CHAPTER 1

1022 Words
CHAPTER 1  บรึ้นน!             เอี๊ยด!             บรึ้นน!             เอี๊ยด!                เสียงวัตถุทรงกลมบดเบียดเสียดแทรกกับพื้นของซีเมนต์อย่างสนั่นหวั่นไหวจนเสียงดังลั่นสนามแข่งถือว่าเป็นการต่อสู้ที่สมกับการรอเคยและสะกดจนทำให้คนดูเกรงทั่วสนามแข่งต่างนั่งไม่ติดเลยสักคนบวกกับเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มไปทั่ว                 การต่อสู้ที่อันตรายและน่ากลัวนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อสิบนาทีกว่าเท่านั้นเองถึงคนที่มาชมจะส่งเสียงเชียร์เป็นจำนวนมากแต่มันกลับตรงข้ามกันของคนที่ลงแข่ง            ชนะ เป็นคำเดียวที่จะเป็นสิ่งตัดสินและยังสามารถนำทั้งเงินทอง ศักดิ์ศรีเกียรติ์ ผู้หญิงรวมไปถึงความสมน้ำหน้าคนที่แพ้มาคืนให้กับตัวเอง                บรึ้น!                ด้วยเหตุนี้จึงแพ้ไม่ได้ไงวะ                ขณะที่รถแข่งสีแดงกำลังไล่เบียดเสียดแซงรถสีเขียวอีกคันหนึ่งที่ขับนำหน้ามาโดยตลอดตั้งแต่จุดเริ่มต้นเทคนิคระดับเทพที่นักแข่งรถคนสีเขียวใช้นั้นมันคงเหนือความคาดหมายเพราะยังไงๆ ก็ไม่สามารถแซงได้                “อ่อนแบบนี้ยังกล้าท้ากูอีกไอ้เหี้ยเอ้ย!”                รอยยิ้มเหยียดกระตุกที่ริมฝีปากได้รูปพร้อมพูดขึ้นอย่างน่าขบขันทั้งๆ ที่กำลังขับเข้าไปยังเส้นชัยด้วยความเหนือชั้นพร้อมกับความไม่เกรงกลัวสักนิดเดียว                เอี๊ยดด!                รถแข่งสีเขียวคันงามได้หยุดลงเมื่อประตูถูกเปิดออกพร้อมกับการก้าวเท้าออกมาของนักแข่งคนดังกล่าวยิ่งทำให้เสียงสาวๆ ในสนามพากันส่งเสียงกรี๊ดมากกว่าดารามาอีกเนี้ยสิ ทั้งๆ ที่หมวกยังปิดบังใบหน้าของเขาอยู่                เอี๊ยดด!                ปัง!                “มึงโกงนี่หว่าไอ้เหี้ย...”                แต่ทันใดที่ชายหนุ่มผู้ที่กำความชนะไว้ในมือกำลังจะถอดหมวกก็มีเสียงของนักแข่งรถสีแดงซึ่งเป็นผู้แพ้ได้ขับรถมาจอดปิดประตูรถดังลั่นด้วยแรงโทสะก่อนที่ตะโกนดังลั่นพร้อมกับการเดินเข้ามาประจันหน้ากับเขาด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าหัวเสียสุดๆ อารมณ์ที่คุกกรุ่นอบอวนขึ้นเป็นอีกเท่าตัว                ทว่าภายใต้หมวกที่ใครต่างก็ไม่สามารถได้เห็นเลยว่าชายอีกคนที่กำความชนะจะทำสีหน้าใช่ไรในตอนนี้ เขาแค่ยืนนิ่งๆ เท่านั้นเอง                “ขี้แพ้ก็อย่าชวนตีนิสัยกูมันไม่ได้ดีเหมือนหน้าตา ถอย!”                ตึก!                ไหล่แกร่งเข้าไปกระแทกกับไหล่ผู้ที่แพ้ด้วยอาการที่บ่งบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่กลัว การกระทำพร้อมกับคำพูดที่เปล่งออกมานั้นยิ่งทำให้ผู้ที่ได้รับฟังเกิดความไม่พอใจอย่างยิ่ง                “มึงยังไปไม่ได้แน่จริงก็ถอดดิวะ?”                “…”                ดูเหมือนว่าบรรยากาศจะเริ่มตึงเครียดเข้าไปเป็นอีกเท่าตัวรวมไปถึงเสียงเชียร์ที่ดังสนั่นต่างเงียบลงอย่างกะทันหันราวกับได้นัดหมายกันล่วงหน้าผู้ชายที่ขับรถสีแดงยังยืนกวนทำหน้าอยากมีเรื่องอยู่เสมอในขณะที่อีกคนนิ่งราวกับน้ำแข็งที่เยือกเย็นอยู่บนเทือกเขา                ตุ๊บ!                “หมวกมึงถอดดิวะถุย! กูอยากรูว่าน้ำหน้าอย่างมึงจะหล่อไหม?”                แรงที่ส่งมาจากชายผู้แพ้ตรงมายังหมวกที่ผู้ชนะสวมใส่ในระดับหนึ่งมันเหมือนกับโลกหยุดหมุนความเงียบยิ่งเริ่มเข้ามาเกาะกุมแม้แต่การขยับตัวก็ยังไม่มีใครกล้ายิ่งไปกว่านั้นชายผู้นี้ยังถุยน้ำลายลงข้างๆ เป็นการกระทำที่โคตรเหยียดหยาม                “แม่ง!...ป๊อดวะ!”                ตุบ! อึก! ปึก!                “เชี่ย ถุยพอดีว่าคนอย่างกูมันไม่ป๊อดวะไอ้อ่อน!”                “…”                หมวกที่ใส่ถูกมือใหญ่ถอดออกขว้างแตกกระจายไปต่อหน้าใครหลายๆ คนอย่างไม่ใยดี ด้วยการทำลายจากภาระกำลังที่มากกว่าคนอื่นๆ เป็นหลายเท่าก่อนที่เท้าใหญ่จะส่งแรงตรงไปยังหน้าท้องของผู้ชายที่เข้ามาหาเรื่องจนผู้ชายคนนั้นล้มไถลไปกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า                ใบหน้าขาวเรียวริมฝีปากหยักได้รูปรวมไปถึงจมูกที่โด่งเป็นสันเขื่อนรวมๆ ก็ออกแนวไปทางตี๋ๆ ผมที่เปียกโชกด้วยเหงื่อเพิ่มความเถื่อนไปน้อยถูกเผยออกมา                ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!                เรื่องมันยังไม่จบเพียงแค่นี้เมื่อเขาได้เข้าไปใกล้ผู้ชายที่โดนถีบไถลไปกับพื้นอีกครั้งก่อนที่จะชกไปที่ใบหน้าหลายทีก่อนที่จะใช้เท้าก้าวขึ้นมาเหยียบหน้าอกด้วยสายตาที่แข็งกร้าว                “มึงคิดผิดที่มาหาเรื่องกับคนอย่างกู!”                เขาพูดในขณะที่นัยน์ตามองไอ้เชี่ยนั่นจากนั้นก็ค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงยองๆ ข้างๆ มันแต่เท้าของตัวเองก็ยังอยู่ที่เดิมเพิ่มเติมก็คือการส่งแรงทั้งหมดรวมถึงน้ำหนักไปหาไอ้เชี่ยคนนั้นเท่านั้นเอง                แค่กๆ                “ปะ ปล่อย...”                “เมื่อกี้มึงยังว่ากูอ่อนอยู่นิวะ เออไม่สิมีอีกมึงยังหาว่ากูโกงอยู่ไม่ใช่ไง?” อ้าก!                เสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเป็นอีกเท่าตัวเมื่อจู่ๆ ฝ่ามือใหญ่ของคนที่นั่งข้างๆ เข้าไปกระชากผมของชายผู้แพ้ด้วยความรุนแรงราวกับจะถูกถลกหนังหัวแต่ผู้ที่กระทำกับไม่มีความรู้สึกใดๆ ทั้งนั้นมีแต่จะเพิ่มแรงดึงขึ้นเรื่อยๆ                “กูยอมแล้ว...กูยอม”                “ยอม มึงพูดคำนี้เมื่อสายไป สำหรับคนอย่างกู ‘รูธ’ ไม่เคยมีคำว่าอภัย” “…”                เมื่อได้รู้จักชื่อผู้ชายคนดังกล่าวชายผู้แพ้ถึงกับชะงักออกอาการกลืนน้ำลายด้วยความคิดหนัก ความกลัวโลดแล่นเข้ามาสู่จิตใจอย่างรัวๆ ใครไม่รู้ก็โง่                รูธ เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มสารเลวหรือ MISCREANT ที่ใครๆ ในวัยรุ่นก็ต่างรู้จัก กลุ่มนี้มีทั้งความเลวเถื่อนโหดครบสูตร เรียกได้ว่าถ้าไม่อยากตายก็อย่าคิดมีเรื่องกับพวกเขาอีกทั้งยังมีลูกน้องไปทั่วเมืองและที่สำคัญเขาก็ยังเป็นเจ้าของสนามแข่งรถอย่างครบวงจรแห่งนี้ที่มีชื่อเสียงภายใต้ที่ชื่อว่า RUTH MISCREANT RACING ที่ใครๆ ต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี         
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD