นางฟ้าตกสวรรค์

1500 Words
กรุงเทพมหานคร ราตรีวิกาลกลางมหานครแห่งแสงสี เป็นห้วงเวลาสำราญเริงของเหล่าผีเสื้อราตรี ทว่าสำหรับ 'เสือ ราชสีห์' แล้วกลับเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย หากไม่ใช่เพราะน้องชายตัวดี เขาคงไม่มีทางมานั่งอยู่ท่ามกลางบรรดาผู้หญิงแต่งตัวโป๊เปลือยเช่นนี้ พวกหล่อนสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น ดื่มด่ำน้ำเมาและโยกกายครื้นเครงไปกับเสียงดนตรีดังกระหึ่ม "พี่เอาแต่ดื่มแบบนี้จะขับรถกลับโรงแรมไหวเหรอครับ?" 'กระทิง ราชสีห์' น้องชายคนเล็กแห่งไร่ดอยเหนือผู้รักสนุก เขาโน้มกายลงมาใกล้ใบหูพี่ชายเพื่อตะโกนถามแข่งกับเสียงดนตรี "คนอย่างกูไม่เคยเมา และตอนนี้ก็จะกลับแล้วด้วย" เสือตะโกนบอกกระทิงกลับไป จากนั้นร่างสูงราวหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรจึงลุกขึ้นยืน รูปร่างสูงใหญ่กำยำ แววตาและท่าทางน่าเกรงขาม "งั้นก็ขับรถดีๆ ฮะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมแวะไปหาที่โรงแรม" เสือพยักหน้าให้น้องชาย แล้วจึงเดินตรงออกไปยังลานจอดรถ เขาขับรถเข้ามาทำธุระในกรุงเทพฯ เป็นประจำทุกเดือน จึงมีโอกาสพบปะสังสรรค์กับกระทิงบ้างเช่นครั้งนี้ แม้จะไม่ค่อยอยากก้าวเท้าเข้ามาเหยียบเมืองแห่งแสงสี แต่เพราะธุรกิจไร่ชาไร่ผักผลไม้ที่ขยายใหญ่โตขึ้นทุกปี จึงจำเป็นต้องเข้ามาพบลูกค้ารายใหญ่บ้างเป็นบางคราว ระหว่างกำลังจะขับรถออกจากไนต์คลับ เสือกลับมองไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินออกมาด้วยอาการมึนเมา ร่างงามสะโอดสะองในชุดเดรสรัดรูปเกาะอกสีดำ เรียวขาขาวพยายามทรงตัวยืนบนรองเท้าส้นสูง ใบหน้าสะสวยโดดเด่นราวกับดารานางแบบกำลังกวาดสายตามองไปทั่วลานจอดรถ เสือเผลอจ้องมองหล่อนจนจำหน้าได้ขึ้นใจ น่าแปลกที่เขาไม่เคยชายตามองผู้หญิงคนไหนมาก่อนแต่กลับมองเธอคนนี้ "หึ! ผู้หญิงสมัยนี้ หาดีๆ ไม่ได้สักคน" ชายหนุ่มเหยียดยิ้มพลันส่ายหน้า มือหนาหมุนกุญแจสตาร์ตรถ ทว่าผู้หญิงที่ตนมองเมื่อครู่กลับเดินมาขวางหน้ารถของตนไว้ "บ้าชะมัด!" เสือเป็นคนอารมณ์ร้อน เขาจึงไม่รอช้าเปิดประตูลงจากรถทันที ร่างสูงเดินมาหยุดตรงหน้าสาวสวย "ยืนขวางทางรถคนอื่นทำไม ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังจะขับรถออกไป" ชายหนุ่มถามเสียงดุดัน ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยี่หระต่อน้ำเสียงของคนแปลกหน้า "ฉันกำลังมองหารถของฉันค่ะ จำไม่ได้ว่าจอดไว้ตรงไหน คุณคนหล่อช่วยมองหารถบีเอ็มดับเบิลยูคันสีขาวให้ฉันได้ไหมเล่า สีขาวเต็มไปหมดเลย ฉันมองไม่ถนัด" หล่อนขอความช่วยเหลือน้ำเสียงออดอ้อน เสือยิ่งตระหนักยิ่งขึ้นว่าผู้หญิงเมืองกรุงนั้นแสนมารยาห้าร้อยเล่มเกวียน ออดอ้อนผู้ชายเก่งเพียงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง "เป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่ดันแต่งตัวโป๊เปลือยออกมาเที่ยวกลางคืน แถมเมาจนจำที่ที่ตัวเองจอดรถไว้ไม่ได้ ถามจริงๆ จะมีปัญญาขับรถกลับบ้านได้ยังไง เกิดขับรถไปชนใครขึ้นมาจะทำยังไง ภาระสังคมชะมัด" เสืออดไม่ได้ที่จะต่อว่าคนไร้จิตสำนึกเหล่านี้ "แรงมาก! คุณกล้าด่าคนที่คุณไม่รู้จักขนาดนี้เลยเหรอ?" หล่อนแทบสร่างเมา เกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายปากจัดถึงขนาดนี้ แต่มันก็จริงอย่างที่เขาพูดทุกคำ "เกิดมาหน้าตาสวยซะเปล่า แต่ไม่มีสมอง!" เสือพูดจบแล้วจึงเดินกลับไปขึ้นรถของตนเอง หญิงสาวอ้าปากค้างกับคำด่าทอของคนที่ได้ขึ้นชื่อเป็น'ผู้ชายตัวสูงใหญ่'ที่ควรทำตัวเป็น'สุภาพบุรุษ'มากกว่านี้ "ไอ้บ้า! ไอ้ผู้ชายปากจัด กล้าดียังไงมาด่าว่าฉันไม่มีสมอง" หล่อนตะโกนใส่อีกฝ่ายแม้เขาจะไม่ได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมเดินหลบออกจากทางรถแต่โดยดี หากไม่ติดว่าเมาก็คงไม่มีทางยอมปล่อยคนที่มาด่าตนไปง่ายๆ เช่นนี้ เพราะคนอย่าง'อินเอวา'หรือจะยอมใครง่ายๆ เช้าวันใหม่ ณ บ้านฤติวรนันท์ คุณนีรนาท ราชสีห์เดินทางมาเยี่ยมเยือนคุณอรวี ฤติวรนันท์ด้วยธุระสำคัญบางอย่างที่ได้พูดคุยกันผ่านสายมาบ้างแล้ว พวกเขาพบกันครั้งสุดท้ายเมื่อปีที่แล้วตอนที่สามีของคุณอรวีเสียชีวิต และคุณนีรนาทก็รู้ดีว่าธุรกิจของครอบครัวฤติวรนันท์นั้นเป็นอันจบสิ้นลงพร้อมกับหนี้สินก้อนใหญ่มหาศาล ทั้งสองคนอายุห่างกันแค่สองปี เป็นเพื่อนบ้านรั้วติดกันตั้งแต่วัยเยาว์ จึงสนิทสนมกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาด้วยกันในกรุงเทพฯ ก่อนที่แม่เลี้ยงนีรนาทจะแต่งงานกับพ่อเลี้ยงขุน ราชสีห์แห่งไร่ดอยเหนือ และด้วยความผูกพันอันยาวนาน ทั้งสองจึงยังคงไปมาหาสู่กันเสมอ "เงินห้าสิบล้านบาทมันไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยนะอร แต่เรื่องนี้พี่ก็ปรึกษากับพ่อเลี้ยงขุนมาบ้างแล้ว พ่อเลี้ยงเขาก็ตกลงยินดีที่จะช่วย...แต่พี่จำเป็นต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสักเล็กน้อย" คุณนีรนาทไม่อยากเสียเวลา เพราะนางนัดหมายกับพ่อเลี้ยงเสือบุตรชายให้มารับตนกลับเชียงใหม่ด้วยกันช่วงสายของวันนี้ "เงินห้าสิบล้านบาทมันไม่ใช่น้อยๆ จริงค่ะพี่นี และอรเองก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาใช้พี่ได้เร็วๆ นี้ด้วย เพราะฉะนั้นหากข้อแลกเปลี่ยนที่ว่าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแต่เป็นเรื่องใหญ่โตอรก็ยินดีที่จะช่วยค่ะ" คุณอรวีซาบซึ้งในความช่วยเหลือของคุณนีรนาทเป็นอย่างดี "เรื่องลูกชายคนโตของพี่ค่ะ" "พ่อเลี้ยงเสือน่ะเหรอคะ จะว่าไปแล้วก็ไม่เห็นหน้าแกเลยตั้งแต่โตเป็นหนุ่ม" "ค่อนข้างเก็บตัวค่ะ เข้าหน้ากับใครไม่ติดหรอก อย่างที่รู้ดีว่าเขาเคยเสียใจแล้วก็เจ็บปวดกับอดีตมากแค่ไหน" "ค่ะ อรพอทราบเรื่องนี้อยู่บ้างค่ะ แล้วพี่นีอยากให้อรช่วยยังไงคะ?" "พี่กลุ้มใจเรื่องพ่อเลี้ยงเสือทุกวันจนแทบบ้า แม้จะมีลูกสาวอยู่แล้วทั้งคนแต่ก็เข้าหน้ากับลูกแทบไม่ติด ชาตินี้พี่คงนอนตายตาไม่หลับหากลูกยังเป็นแบบนี้ ถึงยังไงเขาก็ต้องมีคู่ชีวิต พี่อยากให้หนูอินลองช่วยพ่อเลี้ยงเสือดู เผื่อเขาจะรู้จักอ่อนโยนลงมาบ้าง" "อินเอวาน่ะเหรอคะ แต่หากให้สองคนนี้แต่งงานกันจริงๆ เวลาทะเลาะกันมีหวังได้เผาบ้านทั้งหลังวอดวายเป็นแน่ค่ะ" "แต่หนูอินเป็นเด็กเรียบร้อยไม่ใช่เหรอคะ ถ้าให้หนูอินแต่งงานกับพ่อเลี้ยงเสือ หนี้สินหลายสิบล้านนี้ไม่ต้องใช้หนี้พี่แม้แต่บาทเดียว พี่ยกให้เป็นค่าสินสอด..." คุณอรวีแทบไม่เชื่อหู แม้นางจะรู้สึกดีใจที่ไม่ต้องใช้หนี้หากยอมให้อินเอวาแต่งงานกับพ่อเลี้ยงเสือ แต่ก็อดที่จะเป็นห่วงบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนไม่ได้ "คุณแม่ขา...คุณแม่" เมื่อพูดถึงก็ได้ยินเสียง อินเอวาเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน เธอไม่รู้ว่ามารดากำลังมีแขก "อิน มาสวัสดีคุณป้านีก่อนสิลูก" หญิงสาวเดินเข้ามาด้วยอาการสะลึมสะลือ บ่งบอกว่ายังไม่สร่างเมาดีนัก เมื่อคืนกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ตีสี่ "สวัสดีค่ะป้านี ขอโทษที่อินยังสวมชุดนอนอยู่เลย อินไม่รู้ว่าคุณแม่มีแขก" อินเอวายกมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยท่าทางสุภาพและน้ำเสียงอ่อนโยน รอยยิ้มอบอุ่นผุดขึ้นบนใบหน้าสวยหวานทำให้คุณนีรนาทรู้สึกเอ็นดูเป็นอย่างมาก "สวยเหลือเกิน หนูอินไปที่ไหนใครๆ ก็คงคิดว่าเป็นดารานางแบบใช่หรือเปล่าคะลูก ป้าชอบมองรอยยิ้มหนูจังเลย" ยิ่งจินตนาการว่าหญิงสาวตรงหน้าจะกลายมาเป็นลูกสะใภ้ของตนเองยิ่งรู้สึกเอ็นดู คุณนีรนาทเคยเห็นอินเอวาหลายครั้ง แม้ว่าหญิงสาวจะไม่เคยเห็นบุตรชายของตนแม้แต่คนเดียวก็ตาม "ขอบคุณที่ชมนะคะคุณป้า แต่จะว่าไปแล้วเป็นดาราก็ดีนะคะ จะได้ตังค์เยอะๆ ไงคะ" "โถลูก...ไม่ต้องเป็นหรอกดารงดารา มาเป็นลูกสะใภ้ป้าดีกว่า รับรองไม่ต้องทำงานให้เหนื่อย" คุณนีรนาทเกริ่นเรื่องนี้ขึ้นด้วยรอยยิ้ม ทำให้คุณอรวีเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อย อินเอวาขมวดคิ้วหันไปมองมารดา ทว่าทันใดนั้น เสียงแตรรถกลับดังขึ้นที่หน้าบ้าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD