ตอนที่ 2 นักศึกษาใหม่/เดือนคณะ
มหาวิทยาลัยy
@คณะวิศวะฯ 08.30 น.
“น้อง ๆ พี่นัดกี่โมงครับทำไมถึงยังมาไม่ครบกัน รายชื่อรุ่นมีเป็นพันแต่มาไม่ถึงร้อยหมายความว่ายังไงครับ!!”
พี่ว๊ากหรือรุ่นพี่ปี3กำลังตะโกนถามรุ่นน้องอย่างฉุนเฉียวเพราะนัดไว้ 08.20 น.แต่ตอนนี้ 08.30 น.แล้วรุ่นน้องปีหนึ่งยังมาไม่ครบกัน
“ตอบครับ!!”
เฮือก!! รุ่นน้องที่นั่งอยู่ต่างพากันสะดุ้งเฮือกจากเสียงของพี่ว๊ากคนเดิมที่ตวาดออกมาอีกครั้ง
“..........”
“ดีไม่มีใครตอบงั้นผมขอลงโทษพวกคุณแล้วกันดีมั้ย!!” พี่ว๊ากถามออกมาแต่ยังไม่ทันที่รุ่นน้องจะได้ตอบอะไรก็มีเสียงหนึ่งมาขัดเสียก่อน
“ขออนุญาตครับ” เพลิงหนุ่มหล่อมาดเท่ลุคแบดบอยเอ่ยกับรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนคนทั้งลานเกียร์ต้องหันไปมอง
“นี่กี่โมงแล้วครับ!” รุ่นพี่ที่เป็นพี่ว๊ากถามเสียงขุ่น
“แปดโมงครึ่งครับ” เพลิงตอบทันควัน
“คุณมาสายผมไม่อนุญาตให้คุณเข้าร่วมกิจกรรม เชิญครับ” พี่ว๊ากคนเดิมตะคอกเพลิงอย่างเอาเรื่อง
“ผมมาทันเวลาพอดีครับไม่ได้สาย” เพลิงพูดสวนกลับไปแบบไม่ไว้หน้า
“ผมนัดคุณกี่โมงแล้วคุณมากี่โมง”
“รุ่นพี่นัดแปดโมงครึ่งผมมาแปดโมงครึ่งครับผมมาทันเวลาพอดี”
“ผมนัดพวกคุณแปดโมงยี่สิบ!!”
แปะ
“แปดโมงครึ่งครับ” เพลิงยื่นเอกสารใบนัดให้รุ่นพี่ดู แต่เขาไม่ได้ยื่นธรรมดาเขาแปะกระดาษแผ่นบางไว้ที่หน้าอกของคนที่สูงพอ ๆ กันกับตัวเองอย่างไม่กลัวเกรง
พี่ว๊ากคนเดิมกระชากเอกสารแผ่นนั้นไปดูก็ถึงกับทำให้เส้นเลือดในขมับขึ้นจนปูดโปนเพราะเวลาที่นัดคือ 08.30น.จริง ๆ แต่เขาบอกให้พี่ระเบียบนัดเวลาใหม่ให้รุ่นน้องมาก่อนเวลาแล้ว
“ใช่ใบนัดระบุว่า 08.30 น.แต่ผมให้รุ่นพี่แจ้งเวลาใหม่แล้วนี่ครับรุ่นน้อง”
“ผมไม่ได้ยินครับผมยึดตามเอกสาร” เพลิงตอบแบบไม่สนใจเพราะเขาถือว่าไม่ผิด
“ได้ครั้งนี้ผมจะคิดว่าทางผมไม่รอบคอบที่ไม่ระบุเวลาใหม่ในเอกสาร ผมจะยอมให้คุณเข้าไปนั่ง แต่จำไว้ว่าคราวหน้าผมไม่ปล่อยคุณแน่” พี่ว๊ากพูดอย่างจำยอม
‘ก็เท่าเนี่ยจะพูดเยอะทำไมแล้วพูดดี ๆ ไม่ได้ต้องตะคอกไม่เจ็บคอกันหรือไง’ เพลิงคิดในใจ
อีกด้าน
(พาร์ทกาย)
ผมเห็นไอ้รูมเมทผมกำลังเถียงกับพี่ว๊ากหรือเฮียกันต์พี่ชายของผมอยู่ผมเลยยืนรอดู ผมอยากรู้ว่ามันจะทำไงต่อแต่พอเห็นมันชนะก็ยิ่งขำเพราะเฮียกันต์น่ะเจ้าคิดเจ้าแค้นจะตาย ไอ้เพลิงคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่ หึหึ แค่คิดก็สนุกแล้ว
ที่จริงคณะของผมไม่ได้มาทางนี้หรอกครับแต่พอดีผมลืมของไว้บ้านเลยให้พี่ชายผมเอามาให้ ผมเลยแวะมาเอาเลยได้เห็นอะไรดี ๆ แต่เช้า
ขอแนะนำตัวพี่ชายผมหน่อยนะครับ
เฮียกันต์ กัณภัทร แฝดพี่ วิศวะฯปี3 เป็นพี่ว๊าก นิสัยดุ ขี้โวยวาย ไม่ยอมคน ถ้าผิดคือยอมรับ แต่นิสัยเสียคือเจ้าคิดเจ้าแค้น
เฮียกานต์ กัณนที แฝดน้อง วิศวะฯปี3 เป็นเฮดว๊าก นิสัยพูดน้อยต่อยหนัก คือไม่สบอารมณ์กระทืบแล้วค่อยถาม แต่ด้วยความเงียบคนจึงมองว่าใจเย็นกว่าเฮียกันต์
@คณะแพทย์ฯ 09.00 น.
ผมมาถึงคณะและเข้าไปนั่งต่อแถวกับเพื่อนคนอื่น แล้วความที่ผมหน้าตาดี ลุคคุณชาย โอปป้า เพื่อนๆ และรุ่นพี่เลยให้ความสนใจผมเป็นพิเศษ
“นาย ๆ ชื่อไรอะเราท็อปนะ” คนข้าง ๆ ผมสะกิดและถามพร้อมกับแนะนำตัวออกมา
“กาย” ผมตอบสั้น ๆ แค่นั้น
“ส่วนเรานัทนะ” คนที่นั่งด้านข้างอีกคนก็รีบบอกออกมาเมื่อเห็นว่าผมหันไปมอง
ทั้งสองคนดูเป็นคนเฟรนด์ลี่และดูเป็นมิตรดีแถมหน้าตาดูแนวเกาหลีตามเทรนด์สมัยนิยมพอนั่งรวมกันสามคนก็มีแต่คนพากันมองและซุบซิบ แต่ผมชินแล้วเพราะมักเป็นแบบนี้ประจำ
“กาย เราว่านายต้องได้เป็นเดือนแน่เลยวะเราเห็นพี่ที่เขาหาคนประกวดเดือนเขามองมาทางนายบ่อย ๆ แล้วซุบซิบคุยกัน” ท็อปกระซิบบอกผมอย่างตื่นเต้น
“เออเราก็ว่างั้นเพราะก่อนนายเข้ามาพี่ ๆ เขาเดินสแกนอยู่ว่าจะเอาใครประกวดดาวเดือน” นัทพูดเสริม
“.......” เดือนเหรอ ผมไม่สนหรอกและไม่คิดจะเป็นด้วย
“น้องคะ น้องนั่นแหละที่หล่อ ๆ โอปป้าอะ” พี่ผู้ชายที่พูดค่ะแทนครับชี้มาทางผมแล้วพูดเสียงดัง
“ผม?” ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเองและถามออกมา
“ใช่ค่ะน้องนั่นแหละลุกมาหาพี่หน่อยมาลูกขอพี่ดูหน้าใกล้ ๆ หน่อยเร็ว” พี่คนนั้นยังคงดัดเสียงพูดออกมา แต่ตกลงจะให้ผมเป็นน้องหรือลูกวะ
พรึบ
“กรี๊ด!!! งานดีมากเนียนมากลูกจมูกนี่ของจริงใช่ไหม แล้วผิวจะขาวไปไหน ต้าย ๆ ๆ ๆ อีซินดี้มาเอาเดือนมึงไปเร็วไม่ต้องคัดแล้วกูเลือกคนนี้” อยู่ดี ๆ พี่เขาก็กรี๊ดออกมาและโวยวายเรียกเพื่อนอีกคนให้เข้ามาหาผมพร้อมกับยัดเหยียดตำแหน่งให้ผมเสร็จสรรพ
“ผมไม่เป็น” ผมที่เงียบฟังพี่เขาพูดอยู่นานพูดขัดขึ้นอย่างไม่ต้องคิดนาน
“ไม่ได้ค่ะ พี่เลือกแล้วเราไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เชื่อพี่ถ้าเราเป็นเดือนคณะนะพี่ว่าเรามีสิทธิ์เป็นเดือนมหา’ลัยแน่ ๆ หล่อคุณชายโอปป้าขนาดนี้”
“ไม่ครับ ผมไม่ชอบความวุ่นวาย” ผมแย้งออกไปอีกครั้ง
“เอางี้พี่ให้เราไปคิดอีกรอบเดี๋ยววันศุกร์พี่จะไปเอาคำตอบ อ๊ะ ๆ อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธพี่เลยไปคิดดูก่อนนะ” เฮ้อแล้วแต่เลยยังไงผมก็ไม่เป็นหรอก
(จบพาร์ท กาย)
(พาร์ท เพลิง)
“มึงชื่อไรวะ กูชื่อเก่งนะเชี้ยเมื่อกี้มึงแม่งอย่างเท่” ไอ้คนที่ชื่อเก่งมันสะกิดไหล่ผมแล้วพูดออกมาเหมือนปลื้มในสิ่งที่ผมทำมาก
“กูเพลิง” ผมบอกชื่อตัวเองออกไปบ้าง
“ส่วนกูชื่อกล้าเป็นลูกพี่ลูกน้องไอ้เก่ง” อีกคนที่นั่งอยู่หน้าไอ้เก่งเอ่ยขึ้น ผมแค่พยักหน้าให้มันเพื่อรับรู้
“มึงกล้ามากที่ไปไฟ้ว์กับเฮียกันต์พี่ว๊ากขาโหด ต่อไปมึงคงอยู่ยากหน่อยแต่ไม่ต้องห่วงมีพวกกูเป็นเพื่อนมีไรพวกกูช่วยมึงเอง” ไอ้เก่งพูดขึ้นอีกครั้ง
อ๋อพี่ที่เถียงกับผมชื่อกันต์สินะเป็นรุ่นพี่ปี3นี่เอง ไอ้เก่งบรรยายสรรพคุณของพี่ว๊ากให้ผมฟัง ผมไม่ได้กลัวหรอกแต่ผมก็ไม่อยากมีปัญหาถ้าอยู่เฉยได้ผมก็จะเฉยแล้ว ที่ผมเถียงกับรุ่นพี่เมื่อกี้ไม่ใช่เพราะผมอยากโชว์เหนือแต่เพราะผมไม่ผิดจริง ๆ ต่างหาก
แปะ ๆ
“อ้าวเงียบกันหน่อยที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น!!!!” เสียงตะโกนมาอีกแล้ว เจ็บคอมั้ย? ผมอยากเดินไปถามมากเลยตอนนี้
“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อแพทตี้นะคะ พี่จะมาประชาสัมพันธ์เรื่องการประกวดดาวเดือนค่ะ มีน้อง ๆ คนใดสนใจหรือจะเสนอใครไหมคะ พี่จะให้หาตัวแทนภาคละหนึ่งคนนะคะ แล้วเราจะมาเลือกว่าใครจะเป็นดาวเดือนคณะ”
พี่ที่แทนตัวว่าแพทตี้คือชายหนุ่มลูกครึ่งหุ่นดีถ้าแกไม่พูดค่ะผมว่าสาว ๆ คงกรี๊ดแกน่าดูเพราะหน้าลูกครึ่งของแกหล่อมาก เผลอ ๆ หล่อกว่าผมเสียอีก
“ว่าไงมีใครจะสมัครหรือเสนอใครไหมคะ พี่จะเดินไปหาทีละภาคนะ ถ้าไปถึงภาคไหนแล้วไม่มีตัวแทนพี่จะหลับตาชี้นะคะ คิคิ”
พี่แพทตี้ถามด้วยเสียงดัดจนแหลมเล็ก แต่ได้เหรอวะหลับตาชี้ก็ได้เหรอเนี่ย และแกก็ทำอย่างที่บอก เดินไปทุกภาคได้บ้างไม่ได้บ้างภาคไหนไม่ได้แกก็เลือกเอง
“แล้วภาคโยธานี่ล่ะมีใครสมัครไหมถ้าไม่มี โอ๊ะ! ไม่ต้องแล้วไม่ต้องมาสมัครแล้ว พี่ว่าพี่ได้ว่าที่เดือนมหา’ลัยแล้ว” แกพูดออกมาเรื่อย ๆ แล้วก็ร้องอุทานโดยที่สายตามองผมไม่กะพริบ อย่านะอย่าบอกนะว่า...
หมับ
“น้องคะมาเป็นเดือนให้พี่นะคะ พี่ว่าถ้าเป็นน้องคณะเราต้องชนะแน่ ๆ” สุดท้ายรุ่นพี่สุดหล่อก็เดินมาจับมือผมและลากไปหน้าแถวโดยไม่รอให้ผมตอบรับหรือปฏิเสธสักคำ
“ไม่ครับผมไม่อยากเป็น” ผมรีบบอกเพราะการทำอะไรแบบนี้ไม่ใช่ทางของผมเลย
“หึ คิดว่าจะได้รึไงวะทำเป็นหยิ่ง” เจ้าเดิมพี่ว๊ากคนเดิมเพิ่มเติมคือแซะเก่ง
“ผมไม่ได้หยิ่งครับแต่ผมแค่ไม่ชอบอะไรแบบนี้” ผมแย้งตามสิ่งที่ผมคิด
“คิดว่าอยากเป็นแล้วจะเป็นได้ง่าย ๆ เหรอ แล้วหน้าอย่างมึงเนี่ยนะได้จะได้เป็น หึ๊!” คำพูดสบประมาทดูถูกดังออกมาจนทำให้ผมสติแทบขาด
“แล้วถ้าผมได้เป็นเดือนมหา’ลัยล่ะพี่จะว่าไง” ผมถามออกมาอย่างไม่พอใจ
“ฮ่า ๆ มั่นใจดีนี่หว่า มึงอยากได้ไรล่ะ” พี่มันถามกลับ
“ผมขอแค่พี่ขอโทษผมก็พอ” ผมบอกความต้องการไป
“ได้ถ้ามึงชนะกูจะขอโทษที่สบประมาทมึงหน้าลานเกียร์เลย ดีไหม?” ขอเสนอนี้ไม่เลวเลยนะผมว่า
“พี่แพทตี้ผมขอสมัครครับ” ผมบอกรุ่นพี่หนุ่มลูกครึ่งทันที
“ดีค่ะ ดีมาก ๆ โอ๊ยฉันจะเตรียมฉลอง งานนี้วิศวะฯยืนหนึ่ง” ไปแล้ว ไปหมดแล้วรุ่นพี่ผม
.
.
“นายจะไม่สมัครประกวดเดือนจริง ๆ เหรอกาย พี่เขาขอร้องขนาดนั้นนายไม่ใจอ่อนหน่อยเหรอ”
“ไม่! วุ่นวายจะตาย ขออยู่เฉย ๆ ดีกว่า”
เสียงคุยกันดังเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ผมจะไม่อะไรถ้าชื่อและเสียงจะไม่คุ้นหูผมจนผมที่ยืนซื้อของอยู่ต้องหันไปมอง
“โธ่กายสมัครเถอะเผื่อนายได้เป็นเดือนพวกเราจะได้ยืดได้มีเพื่อนเป็นเดือนไง”
“ไม่เอา นายสมัครเองเถอะยืดได้มากกว่าอีก”
ชัดเลยไอ้รูมเมทผมนี่เอง นี่มันก็ถูกทาบทามเป็นเดือนเหมือนกันหรือเนี่ย แต่ก็นะก็แม่งหล่อขาวใสขนาดนั้นสมควรถูกทาบทามอยู่ แต่ดูแล้วมันไม่สนใจสักเท่าไหร่หาเรื่องแกล้งมันดีกว่า พอเห็นมันแยกกับเพื่อนมันขึ้นหอผมก็รีบขึ้นตามมันไป
“เฮ้ยได้ข่าวถูกชวนเป็นเดือนเหรอวะ” ผมเกริ่นถามออกมาทันทีที่ก้าวไปถึงตัวมัน
“ไม่เสือกสิ” มันตอบกลับมาสั้น ๆ แต่จุกชะมัด
“ป๊อดว่ะมึงแค่นี่ก็ไม่กล้า” แต่ผมมันคนหน้าด้านเลยเมินและแหย่มันต่อ
“......”
“เอางี้ปะ มาแข่งกันถ้าใครชนะคนนั้นได้ครองเตียง” ผมเห็นมันนิ่งเลยท้าทายออกไป
“........”
“อ๊ะ ๆ เพิ่มเงื่อนไขด้วยก็ได้ ใครแพ้เป็นทาสหนึ่งเดือนดีไหม” ผมเพิ่มเดิมพันเข้าไปอีก
“ทำไมกูต้องแข่ง”
“อ้าวก็กูอยากรู้ไงว่าลุคคุณชายแบบมึงกับลุคแบดบอยอย่างกูใครจะชนะ” ผมบอกมันไปแบบนั้นทั้งที่จริงผมไม่ได้มั่นใจในตัวเองขนาดนั้นหรอก แค่เห็นมันไม่อยากสมัครเลยอยากแกล้งมันเล่นก็เท่านั้น
“หึ ปัญญาอ่อนกูไม่มีเวลามาแข่งอะไรโง่ ๆ แบบมึงหรอก” มันส่ายหน้าแล้วพูดออกมาก่อนจะหันหน้าหนี
“กลัว? โธ่น้องกายกลัวก็บอกพี่นะอย่าพูดเยอะ” ผมสบประมาทมันออกไปอีกเพราะรู้ว่ามันน่าจะไม่ชอบการพ่ายแพ้
“สัสใครน้องมึง! ได้ กูยอมแข่งถ้ากูชนะมึงอย่าลืมแล้วกันที่พูดไว้” ฮ่า ๆ ในที่สุดมันก็รับคำท้าผมแล้ว ต่อไปคงสนุกกว่านี้แน่นอน และผมก็คงต้องจริงจังเพิ่มขึ้นเพราะหากผมแพ้คงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่