพื่อหยงเจิน แกควรสำนึกและถามตัวเองว่าทำไมถึงกล้าทำร้ายผิงผิง แกลืมไปแล้วว่าเธอเป็นน้องสาวแท้ๆ ของแก”
“ผมไม่ยอมรับเด็กกำพร้าเป็นน้องสาวครับ! พ่อกับแม่เองก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนเศษคน ทุกคนลืมไปแล้วหรือว่าทำร้ายเด็กคนนั้นยังไง”
“อึก!” ความจริงข้อนี้ทำให้บิดามารดาสะอึก
ใช่แล้ว... พวกเขาเองก็ปฏิเสธเลือดเนื้อของตัวเอง เพราะกลัวว่าลูกอุปถัมภ์จะเสียใจ แต่ไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะลงเอยแบบนี้
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงฮื่อ! เพราะอะไรกัน”
มองภาพลูกสาวที่เขารักกำลังคลุ้มคลั่งอาละวาด ดวงตาสั่นไหวอย่างรุนแรง หยงเจินที่แสนน่ารักอ่อนหวานกลายเป็นคนที่เอาแต่ใจ พร้อมดึงทุกคนให้ลงหลุมไปกับเธอ กลายเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย
ธุรกิจที่มีก็ประสบปัญหาอย่างหนัก คู่ค้าฉีกสัญญา ยอดขายตก การผลิตมีมากเกินกว่าจะขายหมด ในโกดังมีสินค้าค้างสต๊อกกับค่าเช่าที่ต้องจ่ายทุกวัน บ้านไม่เป็นบ้านอีก มีแต่สงครามกับบรรยากาศน่าอึดอัด แบงก์ส่งจดหมายทวงหนี้รายวัน แม้พวกเขาจะมีทรัพย์สินแต่ก็มีหนี้สินไม่น้อย
ในใจสามคนพ่อแม่ลูกชาย จึงย้อนคิดถึงเรื่องราวในอดีต
เมื่อสิบเอ็ดปีก่อน ทั้งครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด และได้แวะพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในตอนนั้นสองสามีภรรยายังเป็นเพียงพนักงานบริษัท แต่ฐานะของพวกเขาไม่ได้ยากจน เงินเดือนอยู่ในระดับสูง ซึ่งได้ตกลงกันว่าจะเริ่มทำธุรกิจของตัวเองในอีกหกเดือนข้างหน้า ที่ต้องรอเพราะจำเป็นต้องย้ายไปอีกเมือง
ทว่าผิงผิงในวัยสิบสองปีมักมองสีหน้าของพ่อแม่กับพี่ชาย ด้วยเธอเกิดมาในช่วงที่พวกท่านต้องทำงานหนัก จึงถูกส่งไปอยู่กับยายแต่เล็ก ไม่เหมือนพี่ชายที่พ่อแม่เป็นคนเลี้ยง จนยายเสียชีวิตถึงได้ย้ายกลับมาอยู่ด้วย แต่ความผูกพันกับที่บ้านมีน้อย เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก พวกเขาไม่ใส่ใจเธอเหมือนยาย เธอจึงระมัดระวังตัวเชื่อฟัง ไม่กล้าทำให้ครอบครัวไม่พอใจ
ตอนที่พ่อบอกว่าจะพาไปเที่ยวผิงผิงดีใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกของเธอที่จะได้ไปเที่ยวไกลบ้าน หลังจากที่ย้ายกลับมา ตลอดทางผิงผิงนั่งข้างพี่ชายเงียบๆ ไม่ส่งเสียงรบกวนเขาที่กำลังใส่หูฟัง จนบางครั้งเขาเกือบลืมเธอไป เห็นดังนั้นอดจะเอ่ยแซวกับน้องสาวไม่ได้
“นึกว่าตุ๊กตาเสียอีก นั่งเงียบได้ขนาดนี้เชียว”
“น้องคงเห็นเราฟังเพลง ปกติผิงผิงก็ว่าง่ายแบบนี้ เธอไม่เคยทำให้เราต้องลำบากเลย”
“จริงด้วย งานในบ้านก็ช่วยแม่ทำเสมอ ไม่ต้องปากเปียกคอยบอก เบาแรงลงไปได้มาก”
“แม่คุณท่านสอนหลานได้ดี คิดไม่ผิดที่ขอให้ท่านช่วยเลี้ยงเธอ”
“แน่นอน แม่ฉันเข้มงวดบ้าง แต่ท่านอบรมสั่งสอนได้ดี ดูฉันสิ ฉันไม่ใช่ภรรยาที่เพียบพร้อมของคุณหรือ”
“ถูกต้อง ภรรยาผมดีที่สุด ขากลับเรายังพอมีเวลาแวะกราบท่านสักครู่ เพื่อเป็นการขอบคุณดีมั้ย”
“ดีค่ะ”
“นี่ผิงผิง เธอกลัวคุณยายไหม พี่ได้ยินว่ายายดุมาก”
“ไม่ค่ะ ยายใจดี แค่บ่นเยอะ”
“ฮะฮ่าฮ่า! เธอพูดแล้ว ดีล่ะ พี่จะฟ้องยาย”
“หา!”
“เอาล่ะ อย่าไปแกล้งน้อง เดี๋ยวเกิดนอนฝันร้ายจะแย่เอา คืนนี้เราต้องนอนโรงแรมไม่ใช่นอนที่บ้าน”
แต่ที่โรงแรมนั้นเอง ทำให้ผิงผิงต้องพลัดพรากกับครอบครัวอีกครั้ง
พ่อจองสองห้องนอน ที่เป็นห้องคอนเนคติ้งรูมสามารถเปิดประตูไปอีกห้องได้ ห้องเตียงเดี่ยวคือห้องของพ่อแม่ ห้องเตียงคู่คือห้องของผิงผิงกับพี่ชาย
เวลาสองทุ่มครึ่ง เธอเข้านอนตามปกติ เธอเป็นคนนอนเร็ว แต่หลับไปได้สักพักได้ยินเสียงเอะอะซึ่งดังมาจากข้างนอก เธอขยี้ตาลุกขึ้นเพื่อจะถามพี่ชายว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่พบเขา เมื่อเดินไปหาพ่อกับแม่ไม่เจอใครเช่นกัน ตอนนั้นเธอรู้สึกกลัวมาก
จู่ๆ มีเสียงคนเคาะประตู ทว่าเป็นเสียงคนแปลกหน้า เขาบอกให้คนข้างในเปิดไม่อย่างนั้นจะพังเข้ามา ผิงผิงตกใจมาก นั่งขดตัวอยู่บนเตียงอย่างหวาดกลัว ภาวนาให้พ่อแม่พี่ชายกลับมาเร็วๆ โดยไม่รู้ว่าพวกเขากำลังเต้นรำสนุกอยู่ที่บาร์ข้างล่าง เสียงเพลงดังกระหึ่ม จนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องน่ากลัวขึ้น
สุดท้ายคนคนนั้นเขาก็พังประตูเข้ามา ตัวเขาเต็มไปด้วยเลือด ผิงผิงตกใจเอามืออุดปาก แล้วคลานไปหลบใต้เตียงนอนนิ่งๆ หวังไม่ให้ถูกค้นพบ แต่ไหนเลยจะรอดพ้นสายตาคนคนนั้น เขาดึงขาเธอจับผ้าห่มมาตลบคลุมห่อตัวเธอแบกออกไป เธออยากกรีดร้องแต่มันหายใจไม่ออก ผ้านวมมันหนามาก
ขยับไม่ได้! พ่อ แม่ พี่ชาย ช่วยหนูด้วย..!
นับจากวันนั้นเธอก็หายไป แม่กับพ่อรู้สึกผิดที่ทิ้งเธอไว้คนเดียว จนถูกคนร้ายลักพาตัวไป ด้วยความคิดถึงจึงไปรับเด็กมาอุปถัมภ์ เลี้ยงดูอย่างดีเหมือนลูกแท้ๆ หยงเจินเป็นเด็กสดใสขี้ประจบ เธอรู้จักอ้อน ทำดีต่อหน้าเอาใจผู้คน เสียงเล็กๆ นั่นทำให้ทุกคนชอบเธอ และลืมผิงผิงไปจนหมดสิ้น
แต่แล้ววันหนึ่งกับมีตำรวจติดต่อมา บอกว่าได้พบตัวผิงผิงแล้ว พวกเขาตื่นเต้นมากที่เธอยังไม่ตาย แต่ก็แอบกังวล เขาไม่รู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาลูกสาวเติบโตมาแบบไหน ที่น่ากลัวคือผิงผิงถูกแก๊งค้ามนุษย์จับไป เธออาศัยอยู่กับคนเคยติดคุกซึ่งซื้อเธอไว้ ถูกเลี้ยงดูจากพวกเขา คนที่โตมาแบบนั้นจะเป็นคนดีได้อย่างไร
ยิ่งเธอไม่ค่อยพูด มักจะตัวสั่นเวลาพบเจอผู้คน ไม่มีบุคลิกที่ดี มือไม้อ่อนทำข้าวของเสียหายเสมอ จนทำให้พ่อแม่ยิ่งเบื่อหน่ายไม่ชอบ พี่ชายไม่พอใจเธอเช่นกัน พวกเขากดดันเธอทุกทาง ถึงกับให้แม่บ้านลาออกเพื่อให้ลูกสาวรับผิดชอบทำงานบ้านแทน พวกเขาบอกว่าเธอดูแย่เกินกว่าจะบอกใครๆ ว่าคือลูกสาว
พวกเขาไม่เคยถามเธอว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง นั่นทำให้หัวใจของผิงผิงแตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี
ถึงอย่างนั้นหยงเจินไม่ยอมให้เธออยู่เป็นสุข มักจะไปฟ้องว่าเธอคอยหาเรื่องเสมอ เธอไม่ได้ทำ แต่พวกเขาไม่เชื่อ เขาบอกว่าเลี้ยงหยงเจินมา รู้ดีว่าเธอมีนิสัยอย่างไร แต่เป็นเธอ..! คนที่โตมากับคนเลว ไม่มีทางเป็นคนดี
พอนานวันเข้าพวกเขายิ่งปฏิบัติกับเธออย่างเลวร้าย ผิงผิงร้องไห้ ร้องจนไม่มีน้ำตาให้ร้องอีก ถึงเขาจะไม่ได้เฆี่ยนตี แต่การถูกปฏิเสธโดยผู้ให้กำเนิด เฝ้ามองเขาสามคนรักคนอื่นทะนุถนอมเอาใจ มันก็เจ็บปวดแล้ว
จนวันหนึ่ง ฟางเส้นสุดท้ายของเธอขาด หยงเจินใส่ความเธอด้วยข้อหาร้ายแรง โกหกว่าเธอติดต่อคนไม่ดีมาดักฉุดไปขาย พี่ชายตบหน้าเธอ พ่อแม่ไล่เธอออกจากบ้าน บอกตัดขาด พี่ชายยังขับรถตามมาหวังชนเธอให้ตาย หากไม่เพราะตกขอบทาง เธออาจตายไปจริงๆ