พวงมาลัยดอกมะลิงดงามถูกวางลงบนพานพุ่มเบื้องหน้าผู้เป็นนาย เจ้าไหมทองผู้เป็นเจ้าของตำหนักเล็ก ๆ อันแสนเงียบสงบหยิบมาลัยพวงนั้นขึ้นมาดูแล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“งามมากบัว ฝีมือของเอ็งยังคงงดงามไร้ที่ติ กลีบดอกมะลิเรียงกันงามเชียว” เจ้าไหมทองกล่าวชมบ่าวคนโปรดที่ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางข้าหลวงสาวก้มลงกราบด้วยกิริยาที่ชดช้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าหวานงดงามหมดจด ไร้ที่ติไม่ต่างจากพวงมาลัยพวงสวยที่เธอเป็นคนร้อยขึ้นมาด้วยความตั้งใจ
บัวเติบโตขึ้นมาในตำหนักนี้ตั้งแต่จำความได้ หญิงสาวเป็นหลานเพียงคนเดียวของ แม้น คนสนิทของเจ้าไหมทอง หนึ่งในชายาของเจ้าเมืองใหญ่ที่ตอนนี้ไม่เป็นที่โปรดปรานและอาศัยอยู่ในตำหนักเล็ก ๆ ห่างไกลจากตำหนักหลวง หากเพราะแบบนี้ ตำหนักนี้จึงเงียบสงบ คนในตำหนักต่างอยู่ด้วยกันอย่างร่มเย็นเป็นสุขมาตลอดจนกระทั่งปัจจุบันที่บัวเติบโตขึ้นจนอายุสิบห้าปีเต็ม บัวได้รับการอบรมมาอย่างดีเยี่ยมตามแบบกุลสตรี และเชี่ยวชาญในทุกด้านอย่างยากที่จะหาคนรุ่นเดียวกันมาเทียบได้
ใบหน้า รูปร่างและผิวพรรณของหญิงสาวก็งดงามจนยากที่จะหาใครมาเสมอได้เช่นกัน แต่บัวก็ถูกเก็บตัวเอาไว้อย่างมิดชิดในตำหนักแห่งนี้ ด้วยความที่เจ้าไหมทองหวงเด็กสาวที่เอ็นดูอยู่มาก และยังเป็นห่วงว่าความงามของบัวอาจจะนำภัยมาสู่ตัวของนางข้าหลวงสาวเองได้ บัวจึงคล้ายกับดอกบัวที่แสนบริสุทธิ์สมชื่อและไร้เดียงสา หญิงสาวไม่มีโอกาสใกล้ชิดหรือพูดคุยกับชายคนใด แม้กระทั่งทหารประจำตำหนักนี้แม้เพียงสักคนเดียว
“เจ้าเจ้าคะ” แม้นที่ออกไปจัดการธุระบางอย่างก้มลงกราบผู้เป็นนายด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความกังวล
“มีอะไรหรือแม้น”
“จำปากับจำปีไม่สบายหนักเจ้าค่ะ เลยไปช่วยที่ห้องเครื่องหลวงไม่ได้” น้ำเสียงของแม้นตึงเครียด วันนี้มีงานใหญ่ที่ตำหนักหลวง ชายาเอกของเจ้าเมืองจึงรับสั่งให้คนจากทุกตำหนักไปช่วยงาน แม้ว่าเจ้าของตำหนักเหล่านั้น จะไม่ได้ถูกเชิญเข้าร่วมงานด้วยก็ตาม
“แย่จริง แบบนี้จะทำอย่างไรดี สองคนนั้นคล่องแคล่วที่สุด หากเอาคนอื่นไปแล้วทำเสียงาน ชายาเอกกริ้วแน่” เจ้าไหมทองถอนใจหนัก บัวมองหน้าผู้เป็นนายและป้าของตนก่อนจะขันอาสา
“ให้ข้าเจ้าไปช่วยงานแทนพี่จำปากับพี่จำปีดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าเจ้าจะไม่ทำเรื่องให้เจ้าต้องเสียเกียรติอย่างเด็ดขาดเจ้าค่ะ” บัวรับปากอย่างแข็งขัน เจ้าไหมทองมองหน้าบัวอย่างลังเลและเป็นกังวล
“ตอนนี้คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเจ้าค่ะ” แม้นคล้อยตามหลานสาวอย่างจนใจ หญิงสูงวัยรู้ดีว่าเจ้าชีวิตของตนกำลังนึกห่วงเรื่องอะไร แต่ตอนนี้คนที่มีฝีมือมากพอที่จะช่วยเหลืองานของเธอได้มีเพียงแค่บัวเท่านั้น เพราะตามจริงแล้วบัวมีฝีมือมากกว่าจำปีและจำปาเสียอีก หากเพราะเจ้าไหมทองไม่ต้องการให้บัวออกจากตำหนัก จึงตัดสินใจส่งสองคนนั้นไปแทน
“ถ้าชายาเอกไม่พอใจฝีมือของเราขึ้นมา อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ตามมาทีหลังได้นะเจ้าคะ เจ้าไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ ข้าเจ้าจะดูแลบัวอย่างดี” แม้นสำทับพร้อมกับให้คำมั่นบ้าง เจ้าไหมทองได้แต่ตอบรับอย่างหาทางออกอื่นมิได้
“ฝากด้วยนะแม้น” เจ้าไหมทองสบตาของคนสนิทที่รีบตอบรับ
“เจ้าค่ะ หากงานเรียบร้อยแล้ว ข้าเจ้าจะรีบพาบัวกลับมาเลยเจ้าค่ะ” แม้นก้มลงกราบลาผู้เป็นนายเพื่อรีบไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมาย บัวรีบกราบลาและตามผู้เป็นป้าไป โดยมีสายตาของเจ้าของตำหนักมองตามอย่างเป็นกังวล
“ทำงานอยู่แต่ในห้องครัวนี้นะบัว และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องพูดกับใครนะ” แม้นสั่งหลานสาวหลังจากที่ทั้งสองคนได้รับงานจากคนที่ตำหนักหลวงมอบหมายให้แล้ว
“จ้ะป้า” บัวตอบรับอย่างเชื่อฟัง หญิงสาวตั้งใจทำงานตรงหน้าอย่างสุดฝีมือเพื่อไม่ให้ใครมาต่อว่าคนจากตำหนักเจ้าไหมทองได้
แม้ว่าตอนนี้ท่านเจ้าเมืองผู้ครองนครจะอายุมากและไม่ได้รับชายาเพิ่มแล้ว แต่การแข่งขันระหว่างตำหนักในต่าง ๆ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ถึงเจ้าไหมทองผู้เป็นนายของเธอจะไม่ชอบแข่งขันกับใคร แต่ก็ต้องวางตัวและดูแลคนใต้ปกครองอย่างดีเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างจนถูกคนจากตำหนักอื่นกลั่นแกล้งได้
บัวทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างดีและทำตามคำสั่งของแม้นอย่างเคร่งครัดจนแม้นวางใจและออกไปทำงานในส่วนอื่น ๆ คล้อยหลังหญิงสูงวัยไม่นาน ก็มีหัวหน้านางข้าหลวงจากตำหนักหลวงเข้ามาในห้องและขอให้คนในครัวออกไปช่วยงานข้างนอกเพิ่มขึ้น
“เอ็งมากับข้า” นางข้าหลวงคนนั้นชี้มาที่บัว บัวจึงจำเป็นต้องวางงานในมืออย่างปฏิเสธไม่ได้ หญิงสาวเดินตามนางข้าหลวงคนนั้นออกจากห้องครัว ตรงไปตำหนักแห่งหนึ่งที่มีขนาดหรูหราและใหญ่ว่าตำหนักของเจ้าไหมทองกว่าสี่เท่า
ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ชำเลืองมองบัวด้วยความสนใจ บัวรีบหลบสายตาเหล่านั้นอย่างไม่คุ้นชินนัก แต่ก็ยังรักษากิริยาให้ดูงดงามได้อย่างดี
“ยกสำรับพวกนี้ตามข้ามา” หัวหน้านางข้าหลวงหันมาสั่งงานพร้อมกับพยักพเยิดไปทางสำรับอาหารที่วางอยู่บนตั่งด้านหน้า บัวรับคำและทำตามคำสั่งนั้น หญิงสาวก้าวตามแถวนางข้าหลวงที่เดินตรงเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของตำหนักหรูหรา
บัวลอบมองรอบข้างอย่างตื่นตะลึงในความโอ่อ่า เมื่อเครื่องเรือนในนี้ส่วนใหญ่ล้วนทำจากทองคำแท้ ไม่ใช่เพียงเครื่องดินเผาหรือเครื่องเงินอย่างที่ตำหนักของเจ้าไหมทองแบบที่เธอคุ้นชิน บัวเดินไปจนถึงห้องโถงที่ตรงกลางมีตั่งทองตัวยาวขนาดใหญ่วางตั้ง บนนั้นมีชายคนหนึ่งที่บัวคาดว่าเป็นเจ้าของตำหนักนั่งอยู่ ด้านข้างทั้งสองฝั่ง มีตั่งตัวเล็กตั้งขนาบข้าง และมีนายทหารนั่งอยู่บนนั้นด้วย
บัวเผลอสบตาคมเข้มที่จับจ้องมาที่เธออย่างไม่ทันตั้งใจ หญิงสาวรีบก้มหน้าหลบ หากแต่ดวงตาคมกล้าที่เจือความอบอุ่นอ่อนโยนของเจ้าของตำหนักยังคงมองตามหญิงสาวอย่างไม่ลดละ
ประกายบางอย่างพาดผ่านดวงตาของเจ้าอินทร บุตรคนโตของเจ้าแห่งแคว้นยามที่มองนางข้าหลวงสาวที่ตนเพิ่งเคยได้พบเป็นครั้งแรก หากเจ้าอินทรก็ยังสงวนท่าทีจนสำรับต่าง ๆ ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย
“ว้าย” บัวร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อหญิงสาวล้มลงจนทำให้น้ำชาบนสำรับหกรดลงมาที่ตัวของเธอ
“กราบประทานอภัยเจ้าค่ะ” หัวหน้านางข้าหลวงรีบก้มลงกราบ นางข้าหลวงคนอื่น ๆ ต่างพากันก้มตาม บัวที่รีบชันตัวขึ้นมาก้มกราบจรดพื้น ตัวสั่นงันงก
“พานางคนนี้ออกไปสำเร็จโทษ” หัวหน้านางข้าหลวงสั่งเสียงกร้าว คนสนิททั้งสองของนางข้าหลวงผู้นี้รีบจับแขนของบัวไว้ทั้งสองข้างจนบัวร้องไห้ออกมาอย่างเสียขวัญ
“เดี๋ยวก่อน” เจ้าอินทรร้องห้ามและกล่าวอย่างเมตตา “วันนี้เป็นวันดีที่จะมีแขกบ้านแขกเมืองมาหา อย่าให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลย เราไม่ติดใจอันใด”
“เป็นเมตตายิ่งนักเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของบัวที่รีบก้มลงกราบเจ้าอินทรยังคงสั่นสะท้าน จนทำให้คนฟังยิ่งเห็นใจนางข้าหลวงสาวสวยมากขึ้น
“ไม่เป็นไร เราเข้าใจดีว่าเป็นอุบัติเหตุ” เจ้าอินทรยิ้มให้บัวอย่างเมตตา “พานางไปเปลี่ยนชุดเถอะ”
เจ้าชายอินทรสั่งหัวหน้านางข้าหลวง บัวก้มกราบเจ้าอินทรอีกครั้ง แววตาของหญิงสาวมองเจ้าชายรูปงามตรงหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ