เสียงเครื่องบดกาแฟดังแทรกอยู่ในบรรยากาศยามสายของคาเฟ่เล็ก ๆ ริมถนนใน ซอยทองนพคุณ 17—ซอยเล็ก ๆ ที่คนส่วนใหญ่แค่ขับรถผ่าน ไม่ค่อยได้หันมาสนใจ
ร้านกาแฟที่ดูไม่สะดุดตา แต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟคั่วสด และความเงียบสงบที่ชวนให้ใครหลายคนแวะเวียนมานั่งพักใจ
“เอสเปรสโซ่เย็นไม่หวานหนึ่งแก้วค่า” เสียงหวานใสของลิษาเอ่ยพร้อมยื่นแก้วกาแฟให้ลูกค้าอย่างอารมณ์ดี
ผมยาวสีน้ำตาลเข้มถูกรวบไว้อย่างลวก ๆ หน้าตาเรียบง่ายไม่ได้แต่งจัดจ้าน แต่สะอาดสะอ้านและดูน่ามอง ชุดที่ใส่ก็แค่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาสามส่วน แต่กลับดูดี
"นี้ค่ะ แปดสิบเก้าบาท" ลูกค้ายื่นเงินให้กับลิษา พร้อมยิ้มหวาน
“ขอบคุณค้าาา เดินทางปลอดภัยนะคะ” ลิษาเอ่ย พร้อมโค้งหัวนิด ๆ ให้ลูกค้าที่เดินออกจากร้าน
จากนั้นเธอก็หันไปเช็ดเคาน์เตอร์ ชงแก้วต่อไป พลางฮัมเพลงเบา ๆ อย่างไม่มีพิษภัยอะไรกับใคร
เสียงกระดิ่งเหนือประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงของชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบผู้กองที่ดูจะพึ่งเลิกงาน เดินตรงมาหาลิษาที่หลังเคาน์เตอร์ด้วยสายตานุ่มลึก และรอยยิ้มมุมปากที่มีไว้ให้ลิษาคนเดียว
“พี่เทวาเลิกงานแล้วเหรอคะ” ลิษาเอ่ยถามเบา ๆ พร้อชงเครื่องดื่มให้กับลูกค้า
“อืม วันนี้ไม่มีงานด่วน” เทวาตอบสั้น ๆ ก่อนจะยื่นมือไปลูบผมลิษาเบา ๆ อย่างที่เคยทำทุกวัน
“ดีจังเลยค่ะ เดี๋ยวพี่เทวาไปนั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวหนูปิดร้านแป๊บเดียว” ลิษาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส
ผู้กองเทวาพยักหน้า ก่อนจะเดินไปนั่งยังโต๊ะมุมเดิมที่เขาชอบนั่งประจำมุมที่มองเห็นลิษาได้ชัดที่สุด
หลังจากที่ลิษาเคลียร์ร้านเสร็จ เธอก็เดินออกมาพร้อมกับเสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังเบา ๆ
“ไปค่ะ ลิษาจัดการร้านเสร็จแล้ว” ลิษาเอ่ยพลางเดินเข้าหาเทวาที่นั่งรออยู่หน้าร้านเหมือนเคย
“ครับ เดี๋ยวพี่ถือของให้” เทวายิ้มบาง ๆ แล้วเอื้อมมือไปรับกระเป๋าเล็ก ๆ จากมือเธออย่างเคยชิน เหมือนที่ทำมาตั้งแรกคบกันแรกจนตอนนี้เกือบหกปี
รถเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านหลังเล็กเป็นทรงชั้นเดียว ทาสีครีมอ่อน ๆ มีหลังคากระเบื้องสีเทา ที่มีรั้วบ้านเตี้ย ๆ กับต้นไม้ริมทางเดิน พื้นบ้านปูด้วยแผ่นหินเรียบ ๆ ตั้งแต่หน้าประตูรั้วไปจนถึงชานหน้าบ้านมีชานไม้เล็ก ๆ กับม้านั่งวางอยู่ใต้ต้นโมก
“ถึงแล้วค่ะ” ลิษาพูดเบา ๆ ขณะลงจากรถ ส่วนเทวาก็เดินตามมาพร้อมของในมือ
หน้าบ้านมีสารภีแม่ของลิษากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ มือหนึ่งถือสายยาง อีกมือหนึ่งเทน้ำลงกระถางดอกไม้หน้าชานบ้าน
“แม่ ลิษาบอกแล้วว่าให้อยู่เฉย ๆ” ลิษาเอ่ยพร้อมเดินเข้าไปหา
“แม่รดน้ำแป๊บเดียวเอง เห็นว่าดินมันแห้ง” สารภีเงยหน้ามายิ้มให้อ่อน ก่อนจะมองไปที่เทวา
“หวัดดีครับแม่” เทวาเอ่ยเสียงนุ่ม เพราะรู้จักกับสารภีแม่ของลิษา จนเทวาเคยชิน และยังเคารพเหมือนแม่อีกคน
หลังจากลิษาอาบน้ำเสร็จ เธอก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบง่ายสบายตัว ผมยาวเปียกหมาด ๆ ถูกรวบหลวม ๆ ไว้ด้านข้าง เธอเดินไปที่หน้าต่างของห้องนอนเพื่อจะปิดผ้าม่าน เพราะเวลานั้นก็ล่วงเข้าดึกแล้ว แสงไฟในบ้านรอบข้างเริ่มดับลงทีละดวง เหลือเพียงความเงียบสงบของยามค่ำ
ขณะที่มือบางกำลังจะดึงผ้าม่านปิดลง แขนแกร่งคู่นึงก็โอบเข้ามาจากด้านหลัง ทำให้ลิษาสะดุ้งเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวก็รู้สึกอุ่นใจ
“หอมจัง...” เสียงทุ้มคุ้นเคยกระซิบเบา ๆ ข้างหู ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะกดลงบนแก้มของลิษาอย่างแผ่วเบา ลิษาหัวเราะเบา ๆ พลางเอนตัวพิงอกของเทวา
“นี่... พี่เทวา ยังไม่กลับอีกเหรอ”
เทวาไม่ตอบ เขาแค่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น หัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“หึ... ยังไม่อยากกลับเลย”
จริง ๆ แล้วเทวาตั้งใจจะนอนที่นี่ด้วยเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ไม่นานก่อนหน้านี้ก็ได้รับสายด่วนจากหมวดที่สถานี ว่าพรุ่งนี้มีภารกิจด่วนแต่เช้า เขาจึงต้องกลับไปเตรียมตัว แม้ใจจะไม่อยากจากเธอเลยก็ตาม
“พรุ่งนี้มีงานด่วนนี่นา” ลิษาหันไปมองเทวาเล็กน้อยก่อนจะจับมือเขาให้กอดแน่นขึ้นอีกหน่อย
“พี่มีเรื่องอยากขอเราหน่อย” เทวาคลายกอดออกเล็กน้อย ก่อนจับลิษาให้หันมาสบตากับเขาตรง ๆ ดวงตาของเทวาตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวล ไม่เหมือนทุกครั้งที่มักจะมีรอยยิ้มติดมุมปาก ส่วนลิษาเลิกคิ้วนิด ๆ เหมือนรอฟัง
“พี่ว่า... ลิษายกเลิกงานของอาทิตย์หน้าเถอะ มันอันตรายเกินไป” เทวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้าเครียดไม่เหมือนทุกครั้ง
ลิษาสบตาเทวานิ่ง ๆ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดเสียงนุ่ม
“เรื่องแค่นี้เอง มันไม่อันตรายหรอกค่ะ พี่เทวาไม่เชื่อในฝีมือลิษาหรอ”
เธอไม่ได้ประชด แต่แค่อยากให้เทวาสบายใจ เพราะลิษาเองก็ไม่สบายใจเหมือนกันที่เห็นเทวากังวลแบบนี้
“พี่เชื่อ...” เทวาพูดทันที ไม่แม้แต่ลังเล
“แต่รอบนี้มันไม่เหมือนทุกที มันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมาเฟีย ที่ชื่อคริสโตเฟอร์เลยนะ ลิษาก็รู้ว่ามันเป็นมาเฟียใหญ่โตมีอำนาจ ขนาดผู้กองอย่างพี่ทำอะไรมันไม่ได้เลยนะ”
ชื่อของคริสโตเฟอร์ทำให้บรรยากาศในห้องชะงักไปนิด ลิษานิ่งไปนิดก่อนจะตอบเสียงแผ่ว
“พี่ก็รู้ว่าลิษาไม่อยากทำ... แต่ลิษาต้องใช้เงิน รักษาแม่...” ทวาจับมือลิษาไว้แน่นขึ้นทันที
“พี่บอกแล้วไง เรื่องของแม่ลิษา พี่จะจัดการเอง ลิษาไม่ต้องรับงานเสี่ยง ๆ แบบนี้แล้ว”
“คือว่า... ลิษา...” ลิษาพูดได้แค่นั้น ก่อนจะโดนสายตาจริงจังของเทวาขัดไว้
“อีกเดือนเดียว... เราก็จะแต่งงานกันแล้วนะ พี่ไม่อยากให้เราไป พี่กลัวว่าเราจะเป็นอะไรไป แล้วถ้าลิษาเป็นอะไรขึ้นมา พี่จะอยู่ยังไง” เทวาพูดช้า ๆ น้ำเสียงแม้จะนุ่มแต่หนักแน่นทุกคำ
เทวาเอื้อมมือไปกุมใบหน้าของลิษาไว้ มองเข้าไปในตาลิษา
“พี่ขอแค่เรื่องนี้... ไม่ต้องรับงานนี้นะครับ”
ลิษาไม่พูดอะไรอีก เธอพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเทวา อ้อมกอดที่เธอรู้ดีว่าปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอเสมอ