"พี่เทวา... พี่กลับมาหาลิษาแล้วใช่ไหม"
เสียงแผ่วเบาเปี่ยมความหวังหลุดจากริมฝีปากของลิษา เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้เป็นรักแรกและรักเดียวเดินเข้ามาในห้องช้า ๆ
"ลิษา..." เทวาเอ่ยชื่อลิษาเบา ๆ แต่แววตาและสีหน้ากลับไม่อบอุ่นอย่างที่ลิษาเคยจำได้ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีความสุข มีเพียงแววเศร้าที่วูบไหวอยู่ในดวงตา
"ลิษาขอโทษ..." ลิษาร้องเสียงสะอื้น แล้วโผเข้าสวมกอดเขาแน่นอย่างคิดถึง แต่เพียงไม่กี่วินาที เทวากลับผลักลิษาออกเบา ๆ
"ลิษา..."
ลิษาผละออกอย่างงุนงง แต่แล้วก็ต้องชะงัก ร่างทั้งร่างเหมือนถูกแช่แข็ง เมื่อมองเห็นภาพตรงหน้า
เลือด... เลือดเต็มไปหมดบนใบหน้าของเทวาหน้าท้องที่เปื้อนเลือดแดงฉานจากรอยกระสุนที่เธอไม่มีวันลืม
กรี๊ดดด!
ลิษาสะดุ้งสุดตัว ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดของยามค่ำคืน เสียงหอบหายใจดังชัด แขนสั่น ร่างทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หน้าผากชื้น มือกำผ้าห่มแน่น
"ลิษา!" ภูต้นเปิดประตูเข้ามาอย่างรีบเร่ง เมื่อได้ยินเสียงร้อง เขารีบเดินเข้ามานั่งข้างเตียง ก่อนจะยื่นมือมาสัมผัสหน้าผากของลิษาอย่างอ่อนโยน
"ฮือ... พี่ต้น..." ลิษาโผเข้ากอดภูต้น
ภูต้นโอบกอดลิษาแน่น ลูบหัวเบา ๆ อย่างปลอบโยน น้ำเสียงอ่อนโยน
"ฝันอีกแล้วใช่ไหม" ลิษาสะอื้นเบา ๆ ไม่ตอบอะไร มีเพียงเสียงสะอื้นสลับกับลมหายใจขาดห้วง
ภูต้นจับไหล่ลิษาให้เอนตัวลงนอน แล้วดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้เบา ๆ
"นอนเถอะนะ... เดี๋ยวแม่ตื่นขึ้นมาแล้วจะเป็นห่วง" เขาว่าพลางดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียง
“คืนนี้พี่เฝ้าเรานอนเอง”
เสียงของภูต้นนุ่มทุ้ม อบอุ่น และเป็นที่พึ่งเพียงพอจะทำให้ลิษาหลับตาลงช้า ๆ แม้ในใจยังมีน้ำตาไหลรินอยู่ก็ตาม
.
.
คริสเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องพิเศษของโรงพยาบาล บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องก้าวถอยหลบให้เจ้านายใหญ่ทันทีโดยไม่ต้องมีคำสั่ง เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ แววตาเรียบนิ่งไม่เผยความรู้สึก
ในห้องมีเตียงผู้ป่วยสองเตียงตั้งอยู่เคียงกัน โดยมีฝาแฝดสองคนที่เขาไว้ใจมากที่สุดนอนพักรักษาตัวอยู่ในชุดคนไข้ ไททั่นยังคงนอนนิ่งด้วยอาการที่ยังไม่ฟื้นดีนัก ส่วนทัศไทฝาแฝดที่เจ็บน้อยกว่า ลุกขึ้นนั่งทันทีที่เห็นคริสเข้ามา
"ไอไท ไอทัศ อาการพวกมึงเป็นไงบ้าง?" น้ำเสียงเรียบเย็นของคริสดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมห้อง
"ดีขึ้นครับนาย" ทัศไทรีบตอบ พร้อมยันตัวลุกนั่งอย่างแข็งขัน แม้สีหน้าจะยังดูซีดเซียว
คริสเดินเข้ามาใกล้ ขายาวก้าวช้าแต่มั่นคง เขามองทั้งคู่ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ก่อนจะหยุดยืนข้างเตียงของไททั่น
"ช่วงนี้กูไม่ได้มาเยี่ยมบ่อย... ระวังตัวด้วย" คริสเอ่ยโดยไม่หันไปมองทัศไท แต่สายตากลับจ้องที่ไททั่นที่นอนนิ่ง สีหน้าไม่สู้ดีนักจากบาดแผลที่ยังรักษาไม่หาย
"พวกมึงพลาดท่าให้มันได้ยังไง?" คำถามที่เต็มไปด้วยแรงกดดันหลุดออกมาอย่างเฉียบคม ทัศไทเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะหลบตาเล็กน้อย
"ไอคนที่มันบุกเข้ามา... ฝีมือมันไม่ธรรมดาครับนาย" เป็นไททั่นที่เอ่ยขึ้นมาเสียงทุ้มต่ำ แววตานิ่งขรึม แม้จะนอนอยู่แต่ก็ยังรักษาความมั่นคงในน้ำเสียงได้ดี
"แต่พวกมึงเป็นผู้ชาย" คริสหันขวับกลับมามองทั้งสอง
"กูไม่เคยฝึกให้พวกมึงแพ้ผู้หญิงคนเดียว" เสียงคริสราบเรียบ ทัศไทกลืนน้ำลายลงคอ
"ครับ เธอเป็นผู้หญิง ที่พวกผมทำอะไรไม่ได้เลยครับ" แววตาของคริสเย็นลงทันที เขาเลิกคิ้วน้อย ๆ
"มึงหมายความว่าไง?"
"เธอฟันแทงไม่เข้า ยิงก็ไม่เข้า รอบตัวเธอมีอาวุธป้องกันแทบทุกจุด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาวุธพวกนั้นจะออกมาตอนไหน ผมพยายามล่อให้เธอไปตรงพื้นที่ลื่น ๆ อย่างพื้นน้ำมัน และเศษแก้วที่อยู่แถวนั้น แต่รองเท้าเธอกลับเกาะพื้นได้ดีมาก เหมือนถูกออกแบบมาเฉพาะ เธอเร็ว ทรงตัวเยี่ยม แม้แต่ตอนลื่นก็ยังต่อสู้ได้ แทบหาตุดอ่อนไม่ได้เลยครับ" ทัศไทพูดเร็วรัว ราวกับยังประทับใจในฝีมือของหญิงสาวที่เขาพึ่งเผชิญ
"ฟันแทงไม่เข้า มึงอย่าบอกนะ..." คริสเอ่ยเสียงต่ำ ท่าทีเริ่มเปลี่ยนไป ทัศไทพยักหน้าอย่างหนักแน่น
"ครับ... มันคือ เอวาร่า"
ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไป แรงกดดันบางอย่างแผ่กระจายออกมาจากร่างสูงของชายหนุ่ม เพราะเป็นชื่อที่ไม่มีใครไม่รู้จัก
"จุดอ่อนของเอวาร่าคือ..." ไททั่นที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
"คือไรวะ?" ทัศไทถามขึ้นทันที
"แรง , กำลัง" ไททั่นตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งตามใบหน้า
"หากใช้อาวุธกับมันไม่ได้ อย่าลืมว่า กำลังของผู้ชายยังไงก็มากกว่าผู้หญิงเสมอ" ไททั่นเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่แววตาแฝงความเจ็บช้ำที่เขาเองก็ได้รับมาไม่น้อย คริสเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินออก
"หลังจากพวกมึงหายดี รีบสืบให้ชัด ว่าทำไมมันถึงโผล่หัวออกมา และทำไมถึงมาเล่นงานกู" เสียงทุ้มเย็นชาทิ้งท้ายไว้ก่อนเขาจะเดินออกจากห้อง โดยไม่หันกลับมามองอีก