ตอน ระบบกระตุ้นเศรษฐกิจกับภารกิจใช้เงิน
เมื่อเย็นแล้วจึงเก็บของไปไว้ในบ้านของลุงชวน เก็บเสร็จจึงปิดคล้องกุญแจและซ่อนไว้ในที่ประจำ ส่วนคนไปเล่นไพ่นกกระจอกตั้งแต่จ่ายค่าแรงให้ จะว่าไปชายคนนี้ไว้ใจผิงผิงมาก เขาไม่กลัวว่าเธอจะขโมยของไปขาย เพราะหากเธอกล้าเท่ากับฆ่าตัวตาย ลุงชวนถือเป็นผู้มีอิทธิพลในย่านนี้ และมีเพียงร้านเขาที่ขายรองเท้าสวยๆ ดังนั้นมีแต่คนโง่ที่โลภมาก จะกล้านำอุปกรณ์ไปขายหรือแลกอะไร ท้ายที่สุดเขาจะรู้ทันที
“พ่อจะเป็นยังไงบ้างนะ” เธอเดินกลับบ้านร้างหลังดังกล่าว ยังบ่นคิดถึงคนห่างไกล
หากว่ากันตามจริง ตอนนี้เรื่องที่อยู่อาศัยกำลังเป็นปัญหา ทางการจะปล่อยให้มีการซื้อขายบ้าน ซึ่งคนที่มีเงินกว้านซื้อเพื่อไว้อาศัยเองและเกร็งกำไร ต่อไปราคาบ้านจะถีบตัวสูง จนคนยากจนไม่มีโอกาสซื้อไหว และต้องเช่าในราคาที่แพง โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจ ที่ค่าเช่าสูงลิบลิ่ว
ยังดีที่บ้านร้างหลังนั้นมีเหตุฆาตกรรม ขายไม่ออกและไม่มีใครยอมเช่า แม้เจ้าของเองยังปล่อยทิ้ง นานไปจึงร้างน่ากลัว ยังมีคนเคยเห็นผี ไม่ใช่แค่คนสองคน แต่เห็นกันหลายคน เธอไม่รู้ทำไมผิงผิงถึงกล้าไปอยู่ พอเทียบกันดูระหว่างความกลัวในสิ่งที่อาจหลอกหลอน กับความอดอยากหิวโหยจนตาย คงทำให้คนคนหนึ่งใจแข็งเข้าสู้
“เฮ้อ! สภาพชวนขนลุกมากจริงๆ คิดสิคิด ฉันต้องทำยังไงถึงจะเปลี่ยนความลำบากให้เป็นความร่ำรวย เคยทำได้มาครั้งหนึ่ง จะทำอีกครั้งไม่ได้เลย”
“แต่ยังไงต้องสู้ พ่อไม่เคยบอกหรือว่าเกิดเป็นคนห้ามยอมแพ้ ดังนั้นไม่ว่าจะแย่แค่ไหนก็ต้องผ่านไปให้ได้ หนักกว่านี้ยังเจอมาแล้ว ยังทนอยู่ตั้งหลายปี”
ขนาดที่นั่งห่อเหี่ยวอยู่ในห้องอับมืด เพราะไร้แสงสว่าง เธอตัดใจซื้อเทียนไม่ได้เนื่องจากราคาของมันแพง เศษไม้มีอยู่มุมห้องเพื่อใช้ให้ความอบอุ่น แต่มันจะถูกจุดตอนที่หนาวจัดเท่านั้น
ผิงผิงคนนี้มักจะอยู่ในความมืดอย่างว่างเปล่า รอจนง่วงค่อยนอน บ่อน้ำข้างบ้านแห้งขอดตักไม่ถึงแล้ว จึงไม่ได้อาบน้ำเลย ความเหนียวเหนอะหนะนี้รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก และเสื้อผ้ามีแค่สองชุดเท่านั้น เป็นชุดที่เก็บได้ข้างทาง
“ยินดีต้อนรับ คุณคือผู้ได้รับเลือกให้อยู่ในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ”
“นั่น! เสียงใครเหรอ?” เธอลูบแขนตัวเองหันมองรอบๆ ก่อนจะปรากฏจอแสดงผลสีฟ้าตรงหน้า
“อ๊ะ! นี่คือ”
“คุณคงสงสัยว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร คือโปรแกรมของระบบจำลอง ในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ”
“เนื่องจากประเทศอยู่ในช่วงเริ่มพัฒนา มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจากฝั่งยุโรป แต่เพราะเพิ่งจะผ่านยุคแห่งความอดอยากแห้งแล้งทำให้มีคนยากจนจำนวนมาก ผู้คนไม่กล้าจะใช้จ่าย ระบบจึงถูกสร้างขึ้นโดยมีคนที่ถูกเลือกหนึ่งคนมารับภารกิจ”
“ทำแบบนี้ จะไม่กระทบกับประวัติศาสตร์แย่หรือ”
“ไม่กระทบต่อโลกปัจจุบัน เนื่องจากที่นี่เป็นเพียงโลกจำลองเท่านั้น หรือให้เข้าใจง่ายคือ มิติที่ถูกสร้างเลียนแบบให้เหมือนกับโลกข้างนอก ที่นี่มันไม่มีอยู่จริง”
“ใครเป็นคนสร้างขึ้นมา แล้วทำไมฉันถึงได้ถูกเลือก”
“เพราะข้อมูลของคุณถูกลบไปแล้ว นั่นก็คือการตาย เวลาที่คุณจบชีวิตลงตรงกับเวลาที่ระบบเริ่มทำงาน ดังนั้นคุณจึงได้รับเลือก”
“ส่วนผู้สร้างคือใครระบบไม่สามารถตอบคำถามได้ เนื่องจากอยู่เหนือข้อมูลการตั้งค่า”
“แล้วภารกิจกระตุ้นการใช้จ่ายที่ว่าคืออะไร”
“ต้องทำให้การค้าขายคึกคัก เศรษฐกิจหมุนเวียนในทิศทางดี ทำให้ผู้คนกล้าจับจ่ายใช้เงิน ระบบจะมอบเงินให้คุณจำนวนหนึ่งทุกวัน คุณสามารถใช้ซื้อได้ตามที่ต้องการ มีเงื่อนไขเดียวคือคุณต้องใช้ให้หมดก่อนเวลาที่กำหนด”
“ฟังดูเหมือนง่ายนะ แต่ว่าการใช้เงินจำนวนมากมันเสี่ยงจะถูกจับ ของที่มีราคาสูงรวมถึงสินค้าควบคุมต้องใช้คูปองถึงจะปลอดภัย”
“นั่นคือหน้าที่ของคุณ ที่จะต้องหาทางออกเอง”
“ถ้าฉันทำภารกิจสำเร็จจะได้อะไร ถ้าล้มเหลวจะเป็นยังไง”
“หากคุณทำสำเร็จ คุณจะได้รับทรัพย์สินพร้อมกรรมสิทธิ์ ในแต่ละวันระบบจะแจ้งผลการดำเนินงานให้ทราบ ก่อนทำการโอนเงินเข้าบัญชีทุกครั้ง”
“หากภารกิจล้มเหลว หลังเวลาที่กำหนด คุณจะกลายร่างเป็นแมวจรไปจนเช้าวันใหม่ ถึงจะคืนสภาพเป็นคนได้”
“หา! เป็นแมวจรเนี่ยนะ”
“ที่จริงมีสองตัวเลือก เป็นแมวจรหรือสุนัขจร สามารถระบุเพศได้ตามต้องการ”
“คำเตือน! ระหว่างที่กลายร่างเป็นสัตว์ คุณจะยังมีสติรับรู้เหมือนคน แต่มีความต้องการเช่นสัตว์อื่นๆ ไม่ว่าจะอาหารพฤติกรรมลักษณะนิสัย รวมถึงช่วงฤดูผสมพันธุ์ อารมณ์ทางเพศอาจรุนแรงกว่าปกติ แต่ไม่ท้อง”
“ห้ะ! ขะขนาดนั้นเลย” ผิงผิงตบหน้าผาก เธออยากรู้ว่าตอนนี้ฝันหรือเรื่องจริง พอคิดว่าภารกิจล้มเหลวแล้วต้องเจออะไรบ้าง ให้ขนลุกชัน เธอไม่อยากเป็นหมาแมวติดสัด
ผิงผิงนอนหลับสนิทเพราะเหนื่อย เมื่อคืนเธอคิดอย่างหนักเรื่องใช้เงิน เรื่องนี้ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง คิดจนเผลอหลับไป พอเช้ามายังต้องใช้สมองครุ่นคิดอีก เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นระบบจะแสดงผลพร้อมข้อมูล เธอเองจะต้องเริ่มทำภารกิจ ยังไม่รู้ด้วยว่าจะต้องใช้เงินเท่าไร หากไม่มากพอไหวแต่ถ้าเยอะเกินไปมันไม่ง่าย เป็นครั้งแรกที่ผิงผิงเครียดกับการมีเงินในมือ
“จำได้รางๆ ว่าทิศเหนือข้างโรงงานกระดาษ มีตลาดมืด แต่การจะเข้าไปได้มันต้องมีรหัสผ่าน เรื่องนี้เราควรถามใครดี ถ้าจะถามลุงชวนเขาต้องสงสัยแน่”
“เอายังไงดีนะ ก่อนอื่นต้องตีซี้คนในตลาด เพื่อหาทางรู้รหัสเข้าให้ได้”
ตอนนี้ตลาดมืดคือความหวังเดียว แต่ก็อันตรายรอบด้าน ถ้ามีตัวช่วยด้านความปลอดภัยคงดี
“สวัสดีผู้ทำภารกิจ คุณพร้อมรับมันหรือยัง”
“รายละเอียดมีอะไรบ้าง”
ตอนนี้ผิงผิงไม่คิดต่อรอง เพราะระบบคงถูกกำหนดมาตายตัว ยิ่งพูดจะยิ่งทำให้ภารกิจยากขึ้น ด้วยประสบการณ์หลายอย่าง จึงเรียนรู้สถานการณ์เพื่อประเมินก้าวต่อไป
“คุณจะได้รับเงินหนึ่งพันหยวน ตามที่ทราบดีว่าเงินจำนวนนี้ต้องใช้ให้หมดก่อนสองทุ่ม หากทำสำเร็จคุณจะได้รับคูปองเพื่อที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก”
“คูปองที่อยู่หรือ! หมายถึงบ้านใช่มั้ย” ถ้ามีบ้านเธอก็ไม่ต้องนอนในที่เปลี่ยวร้างแบบนี้ และน่าสนใจคือในบ้านต้องมีน้ำเพื่อการใช้อาบกิน นั่นคือสิ่งที่ต้องการเร่งด่วน
“ต้องบอกว่าเป็นห้องชุดนิติบุคคลขนาด 32 ตารางเมตร พร้อมกับ ที่นอน ตู้เสื้อผ้า ชุดใหม่หนึ่งชุด สามารถเข้าอยู่ได้ทันที แต่มันจะอยู่ในย่านชุมชนแออัดที่หลายคนเรียกว่าสลัม ไม่มีไฟฟ้าแต่มีน้ำประปาขั้นพื้นฐานที่มีความจำเป็น คุณพอใจไหม”
“พอใจสิ! พอใจมาก! ตอนนี้ฉันต้องการบ้าน ต่อให้เล็กขอเพียงมันเป็นของฉันเท่านั้น ต่อไปจะได้เลิกกังวล ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เจ้าของบ้านหลังนี้จะออกมาขับไล่”
“เช่นนั้นหวังว่าคุณจะทำภารกิจสำเร็จ”
ผิงผิงเดินไปที่แผงขายรองเท้าเช่นทุกวัน แต่วันนี้เธอจงใจกวาดส่ายสายตาไปทั่ว ผู้คนที่เห็นรู้สึกว่าเธอแปลก ปกติเธอไม่สนใจรอบข้างแม้แต่น้อย มีคุณยายคนหนึ่งอดสงสัยจนต้องกวักมือเพื่อถาม หญิงชราคิดว่าหากไม่ได้คำตอบวันนี้คงอยู่ไม่สงบไปทั้งวัน
“ยายหนูเธอเป็นอะไรไป วันนี้ไม่กลัวคนแล้ว ปกติเธอจะแสดงออกว่าเย็นชามาก”
“โอ้ยายคะ! หนูเพียงกำลังมองหาบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน”
“เธอกำลังหาอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ”
ผิงผิงหลุบตาลงดูระมัดระวัง ในใจรู้สึกว่าจะพูดอย่างไรไม่ให้คนตรงหน้าสงสัยจนนำความยุ่งยากมาให้ตน
“หนู เอ่อ..!”
“นี่พูดมาเถอะ! ฉันจะไม่บอกใครอย่างแน่นอน ฉันสัญญา” เห็นคนไม่อยากพูดดูกังวล หญิงชรายิ่งมีความกระตือรือร้นที่จะรู้ให้ได้
“หนูได้พบคุณนายคนหนึ่ง เธอมีเงินก้อนใหญ่สำหรับจ่ายออกไป แต่อย่างที่เรารู้ สินค้าบางอย่างคือสินค้าควบคุม ที่สามารถใช้คูปองแลกเท่านั้น แต่โควตาที่ได้สำหรับครอบครัวก็มีจำกัด เธอจึงมาถามหนูค่ะ”
“จริงรึ แล้วเธอจะซื้ออะไรบ้าง นี่ฉันอยู่มานานจนแก่ ถ้าเธอบอกฉันเราจะแก้ปัญหานี้ได้ แล้วคุณนายคนนั้นเขามีค่าตอบแทนให้มั้ย”
“นี่คือสิ่งที่หนูคิดหนัก เธอมีข้อเสนอที่น่าดึงดูดมาก เธอบอกว่าหากพอใจ จะสามารถให้บางสิ่งแก่เรา คุณยายก็รู้ว่าพวกคนรวยเขาไม่สนเศษเงินเหล่านั้น แต่มันสำคัญมากๆ สำหรับคนยากจนอย่างพวกเรา”
“แล้วคุณนายเธอต้องการอะไร รีบบอกมาเร็วเข้า!”
“ชู่ว! ยายลดเสียงลงหน่อย อย่าให้คนอื่นรู้ไม่อย่างนั้นเราจะเดือดร้อน”
“ตายจริง! ฉันลืมไป มาทางนี้ก่อน ไหนๆ บอกรายละเอียดมา”
“ไม่มีอะไรมาก เธอก็แค่คันมืออยากใช้เงินเยอะๆ เท่านั้น”
“เงินเยอะหรือ?”
“ค่ะ! แต่ว่าของตามตลาด ไม่ใช่ที่น่าพอใจเท่าไหร่ บางอย่างมีเงินแต่ซื้อไม่ได้”
หญิงชรานัยน์ตาหลุกหลิกดูหวาดกลัว ผิงผิงไม่เร่งเร้าแต่ถอนหายใจอย่างไร้เดียงสา เงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่สองครั้ง เหมือนจะบอกว่าใกล้เวลาไปทำงานแล้ว
“เฮ้อคุณยาย! ดูเหมือนหนูจะเสียโอกาสแสนวิเศษนี้ไปแล้ว ไปทำงานก่อนนะคะ” ร่างผอมไหล่ห่อเหี่ยวดูสิ้นหวัง เธอต้องอดอยากแบบนี้ต่อไปสินะ
เมื่อเห็นแบบนั้น หญิงชราที่มีความกลัวอยู่ในใจ แต่ก็อยากได้ของตอบแทนเช่นกัน เธอเองใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ลูกหลานได้ค่าแรงน้อยนิดไม่พอกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว หากสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้จะไม่คุ้มค่าหรือ พอคิดแล้วจึงลองเสี่ยงดู
“เดี๋ยวสิผิงผิง! เอาแบบนี้ ถ้าฉันช่วย เธอต้องพูดกับคุณนายให้ช่วยแบ่งของให้ฉัน”
“คุณยายพูดจริงหรือคะ แบบนั้นดีที่สุด! หนูหิวมากไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน ถ้ายายยอมช่วย หนูจะบอกคุณนายถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
“ดี วันนี้เธอรีบทำรองเท้าจากอาชวนให้เสร็จไวหน่อย บอกเขาว่าฉันต้องการหางานให้เพื่อน เธออยากทำงาน จากนั้นก็ออกมา”
“หนูไม่กล้าบอกไปแบบนั้นหรอก ขืนพูดลุงจะต้องโกรธมาก”
“ถึงเขาจะโมโหร้าย แต่ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเขาด่า เธอก็มาบอกฉัน เดี๋ยวฉันไปอธิบายกับเขาเอง”
“ตกลงค่ะคุณยาย” ผิงผิงพยักหน้ารับ สีหน้าของเธอดีขึ้นเล็กน้อย แต่ในใจรู้สึกโล่ง