@ กองถ่ายละคร
ฉันกำลังให้ช่างแต่งหน้าเพื่อเข้าฉากละครเพิ่งเริ่มลงรองพื้น สมาร์ทโฟนก็สั่นครืดคราดไม่ยอมหยุด
เป็นเจ๊ท๊อฟฟี่
ซันนี่: ฮัลโหลค่า
เจ๊ท๊อฟฟี่: ซันนี่...แม่นางเอกใหญ่หล่อนเป็นข่าวอีกแล้วนะ
ซันนี่:ข่าวอะไรอีกคะ...
เจ๊ท๊อฟฟี่:ก็มากมายหลายอย่างตั้งแต่คุณปกรณ์แฟนเก่าในผับสวีทหวานเมื่อคืนวานที่ทำท่าจะลมพัดหวนยังไม่ทันไรก็นัวเนียกันในลิฟท์กับไฮโซไซรัสสุดฮอตอีกคน
ซันนี่ : ก็คนมันสวยนี่คะ...แม่ก็ต้องทำใจซันนี่ไม่ซีค่ะ
เจ๊ท๊อฟฟี่: ย่ะ!.แม่คนสวยคนงาม....แม่นางสาวเชียงใหม่
ซันนี่ : 55 แค่นี้ก่อนนะคะซันนี่แต่งหน้าอยู่ค่ะ
ฉันวางสายลงแล้วเข้าไปเช็คเรตติ้งตามสื่อต่างๆ เรื่องการโดนเม้าท์แอบถ่ายมันชาชินเสียจนไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว วงการบันเทิงก็แบบนี้ถ้าทำตัวเรียบๆไม่เป็นข่าวเลยก็จะถูกโลกลืมจนไม่มีงานสุดท้ายก็ต้องผันตัวไปทำอาชีพอื่น
ซันนี่โนสนโนแคร์มาตั้งนานแล้ว
แต่ฉันก็มีคำตอบสวยๆไว้แล้วเมื่อเจอกับนักข่าว
@ ห้องของซันนี่
ตอนเย็นหลังเลิกกองฉันเดินทางกลับบ้านตามปกติโดยไม่ได้แวะที่ไหน มุ่งกลับคอนโดเพื่อแพคกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางไปกระบี่แต่เช้าตรู่
จัดกระเป๋าเสร็จแล้วจึงล้มตัวลงนอนด้วยความเพลียจึงหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดู
"อ้าวคุณปกรณ์โทรมาตั้งแต่เมื่อไหร่" เลื่อนดูเขาโทรมาเป็นสิบ Misscall ก็ฉันปิดเสียงไว้แล้วมัวแต่จัดกระเป๋าจึงไม่ได้หยิบขึ้นมาดู
ใจนึงลังเลว่าจะโทรกลับดีไหมเขาก็โทรเข้าทันที
ปกรณ์: ซันนี่นอนหรือยังครับ (เสียงทุ้มนุ่มนวลลอยมาตามสาย)
ซันนี่: กำลังนอนค่ะ คุณกรณ์โทรมามีอะไรคะ
ปกรณ์: คิดถึงเป็นห่วงเรื่องข่าวของคุณ
ซันนี่: ไม่เป็นไรค่ะ...ซันนี่ชินแล้วขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง
ฉันได้ยินเสียงคุณปกรณ์อึกอักเหมือนจะพูดอะไรแต่ไม่ยอมพูดแล้วกดวางสายไปส่วนไซรัสเขาเงียบหายไปตั้งแต่เช้าก็ไม่โทรมาอีกเลย ดูในไลน์ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมสติ๊กเกอร์สักตัวก็ไม่มี
ในใจคิดหาทางออกว่าจะชิ่งหรือจะชนกับคนอย่างคุณไซรัสดี เฮ้อ!.... คนสวยกลุ้ม
ด้านไซรัสวันนี้เขายุ่งงานทั้งวันมีลูกค้าจากต่างประเทศเข้ามาไม่ขาดสาย งานประชุมก็แน่นเอี้ยดจนแทบหายใจหายคอไม่ทัน เขาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูหวังว่าซันนี่จะโทรมาอ้อนเขาบ้าง
หรือเขาไม่มีเสน่ห์ดึงดูดอีกแล้ว
แต่ก็เงียบ...ไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ
เขาเลิกงานแล้วแวะซื้อข้าวกล่องหน้าปากซอยแล้วกลับทันทีไม่ได้แวะไปที่ไหน มีสาวๆโทรหาเขาก็บอกว่าไม่ว่าง...ไม่มีอารมณ์
จวบจน Bugutti ลูกชายสุดรักจอดข้างรถ Mini สีแดงของนางเอกสาวเขาถึงรู้ว่าเธอกลับถึงบ้านแล้ว
"คนใจดำ...จะโทรหาซักนิดก็ไม่มี" เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกับรถคันเล็กน่ารักนั้น
อดไม่ได้ที่จะลองแวะที่หน้าห้องนางเอกสาวกำลังกดกริ่งอยู่รอมร่อ แต่ก็ต้องชะงักไปเพราะข้างในเงียบเชียบไม่มีแสงไฟเล็ดลอดออกมาสักนิด
"สงสัยจะนอนแล้ว"
@ เพ้นท์เฮ้าส์ของไซรัส
ภายในห้องกว้างหรูหราเขาเคยสนุกมีความสุขแต่วันนี้เขากลับรู้สึกเบื่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ กินข้าวอย่างเซ็งๆแล้วอาบน้ำนอนด้วยความเหนื่อยล้า
นอนอยู่นานก็ไม่สามารถหลับตาลงได้ จึงหยิบโน๊ตบุ๊คเอางานที่ยังค้างคาออกมาทำจนดึกดื่นรู้สึกหิวจึงลุกจากเก้าอี้ออกไปห้องครัวรินนมสดใส่แก้ว
"เลิกดื่มเหล้าแต่ดื่มนมแทนใครเขาจะเชื่อวะ...ไซรัส"
ดื่มนมหมดแก้วแล้วเดินผ่านห้องนอนเล็กที่ใช้เป็นกิจกรรมเข้าจังหวะ...จึงสั่นหัวเล็กน้อยมองเห็นภาพเงาในอดีตอันร้อนแรงด้วยไฟสวาทและอารมณ์
"ต้องรื้อออกให้หมด"
ส่วนห้องนอนของเขาเตียงใหญ่กว้างนี้ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้แตะแม้ปลายเล็บ เขาขอสงวนไว้สำหรับคนพิเศษเท่านั้น
รุ่งเช้าของอีกวัน
เวลา 5 นาฬิกา
ไซรัสเช้านี้เขาแต่งตัวปราณีตมากใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้านอยู่ในชุดทำงานสุดเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าสวมสูททับเชิ๊ตด้านใน สวมรองเท้าหนังราคาแพง
แฮ่ม...ปิ๊งป่อง......ปิ๊งป่อง... เขากดกริ่งแล้วยืนยิ้มรอหญิงสาวเปิดประตูออกมา
เงียบ....
ปิ๊งป่อง......ปิ๊งป่อง...เขากดอีกแต่ก็เงียบจึงล้วงหยิบสมาร์ทโฟนจากกระเป๋ากางเกงออกมาโทรหาหญิงสาวก็ไม่รับสาย
"ไปไหนของเขานะ"
เมื่อลงจากลิฟท์ก็พบว่า Mini คันเล็กหายไปแล้วเช่นกัน
"ลองแวะไปร้านกาแฟดีกว่า" สถานที่เดียวที่เขาจะได้คำตอบว่าซันนี่ล่องหนไปที่ไหน
ครั้งแรกเขาคิดว่าจะเจอเธอที่นี่เสียอีกแต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้น
"คุณซันนี่ไม่เข้าร้านค่ะ เห็นว่าไปถ่ายละครที่กระบี่สามสี่วันค่ะ"
"เชี่ยแล้วไซรัส..." เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย คนอย่างไซรัสเคยไหมที่จะต้องตามสืบเสาะแบบนี้ ตอนนี้เขาแทบอยากจับนางเอกสาวกดกับเตียงแล้วปล้ำทำเมียได้แล้วเธอก็จะไม่ดื้อไม่ซนไม่แข็งข้อกับเขาอีกไปไหนก็ต้องรายงานไม่ใช่หายไปแบบนี้
"ช่วงนี้งานแม่งโคตรเยอะด้วย" ใจเขาคิดวนเวียนหาทางออกแล้วหยิบสมาร์ทโฟนโทรหาผู้เป็นพ่อในทันที
ไซรัส: "ฮัลโหลพ่อเหรอครับ"
เจ้าสัวจิน: "โทรมาแต่เช้ามีเรื่องด่วนอะไรไซรัส"
ไซรัส"ผมขอลางานสามสี่วัน เจ้าสัวช่วยเข้ามาดูงานแทนผมช่วงนี้หน่อยครับ" พูดจบเขาก็กดวางสายทันทีไม่ให้โอกาสเจ้าสัวจินที่กำลังจะเริ่มเทศนาสอนธรรมให้แสบแก้วหูเหมือนอย่างเคย
จากนั้นเขาก็โทรหาเจ๊ท๊อฟฟี่จนได้ที่อยู่โรงแรมที่พัก ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้ยินกิตติศัพท์พระเอกละครคนนี้อยู่บ้างว่านิสัยเหมือนเขาอย่างกับแกะ ซ้ำร้ายยังเคยเป็นข่าวแอบปลื้มซันนี่จนได้แสดงละครคู่กันจนดังเปรี้ยงปร้างเพราะเคมีเข้ากัน
สมองไวเท่าความคิดเขาโทรให้เลขาจองตั๋วเครื่่องบินแล้วเขากลับไปเก็บเสื้อผ้าแล้วตรงไปที่สนามบินในทันที
ทางด้านซันนี่มีความสุขแฮปปี้มากที่จะได้ไม่ต้องเจอกับเขาสามสี่วัน
การไปทำงานครั้งนี้จึงถือโอกาสไปพักผ่อนในตัวโดยห้องพักหญิงสาวขออยู่แบบเงียบสงบนอนคนเดียวให้สบายใจด้วยเงินส่วนตัว
@ เกาะพีพี
คณะกองถ่ายละครเดินทางถึงเกาะพีพีในเวลาประมาณ11โมงเช้าทุกคนดูตื่นเต้นและแยกย้ายกลับที่พัก
ห้องพักของซันนี่นางเอกสาวเป็นห้องพักVip แยกโซนจากคนอื่นเพื่อการพักผ่อนเป็นส่วนตัวนางเอกสาวทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มที่นี่สวยงามไร้ที่ติ เงียบสงบหรูหราจึงนอนพักเพื่อเอาแรงหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่รู้ตัวอีกทีก็เมื่อมีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก... เมื่อเธอไม่เปิดประตูออกมาเสียงปิ๊งป่องจึงทำงาน
อืม...ใครเนี่ย.คนจะนอน
ปิ๊งป่อง...ปิ๊งป่อง...
มาแล้ว..มาแล้วค่า...
ฉันลุกจากที่นอนกระปรกกระเปรี้ย นึกแช่งชักคนที่เสียมารยาทมาปลุกคนกำลังนอน
ปลุกคนนอนมันบาปนะรู้มั้ย....
แอ๊ด...
"ว๊าย!...ผี" ฉันตกใจลืมง่วงไปในทันที
"ผีอะไรจะหล่อขนาดนี้" ไซรัสยืนยิ้มเผล่อยู่หน้าห้องพอมาถึงรีสอร์ตเขาก็โยนกระเป๋าเดินทางไว้ในห้องเปลี่ยนชุดหล่อเดินชายหาดชมต้นมะพร้าวแล้วตรงมาห้องนี้ทันที ตามใจเรียกร้อง
"คุณไซรัส..คุณมาได้ไง"
เขาชะโงกหน้าเข้ามาใกล้โอบเอวบางอย่างคิดถึง"ฮันนี่จ๋าจะร้องโวยวายให้ทีมงานเขามาดูเราจูบกันหรือไง"
ไซรัสใช้จังหวะที่ซันนี่ยังตกใจดันตัวเองเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูล๊อคห้องแน่นหนา ใช้สองแขนช้อนร่างบางแล้วอุ้มขึ้นเตียงโดยไม่สนว่านางเอกสาวจะต่อต้านเพียงใด
เขาวางร่างบางบนเตียงขาวสะอาดฉวยโอกาสคร่อมร่างบางไว้
"คุณไซรัส...คุณจะทำอะไรคะ"
"ฮันนี่มาทำไมไม่บอกผม...ผมคิดถึง..ผมห่วง"
"ซันนี่โตแล้วดูแลตัวเองได้อีกอย่างซันนี่มาทำงานไม่ได้มาเที่ยวซักหน่อย"
"แต่ยังไงฮันนี่ก็ต้องบอกผมหายมาแบบนี้ผมใจคอไม่ดีเลย"
"รู้ไหม..." เสียงทุ้มอ้อนน่ารัก ไซรัสเองก็ไม่คิดว่าเขาจะมีโมเม้นท์หวานๆแบบนี้
"คุณเว่อร์ไปหรือเปล่าหรืออุปทานไปเองคะ" ฉันพยายามดิ้นรนจากการถูกกักบริเวณจากแขนแข็งแกร่ง
"ไม่...ผมจริงใจไม่เชื่อลองจับดูได้" ชั่วขณะที่เผลอไผลเขาจับมือนุ่มมาแปะไว้ที่อกข้างซ้ายรับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่เต้นรัว สายตาคมจับจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา
ซันนี่ทำให้เขาอยากจูบอยากครอบครองจนเกินห้ามใจเขาก้มหน้าจูบที่เส้นผมหอมละมุนเลื่อนจูบที่หน้าผาก ที่เปลือกตาที่ปลายจมูกจนมาหยุดที่ริมฝีปากบางเขามองสบตาคนอยู่ใต้ร่างเนิ่นนาน พยายามใจเย็นไม่เร่งร้อนกลัวว่าซันนี่จะกลัวเขา
ไซรัสแนบร่างร้อนรุ่มขบเม้มริมฝีปากบนล่างดูดดึงเบาๆชวนวาบหวิว ปลุกไฟรักให้ลุกโชนซันนี่ใจเต้นแรงต่อสู้กับความหวามแต่ปากไม่รักดีกลับเผยอปากรับจูบจากเขาสองมือโอบรอบคอเขาไว้
เขาเกาะเกี่ยวปลายลิ้นอยู่ภายในรุ่มร้อนอีกฝ่ายรุกและรับไม่มีการหลบการหนีมีแต่การจูบอย่างเร่าร้อน เขายังลากไล้ลิ้นไปที่ซอกคอดูดเบาๆจนซันนี่สะดุ้งตัวด้วยความเสียวซ่าน
อืม...คุณไซรัส
ฮันนี่...บอกซิว่าต้องการผม เขากระซิบที่ข้างหูขบเม้มที่ติ่งหูแผ่วเบาเสียวซ่าน
ไซรัสกดจูบที่ซอกคอทั้งสองข้างระเรื่อยลงไปที่ทรวงอกเต่งตึงคัพซีที่หมายปอง ฝังหน้าลงซุกไซ้หนักหน่วงเม้มกัดยอดอกบนเนื้อผ้าบางเบาทั้งสองข้าง
ซันนี่บิดเร่าด้วยความเสียวซ่านปวดท้องน้อยตุบ..ตุบ
"ฮันนี่..." เขาครางเรียกนางเอกสาวเสียงกระเส่าบิดร่างกายเสียดสีกับร่องขาขาว
"ฮันนี่..บอกซิว่าต้องการผม"
ฉันไม่.....
@@@@@@@@@
ออนไรท์