ตอนที่ 3

1358 Words
“หางานทำอยู่เหรอ” คุณหมอกันต์ธีร์เอ่ยถามเมื่อรับกาแฟทั้งสองแก้วจากพนักงาน ก่อนจะยื่นแก้วหนึ่งให้เธอที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วชวนกันไปนั่ง “ใช่ค่ะ” ระหว่างที่เดินร้านกาแฟคุณหมอได้เอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบตามปกติ ฉันเลยบอกไปว่าช่วงนี้กำลังดูๆ อยู่ว่าจะไปสมัครงานที่ไหนได้บ้าง “เรากลัวสัตว์ไหม อาทิเช่นงู” “งู?” ฉันถามกลับด้วยความสงสัย คุณหมอคงไม่ได้แนะนำงานในสวนสัตว์ให้ฉันใช่มั้ย แต่แบบนั้นก็ดูไม่เสียหายอะไร ส่วนตัวฉันก็ชอบพวกสัตว์อยู่แล้ว ถึงจะไม่เคยได้สัมผัสหรือเข้าใกล้งูตัวเป็นๆ มาก่อนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้อะไรถ้ามันเป็นงูเลี้ยงและเป็นงูไม่มีพิษก็พอเข้าใกล้ได้ “พอดีเพื่อนผมกำลังหาคนช่วยเลี้ยงงูพร้อมกับดูแลบ้านที่ดูไว้ใจได้อยู่” “เลี้ยงที่บ้านเหรอคะ ดาวคิดว่าที่สวนสัตว์ซะอีก” “ฟังข้อเสนอก่อน ถ้าหนูดาวไม่สนใจก็ไม่เป็นไร” สงสัยสีหน้าฉันจะแสดงออกชัดเจนมากเกินไปว่าไม่ค่อยสนใจ ถ้าเป็นงานในสวนสัตว์ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นงูเลี้ยงที่บ้านเชื่องขนาดไหนใครจะรู้ ถ้าเกิดมันไม่ถูกชะตาแล้วสวบฉันลงท้องใครจะช่วยทัน อีกอย่างนอกจากเลี้ยงงูก็ยังต้องพ่วงตำแหน่งแม่บ้านไปอีก “คุณหมอค่ะ ดาวคิดว่า…” “หกหมื่น” “คะ?” หูของฉันไม่ได้เพี้ยนไปใช่มั้ย อะไรคือหกหมื่น แค่งานแม่บ้านกับเลี้ยงงูอะไรจะเงินเดือนดีขนาดนั้น สำหรับเด็กที่เพิ่งจบใหม่และมีประสบการณ์อันน้อยนิดเงินเดือนหกหมื่นถือว่าสูงจนฉันไม่รู้ว่าจะหางานอื่นให้ได้เงินเดือนสักครึ่งหนึ่งของงานที่คุณหมอเสนอมาได้อังไง อย่างมากก็คงได้แค่หมื่นห้า “เงินเดือนดีแต่มีข้อแม้นะ” “ข้อแม้อะไรคะ” แค่ได้ยินจำนวนเงินเดือนที่จะได้รับฉันก็เริ่มหูผึ่ง ดวงตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น อยากเริ่มงานเสียตั้งแต่วันนี้พรุ่งนี้ หากข้อแม้นั้นไม่ได้หนักหนาเกินไปก็อยากลองทำดู “หนูดาวต้องพัก กิน นอนอยู่ที่บ้านของเพื่อนผมตลอดเวลา เพราะเพื่อนผมเป็นคนค่อนข้างขี้ระแวงและไว้ใจคนยาก หนูดาวอาจจะต้องเสียพื้นที่ส่วนตัวทั้งหมดเพื่อให้เพื่อนของผมไว้ใจ” “เป็นคนโลกส่วนตัวสูงสินะคะ” “ก็ประมาณนั้น” “…” เอาไงดีล่ะทีนี้ เงอนเดือนที่ค่อนข้างมากทำให้ต้องฉุกคิดอีกครั้ง แค่ดูแลบ้านกับเสียความเป็นส่วนตัวฉันไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่หรอก เพราะไม่ได้มีความลับอะไรให้ต้องปกปิดอยู่แล้ว ยกเว้น…ช่างเถอะ!!เรื่องนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แม้มันจะไม่ใช่เรื่องที่ควรจะให้เจ้านายรับรู้ก็ตาม ส่วนเรื่องเลี้ยงงูก็คงต้องยอมรับว่าไม่มั่นใจว่าจะดูแลสัตว์เลี้ยงของเจ้านายได้ดีหรือเปล่า “เรื่องงูนะ ไม่ต้องกังวลมากไปนะหนูดาว” “จะไม่ให้ดาวกังวลก็ไม่ได้หรอกค่ะ ขึ้นชื่อว่างูถ้ามันหิวแล้วสวบดาวเข้าไปทั้งตัวจะทำไง อีกอย่างดาวก็ไม่รู้ว่าจะดูแลงูได้ดีหรือเปล่า” ท่าทางที่ดูกังวลและตื่นตูมเล็กน้อยของเด็กสาวตรงหน้าทำให้คุณหมอกันต์ธีร์หัวเราะออกมาเบาๆ ไม่รู้ว่าเพราะเอ็นดูหรือเพราะตลกท่าทางของเธอกันแน่ “งูตัวนี้มันไม่มีพิษ อีกอย่างเพื่อนผมก็เลี้ยงมันมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ มันเลยค่อนข้างคุ้นชินกับคน ส่วนการดูแลงูก็น่าจะไม่มีอะไรมากแค่ให้อาหาร เปลี่ยนน้ำ ทำความสะอาดที่อยู่ให้มันประมาณนี้ เดี๋ยวเพื่อนของผมคงสอนให้หนูดาวอีกทีว่าต้องทำยังไง” “เพื่อนคุณหมอแสนดีเหมือนคุณหมอมั้ยคะ” “อืมม…จะว่าไงดี เอาเป็นว่าไม่แสนดีเท่าผมแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายครับ” “ถึงฟังดูย้อนแย้ง แต่ก็พอเข้าใจได้ค่ะ…เอาเป็นว่าดาวตกลงค่ะ” ถึงแม้มันจะดูมีความเสี่ยงในการทำงานมากไปหน่อย แต่มันเป็นความเสี่ยงที่ดูคุ้มค่ากับเงินเดือนที่จะได้รับอยู่ ก็นะ…งานมันค่อนข้างหายากในช่วงที่ข้าวของทุกอย่างแพงหูฉี่ขนาดนี้งานที่เงินเดือนดีขนาดนี้ไม่รีบคว้าเอาไว้ก็คงน่าเสียดาย “เดี๋ยวผมจะบอกเพื่อนให้ก็แล้วกัน หนูดาวก็เตรียมตัวให้พร้อมละ ไม่ต้องตื่นเต้นมาก” “หืมม เพื่อนของคุณหมอเขารับดาวเข้าทำงานแล้วเหรอคะ” ฉันเอียงคอมองถามคุณหมอด้วยความสงสัย ปกติเราไม่ต้องถามความเห็นของนายจ้างก่อนเหรอว่าตกลงไหม หรือเพราะพวกเขาสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันเลยไม่ต้องถามก็ได้ “ไม่ต้องหรอก ผมมั่นใจว่าเขาต้องรับหนูดาวแน่ เพราะหนูดาวมุ่งมั่นและขยัน เขาจะต้องเห็นเหมือนที่ผมเห็นแน่” “คุณหมอก็ว่าไป ดาวไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย แต่ดาวจะไม่ทำให้คุณหมอผิดหวังแน่นอนค่ะ” ปากบางขยับพูดด้วยความเหนียมอาย เกิดมาไม่ค่อยโดนใครชมแล้วรู้สึกตัวลอยขนาดนี้ คำพูดกับรอยยิ้มของคุณหมอกันต์ธีร์มันก็ดูธรรมดาอยู่หรอก แต่ไม่รู้ทำไมคนฟังอย่างฉันถึงรู้สึกถึงความพิเศษในคำพูดพวกนั้น “หนูดาวนี่น่ารักจังเลยนะ”มือหนาของคุณหมอกันต์ธีร์วางลงบนศีรษะนุ่มเบาๆ ก่อนจะออกแรงขยับขึ้นลงด้วยความเอ็นดูเด็กสาวเป็นพิเศษ “…” ท่าทางของคุณหมอไม่ได้ทำให้ฉันใจสั่นอย่างที่คิดฝันเอาไว้เลย จากที่คิดว่าตัวเองแอบชอบคุณหมอมาตลอดแต่ทำไมหัวใจถึงไม่เต้นเร็วเหมือนในตำรารักที่เคยเขียนไว้ หรือแท้จริงแล้วฉันแค่ชื่นชมเพราะหน้าตาที่หล่อเหลาและท่าทางที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของเขากันแน่ “เอาละ ผมต้องไปประชุมต่อแล้ว กาแฟที่ได้กินกับหนูดาวอร่อยมากไว้วันหลังผมขอเลี้ยงหนูดาวอีกนะ” “ไม่เอาค่ะ คราวหน้าขอดาวเลี้ยงขอบคุณคุณหมอแทนดีกว่า” “ผมจะรอนะ” “อืออ…ทำไมคุณหมอละมุนแบบนี้”ฉันมองตามแผ่นหลังของคุณหมอที่ค่อยๆ เดินห่างออกไปเรื่อยๆ จนลับสายตาไป หลังจากนั้นก็กลับไปนั่งรอป้าชุเพื่อนของแม่ต่อ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงป้าชุก็เดินมาหาเธอพร้อมกล่าวขอโทษขอโพยยกใหญ่ที่ปล่อยให้ฉันต้องรอนานเพราะการผ่าตัดที่ยาวนานเกินกว่ากำหนด “ขอโทษนะลูก” “ไม่เป็นไรค่ะป้า ไม่นานสักหน่อย เราไปกินของอร่อยกันดีกว่า เดี๋ยวดาวเลี้ยงเองค่ะ” “วันนี้วันอะไรเนี่ย ทำไมหนูดาวของป้าถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขนาดนี้” “ดาวกำลังจะได้ทำงานที่เงินเดือนดีมากๆ เลยค่ะป้า” “งานอะไรลูก ไหนเมื่อคืนหนูยังบ่นกับป้าอยู่เลย” เพียงดาราเล่าเรื่องที่คุณหมอกันต์ธีร์เสนองานให้เธอให้กับป้าชุฟัง ถึงป้าจะเป็นแค่เพื่อนของแม่แต่ก็เปรียบเสมือนแม่ของเธออีกคนที่เธอทั้งไว้ใจและสามารถพึ่งพาได้ “หนูจะไหวเหรอลูก อุตส่าห์เรียนมาอย่างหนักจนจบแต่ต้องไปทำงานเป็นเหมือนคนรับใช้แบบนั้น” “ไหวสิคะ ถ้าหนูหางานตอนนี้ก็คงได้แค่หมื่นห้าแต่งานนี้ได้เงินเยอะกว่าหลายเท่า” “งั้นป้าก็จะไม่ขัดแต่ถ้าไม่ไหวก็กลับมาหาป้านะ ป้าอ้าแขนรอรับหนูเสมอ” “ขอบคุณนะคะ ไม่มีแม่แล้วก็คงมีแต่ป้าชุที่หนูพึ่งพาได้” ฉันสวมกอดป้าชุด้วยความเคารพ กอดของป้าอาจจะไม่อบอุ่นเท่ากับกอดของแม่แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงความรักและความเอ็นดูที่ป้ามีให้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD