หลังจากทัศไทออกจากห้องไปไม่นาน เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นโดยไม่เคาะแม้แต่น้อย แสงไฟจากโถงด้านนอกสาดเข้ามาก่อนที่เสียงทุ้มติดขี้เล่นจะดังขึ้น
“ไงครับ พ่อมาเฟียขยันเกินเบอร์!” เสียงของมาวินดังขึ้น พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินเข้ามาแบบไม่เกรงใจอะไรทั้งนั้น
คริสยังคงก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารที่กองพะเนินตรงหน้า สีหน้าเรียบนิ่งราวกับไม่ได้ยิน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าก็รู้ว่าใครเป็นใคร
เพราะตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย มาวินก็เป็นพวกอารมณ์ดี ปากหมา และไม่ค่อยจริงจังกับอะไรเท่าไหร่ ต่างจากคริสที่แบกทั้งกลุ่มให้รอดตายกันมาได้จนเรียนจบ
มาวินมองคริสที่นั่งทำงานอย่างจริงจัง ทำให้มาวินนึกถึงช่วง มหาวิยาลัยเพราะถ้าไม่มีคริสพวกเขาสามคนอาจจะยังวนเวียนอยู่กับวิชาพื้นฐานเทอมแรกก็เป็นได้
และพอเรียนจบ คริสก็เดินหน้าสร้างธุรกิจเทารัว ๆ ทั้งคาสิโน บ่อนใต้ดิน บริษัทเปลือก ธุรกิจโอนเงินข้ามประเทศ และอีกหลายธุรกิจที่นับไม่ถ้วน
ด้วยความที่พวกเขาเป็นเพื่อนกันมา และมีความชอบที่เหมือนกัน จบพวกเขาเลยกลายเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะที่กลายมาเป็นพันธมิตรร่วมทุน แบบมีทั้งกำไรและความไว้ใจผูกมัดกันแน่นหนา
“ถ้าไม่ได้เป็นง่อย ที่หลังก็เคาะประตูก่อนเข้า” คริสเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ โดยยังไม่เงยหน้าเสียงเย็นเฉียบ
ริวที่เดินตามมาทีหลังหยุดฝีเท้าแทบไม่ทัน เมื่อได้ยินประโยคนั้น เจ้าตัวรีบยกมือเคาะประตูทันที ทั้งที่เข้ามาแล้วด้วยซ้ำ
ก็อก ก็อก! คริสเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“ถ้าไม้อยากทำก็ไม่ต้องฝืน” สายตาคริสเหลือบมองริวด้วยหางตา
ริวยักไหล่รับแบบไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนจะเดินไปนั่งอย่างเคยชิน
วาคิมที่เป็นคนสุดท้ายเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ตามสไตล์ของเขา ใบหน้าเรียบนิ่งดั่งภูเขาน้ำแข็ง
“กูคงไม่ต้องเคาะแล้ว เพราะไอริวเคาะให้แล้ว” น้ำเสียงของวาคิมราบเรียบ ในแบบของเขา
คริสถอนหายใจเบา ๆ มองพวกมันอย่างระอาใจ ก่อนจะวางปากกาลงแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เดินไปยังมุมตู้ไวน์ที่มีขวดไวน์ฝรั่งเศสราคาแพงเรียงอยู่
“โผล่มากันครบ มีไร" คริสเอ่ยพลางหยิบไวน์ขวดหนึ่งออกมา บรรจงเปิด แล้วหยิบแก้วออกมาสี่ใบก่อนจะวางลงที่โต๊ะกระจกตรงโซฟา
มาวินเดินนำไปนั่งก่อน แต่จังหวะจะหย่อนตัวลงนั้น สายตาดันสะดุดกับซองเอกสารสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของคริส ด้วยนิสัยขี้เล่นและความคุ้นเคย มาวินก็เอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
“อะไรวะ งานใหม่เหรอ หรือโปรเจกต์ที่เราคุยกัน?” มาวินเอ่ยพลางเปิดซองแบบไม่ได้รออนุญาตด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าคงเป็นเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจที่พวกเขาทั้งสี่กำลังจะขยับขยายร่วมกัน
ทว่า...เมื่อกระดาษในซองสีน้ำตาลถูกดึงออกจากซองโดยมาวิน สิ่งที่เขาคิดว่าจะเป็นแผนธุรกิจเกี่ยวกับโปรเจกต์ใหม่ หรือไม่ก็รายงานตัวเลขกำไรของคาสิโนกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดไว้เลยสักนิด
ภายในนั้นคือแฟ้มข้อมูลบุคคล พร้อมแนบรูปถ่ายหญิงสาวคนหนึ่งเอาไว้ หญิงสาวที่มีใบหน้าหวานจัด ชวนสะดุดตาอย่างร้ายกาจ ดวงตากลมโตเจือแววซุกซน
ภาพนั้นชัดเจนเหมือนพึ่งถ่าย มาวินชะงัก มือที่กำลังจับแฟ้มแน่นขึ้นนิดหนึ่ง ก่อนจะลดมันลงช้า ๆ สายตาเปลี่ยนไปในทันทีจากความล้อเล่นขี้แซว กลายเป็นแววครุ่นคิด เพราะในหัวเขาตอนนี้ ฉากเก่า ๆ ก็ย้อนกลับมาทันที
‘นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้วนะ’
ห้าปีเต็มที่เขาไม่เคยเห็นคริสชายตามองผู้หญิงคนไหนจริงจัง ห้าปีตั้งแต่ที่ เอมีล่า หญิงสาวลูกครึ่งออสเตรเลียที่คริสเคยรักหมดใจ หักหลังคริสด้วยการนอกใจไปคบกับชายอื่น
ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น คีแรน ชายลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ผู้ชายที่ทั้งหล่อ ฉลาด และเป็นคู่ของคริสในช่วงที่พวกเขาอยู่มหาลัย แต่หลังจากที่จบมหาลัย พวกเขาก็ไม่ได้ข่าว คีแรน กับ เอมีล่า อีกเลย
หลังจากเหตุการณ์นั้น คริสก็เย็นชากับผู้หญิงทุกคนในโลกใบนี้ ไม่เคยแม้แต่จะเสียเวลาสืบประวัติใครแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ทุกคนที่เข้ามา มีค่าแค่ของเล่น หรือไม่ก็เครื่องมือชั่วคราวเท่านั้น แต่เอกสารในมือตอนนี้ มันกลับพูดอีกอย่าง
"มีไรวะ?" เสียงวาคิมดังขึ้นข้างตัวพร้อมคว้าเอกสารจากมือมาวิน เพราะท่าทางของมาวินที่เงียบไปกะทันหันมันดูผิดปกติเกินไป
เมื่อวาคิมเห็นรูปหญิงสาว เขาก็นิ่งไปครู่หนึ่งแววตาก็เปลี่ยนเล็กน้อยเพราะ
"ใครวะ? ไม่เคยเห็น มึงไปมีศัตรูเพิ่มจากที่ไหนอีก?" น้ำเสียงของวาคิมเย็นเรียบ ถามไปตรง ๆ แบบคนไม่อ้อมค้อม
ก็เพราะโลกของคริส เต็มไปด้วยศัตรู คู่แข่ง และคนที่รอโอกาสจ้องจะกระชากเขาลงจากบัลลังก์อยู่ตลอดเวลา ด้วยความที่คริสทำธุรกิจสีเทาในหลายประเทศ และมันดันไปด้วยดีทุกอย่างใครจะไม่อิจฉา
เพราะถ้าอยู่ดี ๆ มีคนโผล่เข้ามาให้ความสนใจ คริสย่อมต้อง ระแวงไว้ก่อน
“ไหนดูดิ” ริวว่าเสียงขัดขึ้นมา ก่อนจะแย่งแฟ้มจากมือของวาคิมไปแบบไม่รออนุญาต พอเห็นรูป ริวก็เป่าลมจากปากเบา ๆ
“อื้ม…สวยใช้ได้เลยว่ะ ศัตรูที่ไหนวะ ถ้าจะส่งแบบนี้เข้ามา” น้ำเสียงของริวแฝงความขำขันเอาไว้ ไม่ได้คิดมากอะไร แต่ก็ไม่ลืมจะพูดแหย่เพื่อนตัวเองเล็กน้อย เพราะปกติคริสไม่ค่อยเหลียวหลังมองใครแบบนี้
ในขณะที่วาคิมกับริวกำลังมองเอกสารในมือด้วยสีหน้าใคร่รู้ กลับมีเพียงมาวินเท่านั้นที่เงียบ เพราะเขารู้จักคริสดีเกินไป
ถ้าคริสคิดว่า เธอเป็นศัตรูจริง ๆ ป่านนี้คริสไม่สืบให้เสียเวล าแต่คงส่งคนไปเชือดทิ้งตั้งแต่ ที่ที่รู้แล้วด้วยซ้ำ
ความเงียบของมาวินแผ่กระจายออกมาเงียบ ๆ ก่อนที่รอยยิ้มจะผุดขึ้นที่มุมปาก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่ใครเห็นก็ต้องรู้ว่ามาวินกำละวที่อะไร ปต้ก็ต้องทำตัวปกติเพราะเรื่องนี้ต้องไม่มีใครรู้
'หึ… นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ห้องนี้ไม่มีแฟ้มผู้หญิงที่ประวัติไม่ได้เลวร้ายอะไร เท่าที่จำได้ก็มีแต่แฟ้มศัตรู'
มาวินยกยิ้มก่อนจะยกแก้วไวน์ที่คริสรินไว้ขึ้นมาหมุนเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบ แต่แฝงแววล้อเลียน
"โห...สนุกแล้วสิ" มาวินพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง
เหมือนเจอของเล่นใหม่ที่อยากจับตามอง โดยเฉพาะเมื่อเพื่อนมาเฟียเย็นชาเริ่มหวั่นไหว และสนใจกับอะไรแบบนี้