@ ห้องของซันนี่
หลังกลับจากกระบี่คุณไซรัสเขาก็หายหน้าหายตาไปหลายวัน แต่ถึงตัวจะไม่มาเขาก็โทรมารายงานทุกเช้ากลางวันเย็นหรือถ้าไม่ว่างจริงๆก็ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์ทักทายพอได้หอมปากหอมคอ
ฉันอยากเจอหน้าเขามากในวินาทีนี้เพราะเขาสร้างเรื่องไว้ให้ชวนปวดหัวอีกแล้ว
เป็นครั้งที่สองทั้งที่ก่อนหน้ารูปจูบกันหน้าลิฟท์ก็ยังไม่ได้เคลียร์อะไรทั้งสิ้น
ตัวเขารู้ตัวหรือเปล่าฉันยังสงสัย
ดูเหมือนข่าวกอสซิปของฉันคงเป็นเรื่องที่สนุกมากล่ะมั้งสำหรับนักข่าว
ภาพที่สองในห้องนอนที่ฉันอิงแอบกับเขาแม้ไม่เห็นใบหน้าแต่สร้อยคอทองคำขาวห้อยจี้พระสิวลีองค์เล็กเส้นนั้น
ใครเห็นก็ต้องรู้ว่าเป็นฉันไม่ใช่ใครโดยเฉพาะเจ๊ท๊อฟฟี่
ที่ส่งรูปนั้นมาให้ดูแทบจะเป็นวันเดียวกับที่ฉันลงรูปชุดว่ายน้ำริมสระที่กระบี่ลงอินสตาแกรมโดยมี
FC ตาดีเห็นสร้อยก็รู้เลยว่าเป็นฉัน
เขาลงรูปและมีข้อความว่า เฝ้าไข้ยังไงให้หายเร็ว@ กระบี่....
เช็คอินที่เดียวกันแบบนี้.....
อินสตาแกรมเขาแทบแตกเพราะมียอดกดไลท์และคอมเม้นท์มาแน่นถล่มทลาย
พร้อมกับนักสืบโซเชียลที่ต่างทำงานกันอย่างหนัก
พอลงรูปเสร็จเรียบร้อยเขาก็ไม่ตอบคอมเม้นท์ใครเหมือนการลงรูปเป็นหน้าที่เพียงอย่างเดียวของเขา
ใครอยากถามก็ถามไป
ทันทีที่เจ๊ท๊อฟฟี่รู้นี้เรื่องก็โทรมาระบายอารมณ์ทันที
เจ๊ท๊อฟฟี่ : "คุณนางสาวเชียงใหม่จะเอายังไงดีล่ะคะ
เจ๊จะได้บอกกับนักข่าวถูก"
ซันนี่ : เจอคำถามแบบนี้ฉันละปวดหัว
"ก็...ให้เขาไปถามคุณไซรัสให้เขาตอบเลยค่ะเขาเป็นคนโพสนี่คะ"
ฉันเลยโยนเผือกร้อนไปให้เขาจะดีกว่าจะได้จบๆไป
ก็เขาเป็นสร้างเรื่องนี่นา
ครืด...ครืด..สมาร์ทโฟนสั่นเรียกอีกแล้ว
เป็นคุณไซรัส
ซันนี่ : ฮัลโหลค่ะ
ไซรัส: ฮันนี่ทำอะไรอยู่คิดถึงจัง
ซันนี่: ฉันยังโกรธเขาอยู่จึงตอบแบบสั้นๆไปว่า "วาดรูปค่ะ"
ไซรัส: เปิดประตูให้หน่อยผมอยู่หน้าบ้าน
ซันนี่: คุณจะมาทำไมคะซันนี่ยุ่งอยู่
ไซรัส: เขาไม่สนหรอก "ผมรออยู่"
ฉันกำลังออกแบบชุดเดรสที่จะใส่ไปงานประกาศผลรางวัลคนบันเทิงในอีกสามเดือนข้างหน้า
ทุกอย่างเกือบเสร็จเรียบร้อยกำลังลงสี
ผ้าไหมอิตาลีก็นอนนิ่งอยู่ในถุงเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย
อีกอย่างฉันก็อยู่ในชุดนอนจึงหยิบเสื้อคลุมตัวหนามาสวมทับอีกชั้น
แอ๊ด.....ฉันเปิดประตูด้วยความไม่เต็มใจนัก
พอเปิดประตูก็พบกับใบหน้าหล่อนัยน์ตาสีน้ำตาลยืนยิ้มแก้มปริในมือถือถุงพลาสติกมาด้วยหนึ่งใบ ส่งกลิ่นหอมโชยออกมาคล้ายกลิ่นเป็ดย่างแล้วยังอ้าแขนมากอดฉันไว้ให้คางเกยอยู่กับไหล่ของเขา
"คิดถึงฮันนี่จัง...."
"อืม....คุณไซรัส"
"คุณคิดถึงผมบ้างไหม...ไม่เจอกันตั้งหลายวัน"
ฉันนึกถึงเรื่องที่เขาสร้างไว้ให้แล้วตอบไปว่า "
คิดถึงค่ะ..คิดถึงม๊ากมาก"
ฉันพยายามผลักอกเขาออกรู้สึกว่าเขากอดฉันนานไปแล้ว
"เข้าบ้านก่อนค่ะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น"
"ไม่เห็นต้องกลัวใครเห็นเลย...บ้านเราแท้ๆ"
"ซันนี่กลัวขายไม่ออกค่ะ"
เขาจึงคลายอ้อมแขนออกแล้วพูดว่า "
ผมจองคุณแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ออก"
"แต๊แต๊ก๊ะ..."
"แต๊สิฮันนี่"
เขาจริงใจขนาดนี้ทำไมฮันนี่ถึงดูไม่ออกกันนะ
คำพูดของเขามันจะจริงไหม..เชื่อได้สักนิดไหมฉันยังจำคำพูดที่เขาเคยพูดไว้ได้ทั้งประโยคได้ดี
เราสบตากันได้สักพักฉันก็ได้ยินเสียงท้องเขาร้องโครกคราก
แสดงว่าในกระเพาะอาหารคงไม่มีอาหารให้ย่อยแน่ๆ
จึงร้องประท้วงซะเสียงดัง
ฉันมองไปที่ท้องแห้งๆของเขา "ท้องคุณ...."
"คุณมีหม้อสุกี้หรือเปล่า ผมอยากกินสุกี้"
"มีค่ะ..
แต่ซันนี่อิ่มแล้วคุณกินคนเดียวนะคะ"
"ฮันนี่นั่งกินเป็นเพื่อนผมเถอะนะ...นะ..นะ"
เขาจะอ้อน
"ไม่ค่ะ...ซันนี่เป็นดาราไม่ควรตามใจปาก
เดี๋ยวพรุ่งนี้หน้าบวมไม่สวยค่ะ"
ที่โต๊ะอาหาร
เขาวางถุงพลาสติกลงบนโต๊ะหยิบของออกมาวางเรียงรายเต็มโต๊ะแสดงว่าเขาน่าจะหิวมาก
จากนั้นฉันเดินไปหยิบหม้อสุกี้มาเสียบปลั๊กเทน้ำซุปลงหม้อให้เขา รอเดือดเขาก็เตรียมชุดผักและชุดเนื้อสัตว์ใส่จานอย่างรวดเร็วรวมทั้งเป็ดย่างจานใหญ่ส่งกลิ่นหอมจนตะบะฉันแตกแอบกลืนน้ำลายลงคอ
กินก็กิน.....
"ครัวคุณมีของครบดีนะ"
"ค่ะ..ก็ต้องมีค่ะ"
"ต่อไปผมมาทำกับข้าวที่ห้องคุณดีกว่า"
"ไม่ได้ค่ะ...เปลืองไฟ" ซันนี่บอกเขาว่าเปลืองไฟ แต่ที่จริงแล้วต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่า
"ผมจ่ายให้......ผมรวย"
ขอแค่ได้มาที่นี่ทุกวันเท่าไหร่เขาก็ยอม
พอน้ำเดือดคุณไซรัสเขาก็รีบใส่หมูสไลด์ตับลูกชิ้นสารพัดชนิดลงไปจนเต็มหม้อ
ฉันเห็นเขาเร่งไฟแรงสุดพอเดือดเขาก็ใส่ผักลงไป ที่สำคัญเลยเขาใส่เห็ดเยอะมาก
แล้วตอกไข่ใส่อีกฟองคนจนละลายในหม้อเข้ากันดีส่งกลิ่นหอมตรลบอลอวลไปทั้งห้อง
จนต้องเปิดหน้าต่างระบายอากาศ
"หอมจัง...."
ฉันคว้าจานและตะเกียบมานั่งฝั่งตรงข้ามกับเขาในทันทีฉันเห็นเขายิ้มแล้วพูดว่า
"กินเถอะเรื่องอ้วนเอาไว้ทีหลัง"
จากนั้นฉันก็ไม่สนอะไรแล้วก็เป็ดย่างมันอร่อยจริงๆ
"ลำขนาด.."
พอเขารู้ว่าฉันเป็นคนเชียงใหม่เขาก็ปล่อยของออกมาเป็นระยะๆเพื่อเอาใจ
น่าจะแอบไปศึกษามาแน่ๆ คุณไซ....
สุกี้ในหม้อหมดลงฉันเห็นเขาเอามือลูบท้องแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้
"คุณนั่งพักที่โซฟาเลยค่ะซันนี่เก็บเองค่ะ"
"ผมช่วย....ฮันนี่"
โอเคเขารับหน้าที่ล้างจานส่วนฉันเก็บโต๊ะ จะบอกว่าเขาล้างจานเร็วมาก
ฉันจึงขอตัวไปนั่งทำงานต่อให้เสร็จ
"อย่าหาว่าซันนี่ไล่เลยนะคะ...ซันนี่จะทำงานค่ะ"
"คุณกลับแล้วล็อคห้องให้ด้วยนะคะ"
ฉันทิ้งเขาไว้แบบเสียมารยาทแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน
ไม่...เขายังไม่อยากกลับไล่ยังไงก็ไม่ไป
"ฮันนี่คุณทำอะไรอยู่"
เขาเดินตามฉันมาที่โต๊ะทำงานโคมไฟเปิดสว่างฉันขยับเก้าอี้นั่ง
ข้างกันมีหุ่นตั้งไว้หนึ่งตัวสำหรับลองชุดบนโต๊ะมีสายวัด,ดินสอ,ดินสอสี,ไอแพด
เขาเดินมาถึงก็โฟกัสมาที่ภาพสเก็ตช์ที่ยังค้างอยู่แล้วหยิบขึ้นมาดู
"ภาพอะไรฮันนี่"
"ชุดของซันนี่ค่ะ"
"คุณออกแบบเองเลยเหรอ"
"คุณคงไม่รู้ว่าซันนี่เป็นดีไซเนอร์"
"ดีไซเนอร์...ฮันนี่เป็นดีไซเนอร์"
เขาทั้งทึ่งทั้งแปลกใจ ฮันนี่ของเขามีเรื่องให้แปลกใจไม่ได้หยุดหย่อน
เขาจึงเหลือบมองที่ภาพปริญญาบัตรที่ตั้งอยู่บนโต๊ะในกรอบรูปสวยนั้นจึงหยิบขึ้นมาดู
"Paris College Of Art"
"คุณเรียนที่ปารีส"
"ใช่ค่ะปารีส ดีไซเนอร์ก็ต้องปารีสสิคะ"
"ถ้าที่บ้านซันนี่ไม่ล้มละลายเสียก่อนซันนี่กะว่าจะต่อป.โท
ทีเดียวเลยค่ะ"
ฉันเกือบลืมเรื่องที่ต้องจัดการเขา....คุณไซรัส
"อ้อ...เกือบลืมคุณไซรัสคุณโพสรูปซันนี่ลงไอจีทำไมคะ"
เขาทำท่าคิดนิดนึงแล้วพูดว่า "ไม่เห็นหน้าคุณเสียหน่อย"
"คนเขาจำได้หมดแหละค่ะ มันเห็นสร้อยของซันนี่ค่ะ
เจ๊ท๊อฟฟี่กับ FC ซันนี่จำได้หมดเลยนะคะ"
เขายืนพิงโต๊ะกอดอกด้วยท่าทางสบายๆ "คุณจะให้ผมรับผิดชอบยังไง"
"อะไรก็ได้ที่บอกได้ว่าผู้หญิงในรูปไม่ใช่ซันนี่"
"ก็ผมอยากให้โลกรู้..."
"คุณไซรัส...คุณจะมีเรื่องกับซันนี่ใช่ไหมคะ"
จากที่ยืนกอดอกเขาก็ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้สายตาคมเหลือบมองทรวงอกไร้บลา ที่กระเพื่อมขึ้นลงเมื่อหญิงสาวโมโหเขาจนตัวสั่น "ฮันนี่....คุณคบกับผมมันเสียหายมากเหรอ"
"ก็...ก็คุณ"
คำว่าเจ้าชู้ถูกกลืนลงคอเขาโน้มใบหน้าลงมามือจับที่คางให้เงยหน้ารับจูบจากเขา
เขาจุมพิตที่หน้าผากแผ่วเบา
"ผมเป็นพ่อพระแล้วคุณต้องให้โอกาสผมบ้าง"
ฉันใจเต้นตึก "คือ...ซันนี่"
"คบกับผม...รับรองผมจะดีกว่าใคร"
พอฉันหลับตาจุมพิตเบาๆที่ปลายจมูกก็ตามมา แล้วเลื่อนจูบที่ริมฝีปาก
เขาดึงร่างบางให้ยืนขึ้นกอดเอวไว้แน่น "รักกับผมเถอะฮันนี่"
แค่นี้ฉันก็ไม่ไหวแล้วคุณไซรัสขา....
"มีอะไรที่คุณอยากได้อยากทำผมพร้อมซัพพอร์ตเต็มที่"
"คือ...ซันนี่"
เขาอ่อนโยนจนฉันอ่อนระทวยแต่ยิ่งกอดฉันก็ยิ่งวาบหวาม
เขากระชับอ้อมแขนให้สองร่างแนบสนิทมากขึ้นสบตากันเพียงนิดเดียวริมฝีปากหยักก็โน้มลงมาทาบทับริมฝีปากแนบแน่นทั้งอ่อนโยนทั้งอ่อนหวาน
"คบกับผม...."
@@@@@@@@@
ออนไรท์