ตอนที่ 1 ฮั่วเฉาซี

1662 Words
ตอนที่ 1 ฮั่วเฉาซี แสงเทียนในห้องนอนสลัวไหวในยามค่ำคืนที่เย็นจัด ข้างในห้องนอนนั้นเงียบงัน มีเพียงเสียงผ้าผืนบางที่ลากไปกับพื้นห้องที่เย็นเฉียบ ฮั่วเฉาซีค่อย ๆ ก้าวเข้ามาด้วยชุดนอนบางเฉียบที่แนบเนื้อทุกส่วน เธอแสร้งสะบัดแขนเสื้อราวกับเผลอ ทำให้เนินไหล่ขาวผ่องเผยออกมาเล็กน้อย "ท่านพี่.. คืนนี้ข้านอนไม่หลับเลยเจ้าค่ะ" เสียงของนางหวานจัดจนแทบเป็นยาพิษ ซูอวี่นั่งมองท่าทางของนางนิ่งอยู่บนเตียง ร่างกายกำยำเฉกเช่นบุรุษที่หาใดเปรียบในชุดคลุมสีเข้ม ผมยาวถูกรวบไว้หลวม ๆ ใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งแววใด ๆ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีแม้แต่ความรำคาญ มีเพียงความว่างเปล่าที่น่าขนลุก เฉาซีค่อย ๆ คลานขึ้นเตียงอย่างเช่นเคย ก่อนจะโน้มร่างกายของตนเข้าไปแนบชิดกับแผงอก ยกมือเล็กขึ้นลูบแผ่นอกของเขาช้า ๆ อย่างยั่วยวน “ท่านพี่อย่าเงียบสิเจ้าคะ ท่านเงียบเช่นนี้หัวใจข้านั้นรู้สึกเหมือนกำลังถูกมีดกรีดเป็นชิ้น ๆ” เธอจงใจขยับเข้าไปให้ใกล้ขึ้น ทิ้งน้ำหนักลงบนอกเขาเหมือนแมวเจ้าเล่ห์ ซูอวี่เงยหน้ามองเธอช้า ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วสุราบนโต๊ะมายื่นให้ “เฉาซี.. เจ้าดื่มเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่” ซูอวี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก แต่นางกลับไม่ได้สังเกตน้ำเสียงนั้นเลยสักนิด "ท่านพี่อยากให้ข้าเมาเพื่อที่เรื่องบนเตียงของเราจะได้มีสีสันขึ้นอย่างนั้นหรือเจ้าคะ" เฉาซียังคงหัวเราะคิกคักราวกับว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลก ก่อนจะคว้าแก้วในมือเขามาดื่มจนหมดโดยไม่ลังเล "หากเป็นความประสงค์ของท่านพี่ มีหรือข้าจะไม่ยินยอม" นางวางแก้วลงบนโต๊ะอย่างเบามือ สองแขนเรียวโอบรอบคอเขาไว้แน่น ทว่าไม่นานนักหลังจากที่นางโน้มตัวไปหวังจะจูบที่ริมฝีปากของเขา ทั่วทั้งร่างกายกลับชาวาบสลับร้อน ๆ หนาว ๆ เธอผละออกจากร่างของผู้เป็นสามีก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น ดวงตาคู่สวยที่เขาเคยชื่นชอบบัดนี้กลับเบิกกว้าง ใบหน้าแสนสวยที่เหมือนกับอดีตภรรยาไม่มีผิดนั่นอีก บัดนี้กับดูซีดลงราวกับปลาขาดน้ำ มือเล็กค่อย ๆ ยื่นไปจับที่ขาของเขาเอาไว้อย่างตื่นตระหนก “ซูอวี่.. ช่วย.. ข้า..” ริมฝีปากที่รู้สึกว่าแค่จะอ้าปากยังหนักอึ้ง น้ำเสียงหวานที่เคยออดอ้อนแหบแห้งแทบจะไม่ได้ยิน เขานั่งมองเธอจากบนเตียง ใบหน้ายังคงไร้อารมณ์เช่นเดิม แต่ริมฝีปากที่เคยเรียบนิ่งกลับกำลังคลี่ยิ้มบาง ๆ ออกมา ราวกับกำลังดูคนทรยศที่ใกล้ตายโดยไร้ความรู้สึก “ยาพิษนั่นไม่ทำให้เจ้าทรมานนานนักหรอก ข้าเลือกวิธีที่จะจัดการกับเจ้าแบบที่ศพสวยที่สุด เพราะข้าไม่อยากให้ลูกข้าต้องเห็นเลือด” “เจ้ารู้หรือไม่ฮั่วเฉาซี..” ซูอวี่ก้มลงมาใกล้ร่างกายของนางที่หายใจโรยรินเล็กน้อย “ว่าเจ้านั้นสมควรตาย.. ตั้งแต่วันที่เจ้ากล้าลงมือกับพวกเขาแล้ว” ฮั่วเฉาซีดิ้นทุรนทุราย เล็บที่เคยดูแลอย่างดีบัดนี้กำลังข่วนพื้นพรมจนเลือดซึมอย่างน่าเวทนา แต่สุดท้ายร่างของเธอก็หยุดนิ่งเหลือเพียงซูอวี่ที่ยังนั่งอยู่บนเตียงมองร่างไร้ลมหายใจตรงหน้า แววตาคู่นั้นยังคงเยือกเย็นราวน้ำแข็งในเหมันต์ “นับจากนี้.. ข้าจะไม่เชื่อใจใครอีก” /// เสียงฝีเท้ากระทบพื้นฟุตบาทเป็นจังหวะ ส้นรองเท้าผ้าใบกระแทกพื้นราวกับเจ้าของร่างนั้นกำลังวิ่งหนีอันตรายแบบไม่คิดชีวิต เหยาเหยากระชับกระเป๋าสะพายไว้แน่น ลมหายใจหอบระคนเหนื่อยล้า ไม่ใช่เพราะเพิ่งลงจากไลฟ์สดขายของทั้งวัน แต่เพราะหัวใจมันล้าอย่างแปลกประหลาด เหมือนจู่ ๆ จะร้องไห้แต่ก็ดันไม่มีน้ำตาให้ไหล “ก็แค่ไม่มีใครรออยู่ที่บ้านแล้ว จะคิดมากทำไมกันนะอาเหยา” เธอพึมพำกับตัวเองเหมือนคนที่ใกล้จะเสียสติ ดวงตาคู่นั้นเหม่อลอย สองเท้ายังคงก้าวเดินไปด้านหน้าโดยที่ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าสัญญาณไฟจราจรนั้นเปลี่ยนสีไปแล้ว ปี๊ดดดดดด เสียงบีบแตรดังระงมไปทั่วท้องถนน เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่แล่นมาด้วยความเร็ว และแสงนั้นกระทบเข้าตาเต็มแรงทำให้ทุกอย่างขาวโพลน แล้วทุกอย่างก็ดับวูบเหมือนเทียนที่ถูกเป่า 'ความรู้สึกอึดอัดแบบนี้มันคืออะไรกัน' ทันทีที่เธอได้สติ ดวงตากลมได้ลืมขึ้นอย่างอยากลำบาก กลิ่นอับชื้นที่ไม่คุ้นเคยคือสิ่งที่ปลุกให้เหยาเหยานั้นลืมตาขึ้น แต่สายตาเธอกลับมองไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงความมืดที่ปิดทับเหนือใบหน้า อากาศหายใจที่น้อยอยู่แล้วเริ่มรู้สึกว่ามันน้อยลงจนหายใจติดขัด ร่างกายแน่นขนัดเหมือนถูกยัดอยู่ในที่แคบ ๆ “อะ แฮ่ก.. แฮ่ก.. นี่มันที่ไหนกันเนี่ย เราน่าจะโดนรถชนไหมนะ หรือว่าโรงพยาบาล” เมื่อเริ่มรู้สึกว่าร่างกายเริ่มขยับได้บ้างแล้ว ปลายนิ้วก็เริ่มสัมผัสไปรอบข้าง ความสัมผัสแรกที่รู้สึก "ไม้เหรอ" รอยขรุขระบ่งบอกว่าน่าจะเป็นฝาไม้ นั่นยิ่งทำให้เธอตกใจสุดขีดจนต้องใช้เรี่ยวแรงที่มีดันตัวเองขึ้นตามสัญชาตญาณ ร่างกายนั้นขยับไม่ได้มากนัก แต่โชคดีที่ด้านบนนั้นถูกแง้มไว้ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นป่านนี้แม้แต่อากาศให้หายใจก็คงไม่มี ครืดดด เมื่อแสงจันทร์ส่องเข้ามาปะทะดวงตา ทำให้เธอต้องหยีตามองรอบตัว สายลมเย็น ๆ พัดผ่าน หอบกลิ่นดินชื้นโชยแตะจมูก เธอกวาดตามองรอบตัวอีกครั้งอย่างช้า ๆ คราวนี้ยิ่งทำให้เธอรู้สึกชัดขึ้น ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่ป้ายไม้เรียงรายหน้าหลุมศพ คล้ายจะมีชื่อสลักไว้ แต่ตัวอักษรเป็นภาษาจีนโบราณที่ดูไม่คุ้นตา ถึงจะอ่านออกเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น “สุสาน.. เหรอ” เสียงของเธอช่างเบาราวกับว่ากระซิบ หลุดออกจากริมฝีปากซีดเซียว สายตาหวาดระแวงไล่ไปตามแนวหญ้า พุ่มไม้เตี้ย ๆ สลับกับหินศิลาสลักคำแปลก ๆ ทุกอย่างดูไม่คุ้นชินเลยสักอย่าง ไม่มีตึก ไม่มีถนน ไม่มีแม้แต่เสียงรถยนต์ “ฝันอยู่.. ใช่ไหมนะ” เธอพึมพำอีกครั้ง มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาประกบหน้าเบา ๆ ลูบไล้ผิวตัวเองราวกับจะปลุกให้ตื่น แต่ผิวที่สองมือสัมผัสได้นั้นมันกลับไม่ใช่ผิวของเธอ ความรู้สึกที่ทำให้รู้ว่าใบหน้านี้ผอมกว่าปกติ เธอยื่นมือมาส่องแสงจันทร์ก็เห็นว่ามันทั้งขาวทั้งซีดอย่างคนอดนอนมาหลายคืน ความงุนงงและอึดอัดทำให้เริ่มหายใจถี่ขึ้นอย่างคนที่หวาดวิตก “นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ใครเอาฉันมายัดใส่โลงแบบนี้ ใครเอาฉันมาไว้ที่นี่ แล้ว.. นี่มันร่างกายของใครกัน” เสียงเธอสั่นขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะพยายามทำสงบสติอารมณ์ตามฉบับที่ถูกครอบครัวสอนให้ใจเย็นมาตั้งแต่เด็ก ท่องอยู่เสมอว่าอย่าตกใจ อย่าเสียมารยาท แต่ตอนนี้ไม่มีบทเรียนไหนที่สอนให้เธอตื่นมาในโลงศพแล้วใจเย็นได้เลย “บ้าน่า.. เคยแต่อ่านนิยายเรื่องเกิดใหม่ ทะลุมิติ คงไม่ใช่หรอก.. ใช่มั้ย” เธอยกมือขึ้นลูบหน้าผากที่เย็นเฉียบแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ แต่มันเป็นเสียงหัวเราะที่ไม่มีความตลกเลยแม้แต่นิดเดียว “อ๊ะ!” เหยาเหยานั่งลงคุกเข่ากับพื้นดินชื้น ๆ สองมือกดศีรษะเอาไว้เพราะตอนนี้เธอรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิด ปวดที่ยิ่งกว่าตอนเป็นไม่เกรนหรืออากาศที่ร้อนกว่าฤดูร้อนในประเทศไทย “อะ.. อะไรน่ะ” หมอกควันสีขาวที่รวมตัวหนาแน่นค่อย ๆ จางออกในมโนความคิด ก่อนจะเผยให้เห็นเรื่องราวต่าง ๆ ที่มีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นตัวกลาง ทำให้รู้ได้เลยว่าเป็นความทรงจำของร่างนี้ไม่ผิดแน่ แต่ที่ไม่คาดคิดเลยก็คือความทรงจำในร่างนี้ ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันน่าจะเป็นแอมบาสเดอร์ห้องขังเป็นแน่ หากนี่เป็นร่างของนางจริงเจ้าของร่างนี้ในอดีตก็คือสตรีที่เน่าเฟะคนหนึ่ง "กรี้ดดดด" เธอยังคงนั่งกุมศีรษะกับภาพอดีตที่ย้อนกลับมาราวกับวิดีโอที่เร่งสปีด จนในที่สุดภาพสุดท้ายก็คือใบหน้าของชายผู้นั้น.. ชายผู้เป็นสามีที่ลงมือวางยาพิษจนนางตาย “หรือฉันตายไปแล้วจริง ๆ” เหยาเหยาลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองหลุมที่ตัวเองเพิ่งคลานขึ้นมา หญ้ารอบหลุมยังใหม่ราวกับว่าเพิ่งมีคนน้ำมาวางไว้ ป้ายไม้หน้าหลุมจารึกตัวอักษรอย่างชัดเจน เธอขยับริมฝีปากอ่านช้า ๆ “สุสาน.. ฮั่ว.. เฉาซี” ริมฝีปากซีดเม้มเข้าหากันแน่น นัยน์ตาฉ่ำน้ำอย่างกลั้นไม่อยู่ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง มองท้องฟ้าที่มีเพียงแสงสว่างจากจันทร์เสี้ยว และแสงดาวที่อยู่เป็นเพื่อน “บ้าไปแล้วแน่ ๆ นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน” “ชีวิต.. บัดซบจริง ๆ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD