เสน่หา

3103 Words
@ร้านอาหารฝรั่งเศส หนึ่งทุ่มตรง "มองอะไรอยู่เหรอคะ?" 'ชอว์น มิสเตริโอ' เขาเมินเฉยไม่ยอมตอบคำถาม'โรส'คู่ควงชั่วคราว และเอาแต่จับจ้องสายตาไปยังผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่โต๊ะถัดไป ความงดงามนั้นช่างดึงดูดสายตา ผิวพรรณเปล่งปลั่งดั่งสาวแรกรุ่น รอยยิ้มละมุนละไมสวนทางกับใบหน้าที่สวยคมน่าเสน่หา จมูกโด่งเล็กละม้ายคล้ายสาวชาวตะวันตก ดวงตาโตคมเฉี่ยวตกแต่งด้วยเครื่องสำอาง ผมดำขลับมัดรวบตึงขึ้นสูง ชุดเกาะอกเผยเนินอกอวบอิ่มชวนหลงใหล เธอมาดินเนอร์แสนโรแมนติกกับใครคนหนึ่ง... "สุขสันต์วันเกิดนะครับเฟรย์ ในนี้มีของขวัญอยู่สองชิ้น ชิ้นแรกสำหรับวันเกิด อีกชิ้นหนึ่งเป็นของขวัญสำหรับคนเก่งที่เรียนจบ" มาร์ตินเลื่อนกล่องของขวัญมาตรงหน้าเฟรย์ เธอจึงรับมันมาด้วยรอยยิ้ม "ขอบคุณมาร์ตินมากเลยนะ มาร์ตินเป็นเพื่อนผู้ชายคนเดียวที่ให้ของขวัญวันเกิดเฟรย์ทุกปีเลย" คำว่าเพื่อนทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายจางหายไป บางครั้งหญิงสาวก็เหมือนจะไร้เดียงสาจนน่าหงุดหงิดใจ "นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้วนะ เฟรย์ยังไม่รู้อีกเหรอว่าผมคิดยังไงกับเฟรย์" เฟรย์นิ่งเงียบไป ไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายจึงทำเมินหน้าไปทางอื่น เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าวันหนึ่งมาร์ตินจะต้องพูดเรื่องนี้ แต่ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมาตนคิดกับเขาแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น "เฟรย์...เฟรย์ขอโทษนะ" "ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!" มาร์ตินตะคอกเสียงดังทันทีที่หญิงสาวพูดจบ ผู้คนในร้านอาหารต่างหันมามองเป็นตาเดียว รวมถึงชอว์นและโรสซึ่งนั่งอยู่โต๊ะถัดไปด้วย เฟรย์มองเพื่อนสนิทด้วยแววตาสั่นระริก เธอหวาดกลัวเพราะไม่เคยเห็นเขาโมโหร้ายเช่นนี้มาก่อน มาร์ตินรู้สึกเสียใจและรับรู้ได้ว่าตนเองกำลังอกหัก เขาคาดหวังว่าหลังจากเรียนจบหญิงสาวที่ตนตามจีบมาตลอดสามปีจะยอมตกลงเป็นแฟนกัน แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย "ฟังกันก่อนสิ" เฟรย์พูดน้ำเสียงอ้อนวอน แววตาฉายแววตัดพ้อ เธอไม่ต้องการเสียเพื่อนไปเพราะเหตุผลนี้ "ไม่อยากฟัง! แล้วก็จำไว้นะเฟรย์ วันหนึ่งเฟรย์จะเสียใจที่ปฏิเสธผมแบบนี้" ร่างสูงกำยำหยัดกายยืนเต็มความสูง เขาล้วงกระเป๋าเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกง และหยิบธนบัตรออกมาวางไว้บนโต๊ะสำหรับค่าอาหาร จากนั้นจึงหมุนตัวเดินออกจากร้านไปด้วยสีหน้าโกรธเคือง เฟรย์ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และมองตามหลังเพื่อนสนิทไปจนสุดสายตา ในขณะที่ชอว์นยังคงจับจ้องมายังหญิงสาวไม่ยอมละสายตา ส่วนโรสได้แต่ชักสีหน้าหงุดหงิด เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มอารมณ์ร้ายจึงไม่อยากขัดใจ วันถัดมา @ชาร์มมิ่งเอ็นเตอร์เทนเมนท์ "วันนี้บอสจะเข้ามาดูการคัดเลือกนางแบบด้วยตัวเอง เขาจะพาเพื่อนมาด้วยสองคน ตายแล้ว! นางแบบที่มาสมัครวันนี้จะสวยจนได้เรื่องอีกมั้ยเนี่ย" ซินดี้ หมายถึง 'ชอว์น มิสเตริโอ' ซึ่งเป็นซีอีโอหนุ่มรูปงามแห่งชาร์มมิ่งเอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่ตนทำงานอยู่ หล่อนเหนื่อยหน่ายที่ชายหนุ่มมักถูกตาต้องใจนางแบบคนใหม่ๆ เสมอ และนางแบบพวกนั้นก็ได้ขึ้นไปบำรุงบำเรอเขาบนเตียงกันคนละครั้งเฉกเช่นตน ชอว์นใช้ผู้หญิงสิ้นเปลืองยิ่งกว่าอะไร "ก็เป็นเรื่องธรรมดาของบอสนะคะคุณซินดี้ มาทีไรก็เห็นได้ติดไม้ติดมือกลับไปด้วยทุกที" 'อาย' เลขาสาวของชอว์นเอ่ยแซวครูฝึกนางแบบผู้งดงามจัดจ้าน ฝีปากก็แสบซ่านเช่นเดียวกัน "ปากเสียนะยะหล่อน" "อุ๊ย! ขอโทษค่ะ ลืมไปว่าแทงใจดำคุณซินดี้ แต่จะทำยังไงได้ล่ะคะนอกจากทำใจ เพราะถึงยังไงก็ไม่มีทางได้กลับไปขึ้นเตียงกับบอสอีกแล้ว" อายพูดพลางหัวเราะคิกคัก ด้วยความสนิทสนมจึงเอ่ยแซวกันเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ "ใครบอกว่าคนอย่างซินดี้จะไม่มีทางได้ขึ้นเตียงกับบอสอีก ฉันกำลังพยายามอยู่ต่างหาก อย่าให้มีโอกาสก็แล้วกัน จะรวบหัวรวบหางจนบอสหลุดมือไปไม่ได้เลย" "ชูว์! บอสเดินหล่อมานู่นแล้วค่ะ" อายเอ่ยเตือน สองสาวจึงสงบปากสงบคำและก้มหน้าก้มตาลง ฝีเท้าสองสามคู่ที่เร่งเร้าเดินเข้ามาหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าพวกหล่อน "อีกสิบนาทีพานางแบบใหม่เข้าไปในห้องทำงานของฉันทีละคน" ชอว์นออกคำสั่งเสียงดุดัน จากนั้นจึงเดินผ่านหน้าสาวๆ เข้าไปให้ห้องทำงานพร้อมกับเพื่อนสนิทอีกสองคน "แม่โคนมของมึงก็อยู่นานเหมือนกันนะ" 'ฮาร์ดี้ เจมส์' หมายถึงซินดี้ เพราะรู้ดีว่าครูฝึกเดินแบบสาวเจ้าของเรือนร่างทรงนาฬิกาทรายนั้นเคยขึ้นเตียงกับชอว์นจึงเอ่ยแซว ทว่าอีกฝ่ายกลับตีสีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจ "อยากได้ก็เอาไปใช้งานต่อได้เลยนะ เรื่องผ่านมาเป็นชาติแล้วยังจะแซวอยู่ได้" ชอว์นชักสีหน้าหงุดหงิด แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของตนเอง "ครับ ทราบอยู่แล้วครับว่าคุณชอว์น มิสเตริโอไม่ชอบทานอะไรซ้ำๆ" 'แบรดลีย์ ไทเลอร์' พูดเสริมขึ้น ชอว์นเหนื่อยจะโต้ตอบเพื่อนทั้งสอง จึงทำท่าจริงจังและก้มลงมองเอกสารใบสมัครของนางแบบที่เลขาเอามาวางไว้ให้ อยู่ๆ กลับนึกถึงใบหน้าสวยคมของหญิงสาวที่ตนเจอที่ร้านอาหารเมื่อวานนี้ แต่ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะปัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นออกไป "คิดอะไรของมึงวะ?" แบรดลีย์ขมวดคิ้วถาม "ชีวิตกูจะคิดเรื่องอะไรนอกจากเรื่องงาน" ชอว์นแหงนหน้าขึ้นมาตอบเพื่อน "อย่าเครียดเรื่องงานให้มันมากสิวะ ลืมไปแล้วหรือยังไงว่ามึงเป็นมาเฟียไม่ใช่นักธุรกิจ อีกอย่างผู้หญิงที่มีอยู่ก็สร้างเงินมหาศาลได้อยู่แล้ว ทำไมถึงขยันรับคนใหม่ๆ เข้ามาจังเลยวะ" เพราะเพื่อนสนิทรู้ดีว่าการรับสมัครนางแบบนั้นเป็นแค่เรื่องตบตา จริงๆ แล้วผู้หญิงพวกนี้ต้องไปขายบริการให้กับมหาเศรษฐีด้วยค่าตัวมหาศาลต่อหนึ่งคืน โดยที่พวกหล่อนเต็มใจจะทำงานนี้เพราะค่าตัวที่งดงาม "ก็เพราะมันไม่มีใครอยากกินแต่อะไรเก่าๆ ก็เลยต้องหาใหม่ๆ เข้ามาไง" เพื่อนทั้งสองของชอว์นได้แต่มองหน้ากัน ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ซินดี้เปิดประตูเดินนวยนาดเข้ามา "พร้อมแล้วค่ะบอส" "ให้เข้ามาได้" หล่อนฟังเท่านั้นแล้วจึงหันไปเอ่ยเรียกชื่อนางแบบซึ่งมารอคิวเข้าสัมภาษณ์กันแต่เช้า "เชิญคุณ เฟรย์ เปรมชญานนท์ เข้ามาสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ" เสียงเรียกชื่อทำให้เฟรย์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด หัวใจเต้นตึกๆ เพราะความตื่นเต้น ใบหน้าสวยคมเชิดรั้นพลันหลับตาพริ้มเพื่อเรียกความมั่นใจ แม้จะไม่ใช่คนนิสัยปากกล้าขาสั่น ทว่าวันนี้กลับไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย เฟรย์เป็นสาวสวยโดดเด่นวัยยี่สิบเอ็ดปี เธอเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมาหมาดๆ สองสามวันก่อนเห็นประกาศรับสมัครนางแบบจากบริษัทชื่อเสียงโด่งดัง จึงนึกอยากจะลองทำเป็นงานแรกในชีวิต เพราะด้วยใบหน้าสวยคมดุจดั่งฟ้าประทาน ส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดเซนติเมตร รวมถึงทรวดทรงองค์เอวอันน่าปรารถนาที่เพื่อนฝูงและผู้คนต่างเอ่ยชื่นชม ทำให้เธอมีความมั่นใจที่จะเดินทางสายนี้เป็นอย่างมาก เรียวขาสวยก้าวผ่านประตูเดินเข้ามาหยุดอยู่กลางห้องทำงานสไตล์หรูหรา เรียวเท้าสวยยืนนิ่งบนรองเท้าส้นสูงเมื่อเห็นว่ามีบุรุษสามคนกำลังจ้องมองมายังตน พวกเขาหล่อเหลาสูสี ตาสีฟ้าประกายมรกต เรือนผมสีทอง ร่างสูงใหญ่กำยำ หล่อเหลาคมคายตามแบบฉบับชาวตะวันตกทุกกระเบียดนิ้ว "ว้าว!" แบรดลีย์เผลออุทานออกมา ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มเล็กน้อย สายตาจ้องมองเรือนร่างสะโอดสะองตรงหน้าราวกับต้องมนต์สะกด 'เธอนี่เอง...' ชอว์นคิดในใจ แทบไม่เชื่อสายตา ว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนี้คือคนที่ตนเจอที่ร้านอาหารเมื่อวานนั่นเอง "เอ่อ...สวัสดีค่ะ" เฟรย์ฝืนยิ้ม เธอประหม่า แต่ถึงอย่างนั้นก็จำใจเอ่ยสวัสดีทั้งสามคน ในขณะที่พวกเขายังคงจับจ้องตนอยู่เช่นนั้น ทั้งสามตกตะลึงในความงดงามตรงหน้าเสียมากกว่า เฟรย์กวาดสายตามองสามหนุ่ม ทว่าสายตากลับสะดุดอยู่ที่ชอว์นซึ่งนั่งอยู่ประจำตำแหน่งซีอีโอ มือหนาแลเห็นเส้นเลือดบริเวณหลังมือชัดเจน เขาขยับมือขึ้นมาลูบไล้เครางามของตนเองเชื่องช้า นาฬิกาเรือนแพงประกายวับ สายตาราบเรียบจับจ้องเรือนร่างสง่างามจากระยะไกล "หมุนตัวหนึ่งรอบ แล้วก็เดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงนี้" ชอว์นพเยิดหน้าไปยังเก้าอี้ซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าตน เฟรย์ทำตามโดยการเคลื่อนไหวร่างกายหมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบ ด้วยส่วนสูงสง่างามรับกับการยืนบนรองเท้าส้นสูงยิ่งทำให้เธอมากล้นไปด้วยเสน่ห์ "ว้าว!" แบรดลีย์ยังคงอุทานคำเดิม ระหว่างที่เฟรย์เดินไขว้ขาตามแบบฉบับนางแบบตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าชอว์น "เฟรย์ เปรมชญานนท์ อายุยี่สิบเอ็ดปี มีแฟนหรือยัง" ซีอีโอหนุ่มก้มลงอ่านเอกสารใบสมัคร "คะ?" คิ้วเรียวขมวดยุ่งกับคำถามที่เขาเพิ่งถามออกมา ดูเหมือนมันจะไม่ใช่คำถามเกี่ยวกับการสัมภาษณ์งานเลยสักนิด และยังถือเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอเสียด้วยซ้ำ "ฉันจำเป็นที่จะต้องตอบคำถามนี้ด้วยเหรอคะ?" "จำเป็นสิ เพราะถ้าเกิดว่าเธอมีแฟนแล้วมันก็คงไม่ง่ายที่จะทำงานนี้ให้กับฉัน" น้ำเสียงดุดันทำให้หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ทว่ายังคงควบคุมตัวเองโดยการฝืนยิ้มออกมา "ยังไม่มีแฟนค่ะ แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่เกี่ยวกับการที่ฉันจะเป็นนางแบบ" คำพูดของหญิงสาวทำให้ชอว์นแค่นหัวเราะออกมา แน่นอนว่าไม่มีใครรู้มาก่อน ว่าการมาสมัครเป็นนางแบบที่นี่จะต้องเจอกับอะไรบ้าง และเขาเป็นเพียงคนเดียวที่จะชี้แจงให้นางแบบทุกคนได้รับรู้ ถึงงานที่พวกหล่อนต้องปฏิบัติตาม "งั้นฉันเริ่มสัมภาษณ์เธอเลยก็แล้วกัน เชิญนั่ง" เขาตวัดหางตาไปยังเก้าอี้ตัวใหญ่ข้างกายหญิงสาว เฟรย์มองซ้ายมองขวาเล็กน้อยด้วยความรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นจึงตัดสินใจหย่อนก้นงอนแนบชิดลงบนเก้าอี้นุ่มนิ่ม "พร้อมหรือยัง" "พร้อมค่ะ" เธอตอบพลางพยักหน้าหงึกหงัก "กฎข้อแรกก็คือ ห้ามลุกเดินออกไปจากที่นี่จนกว่าฉันจะสัมภาษณ์เสร็จ ฟังข้อเสนอของฉัน แล้วก็ตอบมาเพียงว่ารับได้หรือไม่ได้ก็แค่นั้น ไม่ต้องพูดอะไรมาก" หญิงสาวสัมผัสได้ถึงเนื้อตัวของตนเองกำลังหนาวสั่น น้ำเสียงเยือกเย็นเมื่อครู่ทำให้เธอถึงกับขนลุกไปทั้งตัว "คะ...ค่ะ" เสียงเล็กตอบตะกุกตะกัก "ตั้งใจฟัง ถ้าเธอตกลงทำงานกับฉัน เธอจะกลายมาเป็นนางแบบแค่ชื่อ แต่หน้าที่จริงๆ ของเธอคือการให้บริการลูกค้าที่มาใช้บริการ ด้วยค่าตอบแทนคืนละหนึ่งแสนบาท และหวังว่าเธอคงจะไม่ไร้เดียงสาถึงขั้นไม่รู้หรอกนะ ว่าทำงานได้คืนละแสนต้องทำอะไรบ้าง" เฟรย์ขมวดคิ้วแปลกใจ "ฉันไม่เข้าใจ คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ?" เธอส่ายหน้าไปมา แทบไม่เชื่อหูตนเองกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ "ไม่ต้องตกใจไปหรอก เพราะกฎเหล็กของเราคือลูกค้าทุกคนต้องใช้ถุงยางอนามัย" ชอว์นบอกเสียงเรียบไม่ต่างจากสีหน้า เฟรย์เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ฟังเช่นนั้น หญิงสาวเนื้อตัวสั่นเทิ้ม รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีทันใด เพราะก่อนหน้านี้คิดเพียงว่าตนมาเพื่อฝึกเดินแบบ ทว่าตอนนี้มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลยสักนิด "พูดเรื่องอะไรของคุณ ฉันมาสมัครเป็นนางแบบไม่ได้มาสมัครขายตัว" เสียงเล็กโวยวาย ทว่าคนตรงหน้ายังคงมีแววตานิ่งเฉย "ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ฟังที่ฉันพูดนะ เธอมาสมัครเป็นนางแบบของฉัน แต่หน้าที่ที่เธอจะต้องปฏิบัติก็คือสิ่งที่ฉันเพิ่งบอกไป และฉันก็พูดไปแล้วว่าให้ตอบมาแค่ว่ารับได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่โวยวายแบบนี้!" น้ำเสียงของซีอีโอหนุ่มดุดันยิ่งขึ้น เฟรย์ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเป็นเชิงปฏิเสธ ร่างงามหยัดกายลุกขึ้นยืน ทว่าหัวไหล่เล็กกลับถูกมือของใครคนหนึ่งกดให้นั่งลงบนเก้าอี้เช่นเดิม หญิงสาวหันขวับไปมองจึงเห็นว่าเป็นบุรุษคนนั้นซึ่งก็คือฮาร์ดี้นั่นเอง "ถ้าเธอรับไม่ได้ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะลุกเดินออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ เพราะตอนนี้ถือว่าเธอรู้ความลับของทางบริษัทไปแล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องมีการเซ็นสัญญา ว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันเดือดร้อนด้วยการแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป เพราะฉันบอกได้เลยว่าถ้าเรื่องภายในบริษัทของฉันหลุดออกไป ฉันจะหมายหัวเธอเอาไว้เป็นคนแรก แล้วเธอจะหายสาบสูญไปจากโลกใบนี้" คำขู่นั้นทำให้ดวงตากลมสั่นระริกและเอ่อคลอไปด้วยน้ำใส คิดไม่ถึงว่าบุรุษสามคนที่หน้าตาหล่อเหลาและดูภูมิฐานร่ำรวยจะเป็นพวกค้ามนุษย์ดีๆ นี่เอง "คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ คิดว่าจะเอาเรื่องพวกนี้มาขู่คนอย่างฉันได้เหรอ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายไปได้หรอกนะ พวกแกทุกคนก็เหมือนกัน!" แม้จะหวาดกลัวจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทว่าเฟรย์กลับยังคงพยายามใจดีสู้เสือ ก็ในเมื่อสิ่งที่พวกเขาทำมันไม่ถูกต้อง จะให้นิ่งอยู่ได้อย่างไร "จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก เพราะผู้หญิงทุกคนที่มาสมัครทำงานที่นี่ก็ล้วนแล้วแต่เต็มใจทั้งนั้น ทุกคนตอบตกลงข้อเสนอรายได้คืนละแสนของฉัน มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นแหละที่โง่ปฏิเสธเงินมากมายขนาดนี้" "ฉันไม่มีทางตอบตกลงข้อเสนอเฮงซวยนี้หรอก และฉันก็ไม่ได้โง่ด้วย" "หึ! เสียตัวให้ผู้ชายคนอื่นมันเสียฟรีๆ เสียตัวให้ลูกค้าของฉันได้ตั้งคืนละแสน หัดใช้สมองคิดบ้างสิ" เขายื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ และกดเสียงต่ำพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แววตาฉายแววมัจจุราช มันดุร้ายเสียจนเฟรย์ต้องรีบเมินหน้าหนีไปทางอื่น "ฉันไม่มีทางทำงานอะไรพวกนี้หรอก พวกแกมันทุเรศ นี่เหรอชาร์มมิ่งเอนเตอร์เทนเม้นที่ผู้หญิงทุกคนฝากความฝันไว้แล้วก็อยากจะทำตามความฝันของตัวเอง พวกแกตัดสินความฝันของผู้หญิงด้วยราคาคืนละหนึ่งแสนบาทแลกกับการขายศักดิ์ศรีเนี่ยนะ?" "ผู้หญิงพวกนั้นน่านับถือมากต่างหาก พวกเขาหาเงินเพื่อเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว เพราะฉะนั้นคนที่โง่ก็คือเธอ" "ไอ้บ้า! ฉันไม่ได้โง่ คอยดูเถอะ ฉันจะลากพวกแกทุกคนเข้าคุก กล้าดียังไงมาทำธุรกิจผิดกฎหมายพวกนี้ในประเทศฉัน" เธอประกาศกร้าว แม้น้ำเสียงจะสั่นเครือและเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ทว่ากลับเลือกที่จะขู่พวกเขาออกไปเช่นนั้น ชอว์นแค่นหัวเราะในลำคอ "ดูเหมือนเธอจะชอบความรุนแรงนะ ลูกค้าของฉันก็มีประเภทที่ชอบผู้หญิงแบบนี้เหมือนกัน ความจริงแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมากกว่าใครๆ ที่ฉันเคยสัมภาษณ์มาเลยนะ" "ทุเรศ! ฉันจะไปแจ้งตำรวจ พวกแกทำผิดกฎหมาย" "ลองคิดดูสักนิดสิเฟรย์ ตั้งคืนละแสนเลยนะ ถ้ารับงานทุกวัน เดือนหนึ่งก็ได้ตั้งสามล้าน ถ้าขี้เกียจก็รับงานเดือนละสิบวันสิบห้าวันก็ยังได้เดือนละเป็นล้าน" "พอได้แล้ว!" เฟรย์ยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเอง ทนฟังสิ่งที่ชอว์นพูดออกมาไม่ได้เอาเสียเลย "ฉันจะสอนให้ว่าเธอควรจะรับแขกยังไง รับรองว่าเธอจะเปลี่ยนใจอยากทำงานนี้ อ้อ! แล้วก็อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยให้เธอหลุดออกไปแจ้งตำรวจง่ายๆ" "ไม่เอา! ฉันไม่มีทางขายตัว แกมันไอ้คนทุเรศ ไอ้หน้าตัวเมีย" คำด่าทอของเฟรย์ทำให้ชอว์นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง มือหนาทุบลงบนโต๊ะกระจกเสียงดัง แววตาประกายเกรี้ยวกราด ในขณะที่ร่างสูงกำยำหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "ใครอยู่ข้างนอก! เข้ามาจับตัวผู้หญิงคนนี้ไปขังไว้" เขาออกคำสั่งเสียงดัง "ไม่ได้นะ! แกกำลังจะทำผิดกฎหมายอีกข้อหนึ่ง จะกักขังหน่วงเหนี่ยวฉันไม่ได้เด็ดขาดนะ" จังหวะนั้นบอดี้การ์ดสองคนก็เปิดประตูเดินเข้ามา พวกเขากระชากแขนทั้งสองข้างของเฟรย์และพาเดินไปยังห้องห้องหนึ่งซึ่งอยู่ภายในห้องทำงานของชอว์น "อ๊าย! ปล่อยฉันนะ! ไอ้พวกทุเรศ ไอ้พวกคนเลว" เสียงโวยวายของหญิงสาวเงียบสงบลงทันที หลังจากที่บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอายาสลบให้หญิงสาวสูดดม เพื่อนสนิททั้งสองของชอว์นได้แต่มองหน้ากัน "เอางี้เลยเหรอวะ?" แบรดลีย์ถามไม่จริงจังนัก "กูมีวิธีจัดการที่เด็ดขาดกับพวกที่ชอบต่อต้าน" ชอว์นตอบเสียงหงุดหงิด พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงอีกครั้ง ชายหนุ่มพยายามดึงสติของตนเองกลับมา คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่กล้าทำให้ตนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเช่นนี้มาก่อน เพื่อนทั้งสองคนจึงเอาแต่นั่งเงียบ เพราะรู้ดีว่าความดุร้ายและเลือดเย็นของเพื่อนสนิทนั้นรุนแรงเพียงใด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD