บทที่1 คลุมถุงชน

1986 Words
หลังจากประตูห้องปิดสนิท หญิงสาวถูกผลักจนแผ่นหลังชนเข้ากับผนังเย็นเฉียบ สายตาคมกริบดั่งอาวุธจ้องมองใบหน้าหวานที่ไร้ซึ่งการประทินโฉมใดๆ เอวเล็กของหญิงสาวถูกรวบตึงด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียวเท่านั้น ลิ้นร้อนดุนดันเข้าไปยังโพรงปากของเธอโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว มันหนักหน่วงและเร่าร้อนกว่าที่เคยคิดเอาไว้มาก วินาทีนั้นหญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจ ฝ่ามือเล็กพยายามทุบตีร่างหนาที่ยืนประกบปิดทางหนีได้หมด “ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันขอร้อง ฮึกกก~ ” หญิงสาวรีบยกมือไหว้ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าทันทีที่ร่างบางของเธอถูกผลักลงไปยังเตียงหนานุ่ม เตียงที่เธอหมั่นเข้ามาทำความสะอาดให้เขาทุกวัน “ ฝันไปเถอะ ยังไงซะวันนี้เธอก็ต้องปรนนิบัติฉัน ” ชายหนุ่มแสยะยิ้มพร้อมกับจับเสื้อเชิ้ตของเขาโยนออกไปและกำลังจะถอดเข็มขัดตามไปติดๆ “ ไม่นะคะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉัน...ว๊ายยยย!!! ” หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลงเมื่อชุดกระโปรงของเธอถูกฉีกทึ้งจนขาดหลุดรุ่ยเผยให้เห็นชุดชั้นในตัวบางสองชิ้นที่ปกปิดส่วนเว้าส่วนโค้งเอาไว้ เธอรีบใช้มือปิดท่อนล่างท่อนบนด้วยความเขินอายเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าผู้ชาย “ เอามือออกไปไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน! ” ชายหนุ่มเหยียดยิ้มร้ายพร้อมกับค่อยๆโน้มใบหน้าลงไปใกล้หญิงสาว ผิวขาวเนียนละเอียดที่มองเห็นอยู่กลายๆบวกกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่มาจากตัวหญิงสาวนั้นทำให้ชายหนุ่มแทบคลั่ง “ เป็นของฉันเถอะนะ ” สิ้นสุดคำนี้ลิ้นร้อนก็ดุนดันเข้าไปยังโพรงปากของหญิงสาวอีกครั้ง ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งเอื้อมไปยังเรียวขาขาวของเธอและออกแรงกดไม่ให้ขยับไปไหนได้ก่อนที่จะสอดนิ้วตามเข้าไปยังขอบกางเกงชั้นในแล้วลูบคลึงบริเวณเนื้อโหนกนูนของสาวน้อยอย่างลุ่มหลง โปรดติดตามตอนต่อไป : ม่านหมอก ************************************ “ อ่าวเห้ย!จบแบบนี้ก็ได้หรอ โอ้ยยย! คุณชายลู่ผู้กร้าวใจกำลังจะขย้ำสาวน้อยผู้น่าสงสารอยู่แล้วเชียวแต่ดันตัดจบตอนซะงั้น อะไรของแกเนี่ย! ” แพร เด็กสาวมัธยมปลายผู้ที่มีความชื่นชอบในการอ่านนิยายแนวเพ้อฝันในอินเตอร์เน็ต พับเก็บหน้าจอโน๊ตบุ๊คด้วยความหงุดหงิดหลังจากที่อ่านนิยายเรื่อง "คุณชายซาตานเจ้าขา" ไปถึงตอนหนึ่งที่เนื้อหาในนิยายของพระนางกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแต่ดันถูกผู้แต่งตัดจบตอนดื้อๆ “ ถ้าแกอยากอ่านเร็วๆก็เปย์ค่าขนมให้เราสิ รับรองแกจะได้อ่านจนจบเลย ” หวายหันไปพูดกับเพื่อนสนิทของเธอ ส่วนผู้ที่แต่งนิยายเรื่อง "คุณชายซาตานเจ้าขา" ก็คือตัวเธอนั่นเอง นามปากกาที่ใช้คือ ม่านหมอก “ เราก็อยากเปย์ค่าขนมให้แกนะหวายแต่ช่วงนี้เราต้องเก็บเงินเอาไว้ซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่นายนิสิ เห้อ! ” แพรก้มหน้าพูดด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ นั่นก็ผู้ชาย นี่ก็ผู้ชาย “ จ้า งั้นก็เชิญแกตั้งหน้าตั้งตารอฉากเลิฟซีนของคุณชายลู่ต่อไปแล้วกันนะ ฉันไปล่ะ บัยบาย~ ” หวายโบกมือลาเพื่อนด้วยท่าทีที่น่าหมั่นไส้ เธอใช้มือปัดเศษดินเศษหญ้าที่ติดอยู่ตามกระโปรงนักเรียนออกแล้วไปที่จักรยานของเธอก่อนจะปั่นกลับบ้านอย่างสบายใจ เธอรีบปั่นจักรยานกลับมาที่บ้านเพราะใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องเตรียมกับข้าวมื้อเย็นแล้ว แม้จะเป็นเพียงเด็กสาวอายุยังน้อยแต่เธอก็รับผิดชอบงานในบ้านทุกอย่างเพราะยายของเธออายุเยอะแล้วและยังเป็นคนที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากที่พ่อแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตไปทั้งคู่ เมื่อยายหลานกินข้าวมื้อเย็นอิ่มหนำแล้ว ทั้งสองคนก็ดูทีวีเรื่อยเปื่อย หวายกำลังนั่งนวดให้ยายเหมือนทุกวัน “ ยายจ๋าเดือนหน้าหวายก็จะเรียนจบม.6แล้วน้าาา ” หวายพูดไปนวดให้ยายไปด้วย “ เอ็งจะเรียนจบแล้วหรอ ยายดีใจด้วยนะ ” หญิงชรานอนยิ้ม มีความสุขแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายมาก หวายเป็นคนนวดเก่งเพราะนวดให้ยายมาตั้งแต่เด็กๆ “ ขอของขวัญด้วย ” หวายแบมือไปตรงหน้าของยายด้วยท่าทางทะเล้นขี้เล่น หญิงชรายิ้มรั บก่อนจะให้หลานสาวหยุดนวดแล้วค่อยๆลุกขึ้นนั่ง “ ยายต้องมีของขวัญให้เอ็งอยู่แล้ว ” หญิงชราไล่มองหลานสาวสุดที่รัก ในใจก็กำลังคิดว่าปีนี้หลานสาวโตเป็นสาวแล้วแถมยังสวยเหมือนตัวเองสมัยเป็นสาวไม่มีผิด “ จริงหรอจ๊ะยาย เย้!หวายชักอยากจะเห็นของขวัญยายแล้วสิ ” หวายโผลเข้าไปกอดยายของเธอด้วยความตื่นเต้น “ ของขวัญชิ้นใหญ่เลยล่ะ เอ็งต้องชอบแน่ๆ ” หญิงชราลูบผมหลานสาวด้วยความรักและความเอ็นดูเพราะของขวัญที่ว่าได้เตรียมการเอาไว้นานแล้ว ตัดมาที่ธาดา จ.กรุงเทพมหานคร ณ บ้านหลังใหญ่โตเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงและของเก่าที่ประเมิณราคาไม่ได้ถูกจัดวางเอาไว้อย่างสง่างามและเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกชิ้นมีการดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดีภายใต้ชื่อตระกูลผู้ดีเก่าแก่ที่น้อยคนนักจะไม่รู้จักอย่าง ทวีวัฒนาสิเสทฐ์ เวลานี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าและเป็นเวลาของมื้อเช้าที่ทุกคนต้องพร้อมหน้าพร้อมตากัน คุณหญิงทิพย์ธาราผู้ที่เป็นลูกสะใภ้เพียงคนเดียวของบ้านกำลังทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของอาหารทุกจานจากแม่ครัวก่อนจะถูกนำมาจัดวางยังโต๊ะอาหารเพราะพ่อสามีของเธอเคร่งครัดเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างมาก “ สายป่านนี้แล้วยังไม่โผล่หน้าลงมา ใช้ไม่ได้จริงๆ ” ชายชราผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านเอ่ยขึ้น ทำเอาเหล่าสาวใช้ถึงกับแสดงอาการเลิ่กลั่กทันที “ เดี๋ยวหนูจะให้เด็กไปตามเดี๋ยวนี้แหละค่ะ รีบไปสิ! ” ทิพย์ธาราที่รู้จักนิสัยของพ่อสามีเป็นอย่างดีเธอจึงรีบพูดขึ้นพร้อมกับหันไปสั่งสาวใช้คนนึง “ อรุณสวัสดิ์ครับวันนี้มีอะไรกินบ้างเอ่ย ” ภาคิณ ลูกชายคนเล็กของทิพย์ธาราเอ่ยภายใต้ใบหน้าอันหล่อเหลาที่แม้ไม่ได้มีรอยยิ้มเขาก็ยังดูดีในสายตาของผู้หญิงหลายคน ภาคิณสวนทางกับสาวใช้ตรงบันไดทางขึ้นไปชั้นสองพอดี “ มาถึงแล้วก็รีบนั่งลงสิ ” ทิพย์ธารารีบหันไปบอกลูกชายก่อนที่ "ทรงพล" หรือพ่อสามีของเธอจะฉุนเฉียวไปมากกว่านี้ “ พี่ชายผมยังไม่ลงมาอีกหรอครับ โห...สายขนาดนี้แล้วใช้ไม่ได้เลยใช่มั้ยครับคุณปู่ ” ภาคิณมองไปที่นาฬิกาข้อมือของเขาก่อนจะเอ่ยด้วยความโล่งใจที่คนที่ลงมาช้าที่สุดไม่ใช่ตนเองแถมยังเกทับพี่ชายได้อีกแน่ะ “ ใครเขาจะตื่นสายเหมือนแก ” ชายชราเอ่ยอย่างประชดทำเอาคนถามถึงกับเสียหน้า “ นั่นไง กลับมาพอดี มากินข้าวก่อนสิธาดาคุณปู่ลูกรออยู่ ” ทิพย์ธาราหันไปบอกทันทีที่ลูกชายคนโตเดินเข้ามา ธาดาจำใจต้องไปร่วมโต๊ะอาหารเพราะไม่อยากขัดใจปู่ “ งานแกเร่งด่วนขนาดนั้นเลยหรอถึงต้องรีบออกไปตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน ” ชายชราเอ่ยในขณะที่ลงมือกินข้าวไปด้วย “ ครับ พอดีว่าที่มหาวิทยาลัยมีเรื่องด่วนผมเลยจำเป็นต้องรีบไปจัดการ ” ธาดาตอบอย่างสุภาพ “ งานยุ่งขนาดนี้แกคงไม่มีเวลาหาเมียสินะ ” ชายชราวางช้อนลงก่อนจะจ้องไปที่หลานชายคนโต “ โธ๋...คุณปู่ครับ อย่าว่าแต่หาเมียเลยให้พี่ชายผมรู้จักเข้าหาผู้หญิงให้เป็นก่อนไหมครับ ” ภาคิณแย่งธาดาตอบ เขาไม่ลืมที่จะส่งสายตาเย้ยหยันไปยังธาดาอีกด้วย " ฉันไม่ได้ถามแก " ชายชราหันไปดุหลานชายคนเล็กจนเจ้าตัวต้องรีบทำท่ารูดซิบปากตัวเอง “ ผมยังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้ครับ ผมอยากตั้งใจทำงานก่อนครับปู่ ” ธาดาตอบก่อนจะลงมือกินข้าวต่อ “ เหลวไหล! แกเป็นหลานคนโตของฉันนะจะมัวแต่ทำงานอย่างเดียวไม่ได้! อายุป่านนี้แล้วแกจะไม่ให้ฉันมีทายาทสืบสกุลเลยรึไง! ” ชายชราต่อว่าธาดาเสียงดังก้องบ้าน ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็ตกใจไปตามๆกัน เว้นก็แต่ดธาดาคนเดียวที่ไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมา “ นั่นสิ ผมว่าพี่รีบๆหาผู้หญิงมาแต่งงานให้ปู่ได้ชื่นใจสักทีเถอะ ผมอยากมีพี่สะใภ้จะแย่อยู่แล้ว ” ภาคิณได้ทีรีบพูดเอาใจปู่ของเขา “ เราก็พอกันนั่นแหละเมื่อไหร่จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ” ทิพย์ธาราหันไปต่อว่าภาคิณที่ก็ไม่ได้เรื่องพอๆกับพี่ชาย เธอมีลูกชายสองคนบ้างานด้วยกันทั้งคู่ “ ช่างเถอะ แกไม่ต้องหาเมียที่ไหนหรอก ” คราวนี้ชายชราเอ่ยด้วยสีหน้าที่ต่างจากทีแรก ดูสบายใจจนทุกคนอดแปลกใจไม่ได้ “ คุณปู่พูดจริงหรอครับ ” ธาดาถามเพื่อความแน่ใจเพราะปกติปู่ของเขาไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่ายๆแบบนี้ “ ฉันเคยล้อเล่นกับแกรึไง ถ้าฉันอยากให้แกแต่งงานเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันจะบอกแกเอง ” ธาดากับภาคิณต่างก็หันไปมองหน้ากันทันทีก่อนจะจำใจลงมือกินข้าวต่อ หนึ่งเดือนต่อมา จ.นครสวรรค์ ณ หมู่บ้านกกไม้หวาย โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในห้องประชุมขนาดใหญ่ของโรงเรียนเวลานี้หนาตาไปด้วยเหล่านักเรียนที่จบการศึกษา พิธีมอบใบประกาศนียบัตรเป็นไปด้วยความยินดีปรีดาของเหล่าอาจารย์กับลูกศิษย์ “ งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะ ” หวายหันไปบอกเพื่อนๆของเธอหลังจากที่ร่วมพิธีจบด้วยกันมาทั้งวัน “ อ้าว!จะรีบไปไหน พวกเราว่าจะไปฉลองกันต่อที่ร้านคาราโอเกะอ่ะ ไปด้วยกันเถอะนะหวาย ” เพื่อนคนนึงเดินเข้าไปหาหวาย “ พวกแกไปกันเถอะวันนี้เรามีนัดกับยายน่ะ ” หวายบอกเพื่อนพร้อมกับเก็บช่อกุหลาบที่แลกเปลี่ยนกันกับเพื่อนๆใส่ถุงกระดาษที่มีใบประกาศนียบัตรอยู่เตรียมเอาไปให้ยายชื่นชม “ นัดอะไรหรอหรือว่ายายแกจะพาไปฉลองที่ไหน ” แพรวถามขึ้น “ ไม่รู้สิแต่เห็นยายบอกว่าเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้น่ะ แล้วยังย้ำนักย้ำหนาว่าให้รีบกลับ ” หวายตอบเพื่อนด้วยอาการที่แอบตื่นเต้น ของขวัญจากยายจะเป็นอะไรน้าาา “ โอเคๆงั้นไว้ไปฉลองกันวันหลังก็ได้งั้นพวกเราไปก่อนแล้วกันนะ ” " โอเค แล้วเจอกัน " หลังจากที่หวายกับเพื่อนๆของเธอแยกย้ายกันแล้ว หวายก็รีบปั่นจักรยานตรงมาที่บ้านทันที โรงเรียนกับบ้านของเธออยู่ห่างกันเพียงสองกิโลเมตรเท่านั้น " จบสิ้นกันสักทีกับชีวิตนักเรียนม.ปลายอันแสนน่าเบื่อ ต่อไปนี้เราจะใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้มค่าสมกับที่เกิดมาเป็นสาวสะพรั่งแห่งกกไม้หวาย วู้!!! "
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD