ตื๊ด ตื๊ด~
ติ๊ด!
(อืม ว่าไง)
“ต่อไปนี้ห้ามนายบังคับฉันไปในที่ที่มีไทน์เด็ดขาด” ฉันโทรหาเกรย์หลังจากกลับมาถึงห้องเพื่อพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะ
(เกิดอะไรขึ้น เธอกับมันมีปัญญาอะไรกัน)
“ไม่มี ฉันแค่ไม่ชอบที่เขาคอยว่าฉัน หาว่าฉันคบนายเพราะหวังอะไรสักอย่างมากกว่ารู้สึกชอบนายจริง ๆ”
(มันว่าเธอเหรอ?)
“ก็เออน่ะสิ”
(อื้ม)
“แค่นี้?” ฉันถามเพราะไม่คิดว่าเกรย์จะแค่พูดคำว่าอื้มกลับมา ถึงสิ่งที่ไทน์ว่าฉันเพราะสงสัยจะมีมูลความจริงแต่เกรย์ก็ไม่ควรตอบแค่นี้รึเปล่าในเมื่อเรื่องทั้งหมดที่เป็นต้นเหตุของความสงสัยมันเกิดจากเขา
(อืม จะให้พูดอะไรอีกล่ะ เธอไม่อยากเจอมันเพราะเหตุผลอะไรฉันก็รู้แล้วไง)
“แล้วไม่คิดจะสงสัยบ้างเหรอว่าทำไมนายนั่นต้องมาว่าฉัน” เขาควรจะสงสัยบ้างถึงไม่มากก็ต้องน้อยว่าเพื่อนชายของเขามากระแนะกระแหนฉันที่เป็นแฟนที่เขาบังคับให้มาเป็นเพราะอะไร
(ก็มันกลัวเธอคบฉันเพราะมีอะไรแอบแฝงไง เธอไม่อยากให้มันระแวงก็คิดอะไรกับฉันสิวะเรื่องจะได้จบ)
“เหอะ! ไม่มีทาง”
(ฮึ ๆ ๆ เอาเป็นว่าถ้าเธอไม่สบายใจที่จะเจอมันฉันจะไม่บังคับ แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน)
“เพราะ?” คำว่าดีเหมือนกันของเกรย์ทำฉันฟังผ่านหูเหมือนเสียงปี่ที่เป่าใส่หูควายไม่ได้
(...ไม่อยากให้เธอเจอคนที่เธอแอบชอบบ่อย ๆ ไง)
“...”
ติ๊ด!
“...” บ้าจริง! ฉันไม่ได้นึกถึงความรู้สึกเกรย์นะแต่ที่นิ่งไปเพราะฉันไม่ชอบให้ใครมาพูดว่าฉันชอบใคร ไม่ชอบเลย ยิ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่สมหวังฉันยิ่งไม่ชอบ
เคราะห์ซ้ำกว่าการไม่สมหวังคืออะไรรู้ไหม คือการที่ต้องมาเริ่มสงสัยว่าคนที่ชอบนอกจากเขาจะไม่ชอบเราเขายัง...ไม่ได้ชอบแค่เพศเรา!
โคตรเศร้า ถ้าไทน์รู้สึกกับเกรย์อย่างที่ฉันสงสัยจริง ๆ จะบอกว่าไทน์เป็นเกย์ก็คงไม่ได้เพราะเขาฟันผู้หญิงมาพอสมควรเหมือนกัน เขาน่าจะเป็น...ไบเซ็กชวล
“...”
ฉันไม่ได้ผิดหวังที่ไทน์เป็นไบ ไม่ได้รังเกียจที่เขาชอบผู้ชาย แต่ที่รู้สึกแย่คือโอกาสที่ไม่มีอยู่แล้วของฉันคนนี้มันยิ่งดับแสงลงไปเลย ไม่มีความริบหรี่แต่มันมืดมิดลงไปเลยต่างหาก
ชอบแค่ผู้หญิงก็ว่ายากแล้วนี่อีตานั่นดันชอบผู้ชายให้ฉันมีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้นอีก โอเคค่ะกูท้อ เลิกค่ะ เลิกชอบไอ้บ้าไทน์แล้ว
ฉัน จะ เลิก ชอบ เขา แล้ว!
ถึงตอนนี้จะยังเลิกชอบไม่ได้แต่สักวันเถอะไทน์ สักวันฉันคนนี้จะเลิกชอบนายให้ได้
-หลายอาทิตย์ต่อมา-
“ไม่เห็นมึงควงแฟนมึงมาคอนโดบ้างเลยวะ”
“ทำไมวะ คิดถึงแฟนกูรึไง”
“คิดถึงแฟนเพื่อนทำห่าอะไรกูแค่สงสัย ไม่ค่อยเห็นพวกมึงอยู่ด้วยกันด้วยกูเลยสงสัยแค่นั้น”
“สงสัยว่า?” ไอ้เกรย์ถามพร้อมกับเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเพื่อเอาคำตอบจากผม
“จะสงสัยว่าห่าอะไรล่ะนอกจากพวกมึงเลิกกันรึยัง”
“ฮึ ๆ ๆ ยัง...ยังรักกันดี”
“รักกันดี?” ผมทวนคำตอบของมันที่ยิ้มมุมปากบาง ๆ
“อืม พวกกูยังรักกันดีขอบใจมากนะเว้ยที่เป็นห่วง”
“เออ” ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งเพราะใกล้ได้เวลาดูบอลพร้อมกับความคิดในใจ
...รักกันดี
รักกันดีแต่ไม่ค่อยเห็นพวกมันอยู่ด้วยกันทั้งที่เรียนคณะเดียวกันกลางคืนไอ้เกรย์ก็นอนที่ห้องนอนมันทุกคืนน้ำขิงก็ไม่เคยมาค้างกับไอ้เกรย์เลยสักคืน สองคนนี้มันรักกันดีแบบไหนกันวะถึงได้ไม่อยากอยู่ด้วยกันเลย
ผมไม่เข้าใจว่าสองคนนี้มันรักกันดีแบบไหนถึงไม่โหยหากันเลยแต่ถ้าเป็นตัวผมถ้าผมมีแฟนยิ่งใหม่ ๆ ผมไม่มีทางนอนคนเดียวแน่นอน ยิ่ง...สวยขนาดนั้น ใครจะปล่อยให้เตียงว่างได้วะ
-หลายวันต่อมา-
“ไงเพื่อน”
“...มีอะไร” ฉันหันไปถามไทน์ผู้ชายที่ฉันเลี่ยงการเจอหน้าแบบจัง ๆ ได้หลายครั้ง เราแทบไม่ได้คุยกันเลยก็มีเห็นหน้ากันบ้างเพราะเรียนที่เดียวกันแต่ไม่ได้คุยไงคะเข้าใจใช่ไหม
“ไอ้เกรย์ป่วยอยู่ที่คอนโด”
“เหรอ?” ฉันถามกลับไปแค่นั้นเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรกับสิ่งที่ได้ยินเพราะ...ลืมตัว แล้วก็ดูเหมือนไทน์จะจับสังเกตอะไรบางอย่างได้ซะแล้วสิแต่จะให้กระวนกระวายแสดงอาการว่าทำตัวมีพิรุจในตอนนี้มันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะนอกจากจะทำให้เขาสงสัยมากกว่าเดิม สู้อยู่เฉย ๆ ตีเนียนหน้านิ่งไปเลยน่าจะดีกว่า...มั้ง
“ไม่รู้?”
“อืม ลืมเอาโทรศัพท์มา ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้คุยกันเลย ถ้างั้นขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิจะได้โทรหา”
“มันไม่สบายตั้งแต่เมื่อวานนะ มึงสองคนไม่คุยกันตั้งแต่เมื่อวานเหรอวะ?”
“ก็...คุย แต่ฉันคิดว่าหายแล้วไง เมื่อวานฉันก็นอนเร็วด้วย บอกเกรย์ไว้แล้วด้วยว่านอนเร็ว”
“ฮึ! ไม่เนียนเลยว่ะ”
“อะไรนะ?”
“เธอโกหกไม่เนียนเลยขิง”
“...” จะโกหกเนียนไม่เนียนมันสำคัญเท่าสอดรู้สอดเห็นทำไมด้วยเหรอ?
“ฉันเตือนเธอแล้วนะขิงเรื่องไอ้เกรย์ อย่าคบมันเพื่อหวังผลประโยชน์ อย่าหลอกใช้มันเด็ดขาด”
“ห่วงอะไรเพื่อนขนาดนั้นเหรอไทน์ เพื่อนนายเป็นเด็กเหรอ? ลืมไปรึเปล่าว่าเพื่อนนายโตแล้วนะที่สำคัญ...เขาเป็นผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง”
“รู้ แต่เพื่อนมันก็ต้องห่วงเพื่อนเป็นธรรมดานั่นแหละ” เหอะ! เถียงคำไม่ตกฟาก
ฉันหมั่นไส้เขา ถึงฉันจะชอบเขาแต่ตอนนี้ฉันหมั่นไส้เขาแล้วล่ะ เขาตามจับผิดฉันมากเกินไปตั้งแต่ที่ฉันกับเกรย์เปิดตัวว่าคบกัน ก็ห่วงเพื่อนได้ไม่ผิดหรอกแต่นี่มันเกินความจำเป็นเกินไป ยิ่งคิดถึงเรื่องที่เขาอาจจะรู้สึกอะไรกับเกรย์บวกกับคำพูดการกระทำของเขาแล้วล่ะก็ยิ่งทำให้ความคิดฉันตกตะกอนมากขึ้นว่าผู้ชายคนนี้...ไม่ได้ชอบแค่เพศเดียว
“เหรอ? นี่ห่วงเหรอไทน์ ฉันนึกว่านาย...หวงเพื่อนชายของตัวเองซะอีก” ฉันพูดไทน์ก็หน้าตึงเขาจ้องฉันเขม็งขึ้นมาทันที
“พูดอะไร?”
“เปล่า~” คิดว่าทำคนอื่นไม่พอใจเป็นอยู่ฝ่ายเดียวงั้นเหรอ คนอย่างน้ำขิงไม่ค่อยเก่งเรื่องยอมคนนาน ๆ ซะด้วยสิ
“พูดอะไร?” ไทน์ยังถามคำเดิม โมโหสินะ โมโหชัวร์แต่จะโมโหเพราะฉันไปมั่วหาว่าเขาชอบเพื่อนสนิทตัวเองหรือโมโหที่ฉันรู้ทันอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ
“เปล่า~” ฉันยังย้ำคำเดิมเหมือนเขา คำตอบเดิมของฉันอาจจะดูกวนโมโหเขามากขึ้นมั้งเลยทำให้ไทน์มีสีหน้าโมโหมากกว่าเดิม
“...มึงคิดอะไร?” เขาจ้องฉันแล้วถามออกมาเบา ๆ ด้วยเสียงลอดไรฟัน แต่ฉันต้องกลัวด้วยเหรอ? ก็ไม่นี่คะเรื่องแค่นี้เองฉันเลยแค่ยิ้มแล้วลุกออกมา
“ขิง มึงยังคุยกับกูไม่จบ!” เสียงเขาดังตามมาแค่พอให้ได้ยินแต่ฉันไม่ได้หันกลับไปคุยกับเขาต่อหรอกนะ ฉันก็แค่เดินออกมาก็แค่นั้นเอง
ฉันชอบเขานะแต่ในตอนนี้ฉันว่าถ้าเขาไม่เคยคิดอะไรกับฉันเลยสู้ฉันเอาเวลามาสนใจเรื่องของตัวเองดีกว่า เรื่องไทน์เป็นอะไร คิดอะไรกับใครมันกลายเป็นเรื่องที่ฉันไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้แล้วล่ะเพราะฉะนั้นเอาเวลามาสนใจตัวเองดีกว่า สนใจตัวเองที่อายุแค่นี้แต่ดันมีคนมาขู่ให้คบพร้อมกับกุมคลิปลับที่พร้อมทำลายชีวิตของฉันทุกเมื่ออยู่ในมือดีกว่า