ตอนที่ 1

1145 Words
“ท่านแม่จะไปไหนเหรอครับ น้องซันขอไปด้วยได้ไหม” เด็กชายตัวน้อยในวัยห้าขวบที่มีนามว่า หม่อมราชวงศ์รพี ธาดาพิสุทธิ์เอ่ยถามหม่อมเจ้าพนิดาผู้เป็นมารดาที่กำลังจะขึ้นรถออกไปด้านนอก “แม่ไปหาเพื่อนครับ น้องซันเป็นเด็กดีอยู่บ้านกับท่านพ่อนะครับ แม่ไปแป๊บเดียว เดี๋ยวแม่แวะซื้อขนมไข่ของโปรดน้องซันมาฝากนะครับ” “ได้ครับ ท่านแม่รีบกลับมานะครับ” ว่าจบเด็กชายตัวน้อยก็ยอมปล่อยมารดาแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างว่าง่าย เฝ้ารอให้มารดากลับมาพร้อมกับขนมโปรดอย่างใจจดใจจ่อ หากแต่จะย้อนเวลากลับไปได้สักครั้งในวันนั้นผมจะไม่ปล่อยให้ท่านแม่ออกจากบ้านไปอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้อยู่กับท่านแม่ เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผมก็ได้สูญเสียท่านแม่ไปตลอดกาลอย่างไม่มีวันหวนกลับ ไม่เพียงแค่ท่านแม่เท่านั้นที่จากผมไป หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทุกอย่างในชีวิตผมก็เปลี่ยนไป ท่านพ่อที่เคยรักเคยเอ็นดูผมก็หมางเมินไม่ใส่ใจ เพราะผู้หญิงคนใหม่ที่เข้ามาอยู่ในสถานะแม่เลี้ยงและภรรยาใหม่ของท่านพ่อ ที่แต่งงานกันหลังจากท่านแม่เสียไปแค่เพียงเดือนเดียว “สวัสดีค่ะคุณซัน ฉันเป็นแม่ใหม่ของเธอชื่อพิมพ์นภา หรือเธอจะเรียกฉันว่าหม่อมทับทิมเหมือนที่พวกคนรับใช้เรียกกันก็ได้นะ”หญิงสาววัยสามสิบต้นๆ เอ่ยบอกเด็กชายที่ยืนแอบอยู่หลังผู้เป็นพ่อ ด้วยวัยที่ยังเยาว์ทำให้ผมในตอนนั้นไม่สามารถแยกแยะได้ว่าผู้คนรอบตัวคิดอย่างไรกับผม แรกเริ่มเมื่อเข้ามาภรรยาใหม่ของพ่อก็ดูแลผมที่เสียท่านแม่ไปอย่างดี แต่พอลับหลังที่ท่านพ่อไปทำงานเธอมักทุบตีและมองผมด้วยสายตาที่น่ากลัว จนผมในวัยห้าขวบได้แต่หวาดกลัวอยู่เพียงคนเดียว ครั้นพอไปบอกท่านพ่อกลับถูกตำหนิซ้ำ และบอกว่าผมเป็นเด็กนิสัยไม่ดี เอาแต่ใจ ดื้อไม่ยอมฟังสิ่งที่แม่เลี้ยงสั่งสอน เหตุการณ์เหล่านี้ยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ และเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อน้องชายฝาแฝดทั้งสองคนของผมลืมตาดูโลก ท่านพ่อที่เคยรักใคร่เอ็นดู หัวเราะกับผมในวันวานได้หายไปพร้อมกับท่านแม่ ตอนนี้เหลือเพียงท่านพ่อที่รักและเอ็นดูน้องชายทั้งสองคน ส่วนผมนั้นกลายเป็นลูกชายที่ท่านไม่ชายตาแล ไม่สนใจอีกต่อไปว่าผมจะเติบโตมาอย่างไร กระทั่งเมื่อผมโตขึ้นและสามารถรับมือกับเรื่องราวเลวร้ายในชีวิตได้ด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าผมจะพยายามทำชีวิตของตนเองให้มีความสุขขนาดไหน ดูเหมือนความสุขเหล่านั้นมันจะนำความทุกข์กลับมาให้ผมทุกครั้ง “ท่านพ่อครับ เทอมนี้ผมเรียนได้ที่หนึ่ง” หากผมเรียนดีได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งก็หวังว่าจะได้รับคำชื่นชมจากหม่อมเจ้ารพีพันธุ์ ธาดาพิสุทธิ์ ผู้เป็นพ่อ แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ผมทำมันดีเกินไปจนน้องทั้งสองที่เรียนได้ระดับกลางๆ เสียใจ จนท่านพ่อต้องปลอบใจยกใหญ่และหันมาว่าให้ผมที่อวดเก่งจนทำให้น้องๆ กดดันตัวเอง นั่นจึงทำให้ผมหมดความพยายามที่จะทำให้ท่านพ่อภูมิใจ หรือหันมาสนใจในตัวผมอีก ผมยอมใช้ชีวิตอย่างคนไร้ตัวตนในบ้านหลังนั้นเพราะไม่สามารถหนีไปไหนได้ ใช้ชีวิตเป็นคุณชายเสเพลไปวันๆ เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง เพราะยังไงๆ คำนำหน้า และนามสกุลที่ต่อท้ายชื่อก็เป็นตัวช่วยที่ทำให้ทุกอย่างในชีวิตมันง่ายดายขึ้น กระทั่งช่วงวัยสิบเจ็ดย่างสิบแปด ก็เกิดเหตุการณ์ส่งผลอย่างรุนแรงต่อการใช้ชีวิตของผม ในวันนั้นที่ผมกลับเข้ามาในบ้านหลังจากออกไปเล่นเกมด้านนอกกับเพื่อนก็เรียกหาพี่เลี้ยงที่คอยดูแลผมตั้งแต่วันที่ท่านแม่เสียไป จนกลายเป็นคนที่ผมไว้ใจที่สุดให้ทำอาหารง่ายๆ มาให้ทาน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อารมณ์ความต้องการทางเพศที่เจริญเติบโตตามวัยของผมถึงได้เกิดความกำหนัดจนผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ครั้งก่อนๆ ที่มีความต้องการผมสามารถบรรเทาอาการลงได้ด้วยมือของตัวเอง พอโตเป็นหนุ่มมาหน่อยด้วยความอยากรู้อยากลองผมก็ได้ไประบายกับร่างกายของผู้หญิงที่ยินยอมพร้อมใจ แต่ในตอนนี้ผมไม่สามารถหาผู้หญิงคนไหนมาช่วยบรรเทาอาการได้ แม้จะใช้ฝ่ามือช่วยชักรูดมันก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จนผมเริ่มหน้ามืดตามัวขาดความยั้งคิดเปิดประตูห้องนอนออกไปเจอเข้ากับแม่บ้านสาววัยยี่สิบสามที่เดินผ่านหน้าห้อง กระชากเธอเข้ามาแล้วจัดการใช้ร่างกายของเธอบรรเทาอาการที่มันกำลังร้อนรุ่ม รุ่งเช้าของวันถัดมาดูเหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะถูกใจแม่เลี้ยงของผมเป็นที่สุด เมื่อเธอเปิดประตูห้องนอนของผมเข้ามาพร้อมกับท่านพ่อ ผมที่กำลังสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงก็โดนท่านพ่อตบจนหน้าหันตามแรง ทั้งๆ ที่ยังมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานแม่เลี้ยงก็ไขความข้องใจต่างๆ ให้กระจ่างด้วยการกล่าวหาว่าเขาเป็นคนจิตใจไม่ปกติ หมกมุ่นในกามจนถึงขั้นลากแม่บ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ไปขืนใจ “ท่านชายค่ะ น้องว่าคุณชายซันเกินจะเยียวยาแล้วนะคะ ทั้งทำตัวเหลวไหล ทั้งเสเพล ตอนนี้ถึงขั้นหมกมุ่นในกาม มั่วเซ็กส์จนเอาไม่เลือก ทำนิสัยหยาบช้ากระทั่งคนในบ้านของตัวเองแบบนี้ เราส่งคุณชายไปให้โรงพยาบาลรักษาเถอะค่ะ ก่อนที่คุณชายจะวิปริตไปมากกว่านี้” แม่เลี้ยงสาวเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่ดูเหมือนจะเห็นใจออกมา แต่สีหน้าและแววตานั้นกลับดูสาแกใจที่สามารถทำให้ท่านพ่อโกรธผมได้มากถึงเพียงนี้ และเหตุการณ์นั้นทำให้ผมหมดความอดทนที่จะอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกต่อไป จึงตัดสินใจไปอยู่บ้านท่านตา ที่ผมไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมเพราะโดนท่านพ่อสั่งห้าม ท่านตาเป็นคนที่เคร่งครัดด้านศีลธรรมและยึดถือความถูกต้องของจารีตประเพณีเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการที่ผมกลับไปหาท่านในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้มันเสี่ยงมาก แต่ท่านตาก็เป็นคนเดียวที่ท่านพ่อของผมเกรงใจ จนไม่กล้าทำร้ายผมทั้งทางการกระทำและคำพูดต่อหน้าท่านตา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD