หลังงานแต่งอันยิ่งใหญ่ค่อย ๆ คลี่คลายลง แขกผู้ใหญ่ทยอยเดินทางกลับ ส่วนแขกที่มาจากต่างจังหวัดหรือกรุงเทพฯ พากันเข้าพักในห้องพักของรีสอร์ต วิรงคาเรสซิเดนซ์ ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา รายล้อมด้วยสวนสนและระเบียงไม้ทอดยาวสู่แนวไร่ชา
คุณโปรดผู้ดูแลในส่วนการบริหารรีสอร์ตของตระกูลเดินตรวจความเรียบร้อยอยู่เงียบ ๆ ร่วมกับทีมงานอย่างขยันขันแข็ง เขาก็ยังคงรักษาหน้าตาของตระกูลไว้เสมอด้วยความนิ่ง สุขุม และเงียบกว่าคืนใด
ค่ำคืนนี้อากาศเย็นจัด หมอกบางลอยต่ำ ช่อดอกไม้จากงานแต่งยังไม่ถูกเก็บ พนักงานยังเดินเก็บแก้วไวน์จากโต๊ะอาหารกลางสวน ส่วนแขกกลุ่มเพื่อนเจ้าสาวทยอยเข้าห้องพักกันทีละกลุ่ม ยกเว้นเพียงหนึ่งคนไลลา
หญิงสาวในเดรสลายลูกไม้สีชมพูอ่อนยังถือขวดไวน์อยู่ในมือ เดินโซเซไปตามทางเดินหินหลังรีสอร์ต แสงไฟสลัวจากโคมสวนทอดเงาร่างเธอยาวเหยียด เธอไม่สนใจว่าใครมอง ไม่สนว่าทุกย่างก้าวของเธอจะนำพาไปเจอกับอะไร เธอแค่อยากเดินหนีความรู้สึกที่ยังไล่ตามเธอ
ก่อนจะทันได้คิดอะไร ข้อมือเล็กก็ถูกคว้าดึงแรงจนร่างเธอเซเข้าไปในมุมมืดของกำแพงหิน “ไลลา...” เสียงคุ้นหูแผ่วต่ำ
ชายหนุ่มในชุดเจ้าบ่าวยังดูสมบูรณ์แบบเกินไปสำหรับผู้ชายที่เพิ่งทำลายหัวใจเธอจนแตกละเอียด ธาวินยืนอยู่ตรงหน้าเธอ สบตาเธอด้วยแววตาวูบไหว สองมือจับไหล่เธอไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป
ไลลาจ้องหน้าเขานิ่ง ความเจ็บในใจแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาที่เอ่อล้น เธอฟาดมือไปที่อกเขาไม่หยุด ก่อนจะสะอื้นแรงเหมือนเด็กหลงทาง
“นี่มันหมายความว่ายังไง...” เสียงเธอสั่น
ธาวินเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะพูดเบา ๆ “อุ้มเป็นคู่หมั้นของพี่ตั้งแต่เด็กแล้ว...พี่ขอโทษ”
“แสดงว่า...พี่กับอุ้มรู้จักกันมานานแล้วเหรอ...แล้วรักกันมานานแล้วหรือเปล่า...” ไลลาถามทั้งน้ำตา ริมฝีปากสั่นน้อย ๆ
“พี่รักเธอคนเดียว ไลลา” เขาสวมกอดเธอไว้แน่น ราวกับจะทำให้เธอเชื่อคำพูดนั้นด้วยอ้อมแขน
“พี่มันเห็นแก่ตัวมาก ถ้าวันนี้ไลลาไม่มางานนี้ ไม่เห็นความจริงพวกนี้...พี่คิดจะบอกไลลาเมื่อไหร่”
“พี่ก็ไม่รู้...” เขาตอบเบา ๆ
เพี้ยะ!
เสียงฝ่ามือตบหน้าเขาดังชัดจนแม้แต่สายลมก็เงียบลง ไลลามองเขาทั้งน้ำตา ริมฝีปากขบแน่นราวจะกลืนคำพูดทั้งหมดไว้ในอก
“ไม่รู้งั้นเหรอ...พี่ควรรู้ตั้งนานแล้ว สรุปคือที่ผ่านมา ไลลาก็ไม่ต่างจากชู้รักใช่ไหม” เธอหัวเราะเบา ๆ ทั้งน้ำตา “พี่เคยพูดอะไรกับไลลาบ้าง ที่เป็นเรื่องจริง”
“ตอนนี้ไลลาไม่รู้แล้วว่าพี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าไลลา เป็นใครกันแน่ พี่ไม่ใช่พี่วินของไลลาอีกแล้ว...”
“พี่คือธาวิน...ธาวิน วิรงคพิทักษ์งั้นเหรอ”
“ทำไมพี่ถึงเห็นแก่ตัวได้มากขนาดนี้...”
“เราจบกันตรงนี้นะ ชาตินี้ทั้งชาติ...อย่ามาเจอกันอีกเลย คุณธาวิน”
คำว่า “คุณธาวิน” ออกจากปากเธอด้วยน้ำเสียงเฉียบคม ราวกับใช้มีดตัดเส้นความสัมพันธ์สิบปีทิ้งอย่างไม่เหลือเศษใย
ไลลาหันหลังเดินหนีทันที ไม่หันกลับไปมอง แม้น้ำตาจะพร่ามัว เธอก็ยังเดินตรงไปยังชิงช้าริมสระน้ำตัวเดิม จุดที่เธอพึ่งไปนั่งจิบไวน์อย่างคนแพ้
เธอปล่อยตัวลงนั่ง ร้องไห้เงียบ ๆ เหมือนเด็กหลงในฝันร้าย ฝนเริ่มตกลงมาเป็นสายโปรย เธอไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่มีแม้แต่ความเย็นมากระทบผิว ทุกอย่างชาไปหมด จนเธอเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาอย่างแผ่วเบา แต่คมกริบพอจะบาดหัวใจคนที่ได้ยิน
“สิบปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยรู้เลย...ว่าคนที่ฉันรักที่สุด คือตัวละครที่ฉันเขียนบทให้เอง แล้วก็เชื่อมันเองอยู่ฝ่ายเดียว”
“เจ็บจัง ทำไมมันเจ็บปวดได้มากขนาดนี้”
เสียงฝนโปรยเบา ๆ ลงบนพื้นหญ้าและแผ่นหินของสวนหลังรีสอร์ต กลิ่นเปียกฝุ่นผสมกลิ่นไม้และกลิ่นไวน์บนลมหายใจของไลลา ทุกอย่างกลายเป็นฉากเงียบสงบของคนที่พังที่สุดในงานแต่งงานคืนนี้
เธอนั่งอยู่บนชิงช้า ร้องไห้จนหมดแรง เสื้อผ้าเปียกชื้น ผมหลุดลุ่ย ไวน์ขวดนั้นวางอยู่ข้างกายหมดไปเกือบครึ่งขวด ไม่มีแม้แต่สติจะนึกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเวลาไหนแล้ว
เธอไม่ได้รู้เลยว่า มีดวงตาของใครบางคนเฝ้ามองเธออยู่จากระเบียงด้านบนมาตลอดเกือบครึ่งชั่วโมง เขาไม่ได้เข้าไปหาเธอทันที เพราะเขาไม่ใช่คนที่จะก้าวเข้าไปในชีวิตใครก่อน ถ้าเจ้าตัวไม่ต้องการ
แต่ฝนที่ตกหนักขึ้น กับร่างของผู้หญิงคนนั้นที่ค่อย ๆ เอนหลังพิงเชือกชิงช้าและเงียบไปในที่สุด ทำให้เขาตัดสินใจเดินลงมา
ชายหนุ่มในชุดสูทสีครีมถือร่มดำเรียบหรู เขาเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ กางร่มบังฝนให้เธอเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร ไลลายังสะอื้นเสียงเบา ๆ ราวกับไม่รู้สึกถึงการมาถึงของเขา
“...”
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เรียกชื่อเธอ หรือแม้แต่ถามว่าเธอพักอยู่ห้องไหน ร่างของหญิงสาวก็ทรุดลงไปกับพนักชิงช้าอย่างช้า ๆ แล้วหมดสติไปโดยไม่เอ่ยอะไรเลย
คุณโปรดรับร่างนั้นไว้ได้ทันก่อนจะล้มถึงพื้น เขามองเธอในอ้อมแขน สีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีความตกใจ มีเพียงความเข้าใจที่แฝงอยู่ในแววตา “ถ้าดื่มขนาดนี้ แล้วยังไม่สลบ...นั่นสิแปลก” เขาพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างของเธอขึ้นแนบอก
เขาไม่รู้ว่าเธอพักอยู่ห้องไหน ไม่รู้แม้แต่ชื่อเต็มของเธอ เขาเพียงแค่รู้ว่า ปล่อยเธอไว้ตรงนี้ไม่ได้
คืนนี้ไม่มีห้องไหนปลอดภัยสำหรับคนที่พังขนาดนี้อีกแล้ว นอกจากห้องของเขาเอง เขาเดินฝ่าสายฝนออกจากสวน เงียบและมั่นคง เหมือนกับว่าเขาเคยอุ้มใครสักคนแบบนี้มาก่อน ทั้งที่ไม่เคยเลยสักครั้ง