-หลายวันต่อมา-
“ไอ้เกรย์”
“อืม มีไรวะ”
“ไปดื่มกัน” ผมชวนไอ้เกรย์ที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์แล้วก็สูบบุหรี่ไปพลางอยู่ที่ระเบียงหลังห้อง
“ไม่ว่ะ มึงไปเลย”
“ไม่?” ผมเอ่ยคำตอบของมันสั้น ๆ ด้วยความสงสัย ปกติถ้าผมชวนไปดื่มในคืนวันศุกร์ไอ้เกรย์ไม่เคยพลาดเลยสักครั้งนอกจากมันไม่ว่างแต่วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับมัน
“อืม”
“นี่ไอ้เกรย์ตัวจริง?”
“อืม” มันตอบผมแต่ไม่ได้หันมามองผม ยังเอาแต่จ้องที่โทรศัพท์แต่ผมเห็นว่ามันแค่กำลังดูข่าวไม่ได้แชทกับใครหรือทำอะไรเป็นพิเศษ
“มึงไม่เคยปฏิเสธ มึงเป็นไรวะไอ้เกรย์” เผื่อว่ามันจะกำลังทะเลาะกับแฟนมันอยู่ พอผมถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงนิดหน่อยไอ้เพื่อนรักของผมก็ละสายตาจากโทรศัพท์มามองหน้าผมพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากบาง ๆ
“ไม่ได้เป็นไร กูแค่ไม่อยากไปว่ะ มีแฟนแล้วไม่อยากไปนั่งดื่มให้ขิงเป็นห่วง”
“เหตุผลแค่นี้เหรอวะ?”
“อืม เหตุผลแค่นี้แหละ กูไม่ได้โสดแล้วไม่อยากทำตัวเหมือนเดิม ถึงไปแล้วกูจะไม่ได้หิ้วใครกลับกูก็ไม่อยากไปให้ขิงไม่สบายใจ”
“...มึงรักน้ำขิงจริงเหรอวะเกรย์?” ผมนิ่งไปก่อนจะถามมัน ครั้งนี้ถามจริงจังและต้องการคำตอบที่จริงใจเหมือนกัน แต่พอโดนถามไอ้เกรย์ดันเงียบ เงียบแล้วมองผมกลับมาด้วยสายตาที่เดาไม่ออกเลยว่ามันกำลังคิดอะไร
“ว่าไง? ไม่คิดจะตอบคำถามกูหน่อยเหรอวะ”
“กูไม่อยากทำให้ขิงเสียใจมึงคิดว่าไงล่ะไอ้ไทน์?”
“...”
“กูว่าคำตอบของกูมันชัดเจนแล้วนะ” ไอ้เกรย์พูดจบมันก็ยิ้มให้ผม ยิ้มบาง ๆ แล้วเดินไปเหลือไว้แค่ผมที่หันไปมองตามหลังมันนี่ล่ะ
ไอ้เกรย์ไม่เคยแสดงออกว่ารู้สึกดีกับใครเป็นพิเศษเหมือนตอนนี้ที่มันทำกับน้ำขิง ผมก็หวังว่าที่น้ำขิงคบกับมันจะไม่มีอะไรแอบแฝงก็แล้วกัน เพราะความจริงแล้วผมก็รักมันทั้งสองคน ผมไม่อยากให้มีใครคนใดคนหนึ่งต้องเสียใจจากความสัมพันธ์ในครั้งนี้แล้วจบด้วยการมองหน้ากันไม่ติดอีกเลย
-สองวันต่อมา-
“ทำหน้าดี ๆ หน่อย”
“เพื่อ?”
“เดี๋ยวคนก็หาว่าเธอโดนฉันบังคับมา”
“ก็โดนบังคับมาไม่ใช่รึไงเกรย์?”
“อืม”
“เออ” อืมมาก็เออกลับแล้วต่างฝ่ายก็หันหน้าไปทางอื่นแค่นั้นจบ ไม่มีอะไรต้องแคร์กันเพราะฉันกับไอ้เกรย์ไม่ได้รู้สึกอะไรกันอยู่แล้ว
ฉันไม่รู้ว่าเกรย์บังคับให้ฉันคบทำไมเพราะเมื่อก่อนเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม เขาไม่เคยลวนลามฉันเลยแม้แต่ตอนที่อยู่กันสองต่อสองในรถไม่แม้แต่จับซึ่งมันผิดวิสัยผู้ชายแบด ๆ ที่อยู่กับผู้หญิงที่เคยมีอะไรด้วยแถมยังบังคับให้เป็นแฟน มันแปลก
มันแปลกจริง ๆ จนฉันคิดว่าคืนนั้นเราสองคนมีอะไรกันจริงเหรอ แต่พอคิดถึงเรื่องที่เจ็บตรงนั้นมาก ๆ จนเกือบเดินไม่ไหวก็...โอเคค่ะ อีขิงเสียซิงไปแล้วไม่ผิดหรอก
…T_T
อ้อ! ที่มาวันนี้ไม่ได้ไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์หรอกนะคะแค่มากินข้าวเที่ยงด้วยกันที่ตึกคณะแค่นั้นเองซึ่งฉันโคตรจะไม่อยากมากินข้าวร่วมโต๊ะกับนายนี่เลยเพราะสายตาของคนในคณะทำให้ฉันอึดอัด
“กินอะไรอีกไหม”
“ไม่” แค่ข้าวในจานฉันยังไม่มีปัญญากินให้หมดเลยยังจะกล้าถามว่ากินอะไรอีกไหม ดูอาการกูไม่รู้เลยสิว่ากินไม่ลง
“ฉันไม่อยากให้เธอตึงใส่แบบนี้นะน้ำขิง”
“ไม่อยากให้ตึงใส่ก็อย่ามาบังคับสิวะ”
“ไม่ได้บังคับ”
“...แน่ใจ?” ฉันถามสั้น ๆ แต่สายตาของฉันที่จ้องก็คงทำให้เกรย์รู้ดีว่าคำพูดสั้น ๆ มันหมายถึงอะไร
“สักวันเธอจะเข้าใจ”
“ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางเข้าใจนายหรอกเกรย์ ไม่เข้าใจห่าเหวอะไรทั้งนั้นนอกจากคำว่านายมันเห็นแก่ตัว”
“อืม ไม่เป็นไร แต่ถ้าเธอบอกใครว่าฉันบังคับให้เธอมาคบกัน...รู้นะว่าฉันจะทำยังไง” เขาตอบเบา ๆ แล้วรวบช้อนในจานแล้วทำอะไรต่อรู้ไหม? เขาลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินไปไง
“...” แล้วยังไงต่อ? ไอ้เกรย์คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกรึไง เหอะ! ไม่ใช่พระเอกแต่เป็นตัวร้ายที่โคตรร้ายเลย ขู่แบบนี้กูจะทำอะไรได้วะนอกจากยอมทนคบมึงทั้งที่ความจริงกูโคตรชอบเพื่อนมึงไอ้คนที่ไม่เคยคิดอะไรกับกูเลยสักนิด!
“เป็นไรวะ ผัวทิ้งเหรอ?”
ขวับ!
ฉันหันไปมองตามเสียงแต่พอมองเขาผู้ชายที่อยู่ในใจฉันก็นั่งลงข้างฉันเรียบร้อย
“ว่าไง ผัวทิ้ง?” ไอ้บ้าไทน์มองฉัน ยกคิ้วข้างหนึ่งแล้วถามคำเดิมอีกครั้ง คำถามที่จี๊ดใจฉันที่สุด!
...ผัว
ผัวบ้าผัวบออะไรวะถึงกูจะไม่ซิงแล้วแต่เสียแบบไม่รู้ตัวอีขิงไม่นับว่าตัวเองมีผัวหรอกนะ!
“ไง?”
“ไม่ได้โดนทิ้ง” ฉันตอบไทน์แล้วหันหน้าหนี
“ไม่ได้โดนทิ้งแล้วที่เดินไปโน่นแล้วมันคือไรวะน้ำขิง”
“ไม่รู้ แต่ไม่ได้โดนผัวทิ้งเพราะฉันไม่มีผัว เข้าใจตรงนี้ด้วยนะไทน์”
“แล้วไอ้เกรย์ไม่ใช่เหรอวะ?”
“ไม่ใช่”
“ฮึ ๆ ๆ” ฉันหันไปมองหน้าเขาแล้วก็เห็นรอยยิ้มขำ ขำเหมือนเยาะซึ่งมันทำให้ฉันไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“หัวเราะทำไม?”
“เปล่า~” เขาตอบฉันแต่ไอ้การลากเสียงยาว ๆ ไม่ได้แปลว่าเปล่าอย่างที่พูดสักนิด
“นายเป็นไรกับฉันมากไหมไทน์” ไม่ไหว ไม่ชอบ เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้แต่พอหลังจากวันที่ไปกินข้าวที่คอนโดเขาก็เริ่มพูดจาเปลี่ยนไป
“เปล่า แค่แซวเล่นน่าเพื่อน จะคิดมากทำห่าอะไรวะ”
“...” ฉันมองหน้าไทน์แล้วหันหน้าหนี เขาคิดอะไรไม่รู้แต่ฉันไม่ชอบที่เขาทำเป็นแค่แกล้งกวนเหมือนเพื่อนหยอกกันอย่างตอนนี้
“โกรธ?”
“เปล่า”
“ไม่โกรธก็หันมา มีเรื่องอยากคุยด้วย”
“วันหลังแล้วกันฉันจะไปแล้ว”
“ไปไหนไอ้เกรย์มันไปโน่นแล้ว มันไปไหน ทะเลาะอะไรกัน”
“ไม่ได้ทะเลาะ ไม่มีอะไร ไม่ต้องยุ่ง” ฉันมองเขาแล้วพูดออกไปชัด ๆ เน้น ๆ เพราะขนาดฉันยังไม่โฟกัสเลยแล้วเขาเป็นใครต้องมาสาระแนอะไรขนาดนั้น
“จะบอกว่าไม่ให้เสือกเรื่องผัวเมียว่างั้น?” เขาถามฉันแล้วก็เหมือนเดิมคือการยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและสีหน้ากวนประสาทกึ่งเยาะเย้ย
“...บอกว่าไม่ใช่ไง”
“ฮึ ๆ ๆ อายอะไรวะ ใครคบกันก็ต้องนอนด้วยกันทั้งนั้น หรืออายถ้าฉันที่เธอเคยมาสารภาพรักจะรู้ว่าเธอมีผัวแล้ว”
“ไทน์! เป็นห่าอะไรนักหนาวะ!” สุดท้ายอีขิงคนนี้ก็ทนไม่ไหวจนได้ เป็นห่าเป็นเหี้ยอะไรนักหนาถึงมากระแนะกระแหนกันหรือว่ามึงหวงก้างรึไงไอ้ไทน์!
“...” พอฉันขึ้นเสียงใส่เขาก็มองฉันด้วยสายตาไม่พอใจฉันก็จ้องกลับเหมือนกัน มึงว่าคนอื่นเป็นแค่คนเดียวรึไงล่ะ
“ถ้าไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้จะพูดแล้วฉันขอตัว!” ฉันพูดจบก็เดินออกมาทันที ไม่สนสายตาใครด้วยไม่ว่าจะเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่กำลังมองมาที่ฉันที่เพิ่งตะคอกใส่ไอ้คนที่เรียกว่าหล่อติดหนึ่งในห้าของคณะอย่างไอ้บ้าไทน์!
ฉันโมโหเขา ฉันโคตรโมโหเขาเลยเพราะฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไรถึงได้ตามมาหาเรื่องกันโดยที่ไม่มีเหตุผล ฉันก็แค่คบเพื่อนของเขาแค่นั้นเองทำไมต้องมาตามกระแนะกระแหนเหมือนหวงก้างด้วยวะไม่เข้าใจสักนิด!
...หวงก้างที่ไม่ใช่หวงฉันด้วยนะแต่เป็นหวงเกรย์ต่างหาก
“...” โมโหจนคิดถึงจุดนี้แล้วก็สะอึกไปเลยเพราะความรู้สึกบางอย่างของฉันมันผุดขึ้นมา
ความคิดที่ไม่เคยมีในหัวแต่วันนี้มันดันมี และมันเป็นความคิดที่ไม่อยากจะเชื่อแต่อาการของเขานั่นแหละที่ทำให้ฉันเริ่มเอนเอียงไปเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งผุดคิดได้
เขาอาการแปลกไป อาการของเขาเหมือนกับว่าเขา...เป็นเกย์