3 แรกพบ ( 3 )

964 Words
บัวหลบตาวูบ หญิงสาวก้มหน้า ตั้งใจจะรีบเดินหนีไปจากตรงนี้ เพราะบุตรชายคนรองของท่านเจ้าเมืองไม่ใช่คนที่เธอควรเข้าใกล้ “หยุดก่อน นางข้าหลวงคนนั้นน่ะ” เสียงทุ้มห้าวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ดังขึ้นด้านหลัง บัวตัวแข็งค้าง ถึงอย่างไรเธอก็เป็นแค่นางข้าหลวง ที่ไม่อาจขัดคำสั่งผู้เป็นนายได้ “เหตุใดเอ็งมาเดินอยู่เพียงลำพังแถวนี้” นางข้าหลวงสาวสะดุ้ง เพราะครั้งนี้น้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเย้าหยอกดังขึ้นใกล้หู ทำให้เธอต้องรีบเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะหันกลับไปทำความเคารพเจ้าสิงขรและตอบคำถาม “ข้าเจ้าเป็นนางข้าหลวงที่มาช่วยงานที่ตำหนักหลวงเจ้าค่ะ” บัวคุมเสียงให้เป็นปกติที่สุด “ข้าเจ้าต้องรีบกลับไปช่วยงานที่ห้องเครื่องหลวงแล้ว ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” “เดี๋ยวสิ” เจ้าสิงขรคว้าแขนนุ่มนิ่มของนางข้าหลวงสาว มือหนาลูบไล้ผิวเนียนบาง ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าหวานอย่างเพ่งพินิจ บัวสบตากับเจ้าสิงขรอย่างตกใจ หญิงสาวมองไปโดยรอบเลยได้เห็นว่าตอนนี้บริวารคนอื่นพากันก้มหน้าหรือไม่ก็หันหลังให้กับคนทั้งสอง ราวกับเปิดโอกาสให้ผู้เป็นนายได้ใกล้ชิดกับนางข้าหลวงสาวได้อย่างสบายใจ “ตอนนี้ที่ห้องเครื่องหลวงน่าจะมีคนเยอะแล้ว เอ็งอยู่ดูแลข้าที่นี่ดีกว่านะ” เจ้าสิงขรใช้มือข้างที่ว่างเชยคางบัวเพื่อไม่ให้หญิงสาวหลบตา ดวงตาเจ้าเล่ห์พราวระยับเพราะได้เจอกับสาวงามที่ถูกใจ เจ้าสิงขรไล้สายตาไปตามใบหน้างามที่มีเครื่องหน้าเหมาะเจาะ ผิวพรรณผุดผาด ชวนให้คนมองหลงใหล ดวงตาที่มีทั้งความใคร่รู้และความตื่นกลัวยิ่งทำให้หญิงสาวดูน่าสนใจ ทั้งยังน่ากลั่นแกล้งนำมากักตัวไว้เชยชม ไหนจะเรือนร่างที่แสนเย้ายวน ทรวงอกอวบอิ่ม เอวเล็กคอดกิ่วและสะโพกผายที่กลมกลึงจนน่ากลืนกินไปทั้งร่าง ทุกสิ่งบนกายของนางข้าหลวงสาวคนนี้ช่างงดงามไร้ที่ติ และเหนือกว่าหญิงสาวอื่นใดในใต้หล้าที่เขาเคยพบ “เอาเป็นว่าวันนี้เอ็งมาอยู่ดูแลข้าแล้วกันนะ ไม่สิ... ข้าจะให้เอ็งมาประจำที่ตำหนักของข้าเลยจะดีกว่า ไม่ต้องไปทำงานที่ห้องเครื่องหลวงแล้ว” “ม่ะ...ไม่ได้นะเจ้าคะ” บัวรีบปฏิเสธ “ข้าเจ้าเป็นนางข้าหลวงประจำอยู่ที่ตำหนักเจ้าไหมทองเจ้าค่ะ” บัวหลุบตาไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาร้อนแรงของคนตรงหน้า เจ้าสิงขรยกยิ้มมุมปาก ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้นางข้าหลวงสาวยิ่งกว่าเก่า “อ้อ...ตำหนักชายาไหมทองสินะ” เจ้าสิงขรทวนสิ่งที่ได้ยิน น้ำเสียงของเขายั่วเย้าแฝงความนัยบางอย่าง แต่บัวไม่รับรู้ถึงสิ่งนั้น เพราะตอนนี้นึกกลัวชายตรงหน้ามากกว่า จนร่างของเธอสั่นขึ้นมาน้อย ๆ “กลัวข้ามากหรือ ตัวสั่นเชียว” เจ้าสิงขรส่งยิ้มกรุ่มกริ่ม คนฟังเลยยิ่งหวั่นใจมากขึ้น นึกหวาดว่าตนจะหลบหนีจากอำนาจของอีกฝ่ายไม่พ้น “นี่บัวจำ...” “ปล่อยบัวเถอะสิงขร บัวกลัวเจ้าจนลนลานแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มแต่กังวานและเต็มไปด้วยอำนาจดังขึ้นมาราวกับระฆังช่วยชีวิต บัวหันไปมองต้นเสียงอย่างดีใจ เจ้าอินทรส่งยิ้มบาง สายตาทอดมองมาที่นางข้าหลวงสาว “กลับไปทำงานเถอะบัว” เจ้าอินทรออกตัวช่วยเหลือนางข้าหลวงที่ตัวเองก็แอบพึงพอใจเช่นกัน “เจ้าค่ะ” บัวรีบรับคำ แต่เจ้าสิงขรยังยื้อจับแขนเล็กไว้ ทำให้บัวไม่สามารถไปไหนได้ “ไม่คิดว่าเจ้าพี่จะมาสนใจเรื่องของนางข้าหลวงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งด้วย แถมยังรู้จักชื่อของนางอีก” เจ้าสิงขรมองเจ้าอินทรตาขุ่น มารดาของเจ้าสิงขรเป็นชายารอง ซึ่งไม่ลงรอยกับชายาเอกหรือมารดาของเจ้าอินทรเท่าใดนัก ทำให้สองพี่น้องต่างมารดาแคลงใจกันไปด้วย “เท่าที่ข้ารู้มา ตำหนักของเจ้ามีนางข้าหลวงอยู่มากแล้วนะสิงขร ดังนั้นเจ้าก็อย่าไปยื้อแย่งนางข้าหลวงจากตำหนักอื่นเลย แค่เท่าที่มี เจ้าก็ดูแลไม่ไหวแล้ว” เจ้าอินทรพูดอย่างใจเย็น และยังมีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับอยู่ในหน้าเสมอ “ไม่เห็นจะยาก ข้าก็ส่งคนของข้าไปสักห้าคน เพื่อแลกกับตัวนางเพียงคนเดียว เจ้าไหมทองน่าจะพอใจ” เจ้าสิงขรมองหน้าบัวที่ซีดลงไปทันทีที่ได้ยินถ้อยคำของเขา แล้วหันกลับไปมองเจ้าอินทรอย่างยียวน “ถึงเจ้าไหมทองจะไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับตำหนักหลวงแล้ว แต่ก็เป็นชายาคนหนึ่งของเจ้าพ่อ เจ้าจะทำอะไรก็ควรคิดให้รอบคอบ วันนี้มีงานใหญ่ด้วย เจ้าอย่าหาเรื่องไปกวนใจเจ้าพ่อดีกว่า” เจ้าอินทรว่าต่อ ผู้เป็นน้องหน้าตึง จำต้องปล่อยมือออกจากตัวของบัวด้วยความเสียดาย “ก็ได้ เอาไว้ให้พ้นงานคืนนี้ไปก่อนแล้วกัน” เจ้าสิงขรมองบัวอย่างมาดหมาย บัวรีบก้มหน้างุด “ข้าเจ้าทูลลาเจ้าค่ะ” บัวทำความเคารพเจ้าอินทรและเจ้าสิงขร แล้วรีบเดินกลับไปทางห้องเครื่องหลวงทันที เจ้าสิงขรมองตามจนสุดสายตา ก่อนจะเดินกลับไปทางตำหนักของตัวเองบ้าง เจ้าอินทรยังคงยืนนิ่ง แม้จะยังคงรอยยิ้มไว้ได้ แต่สายตาของเขาที่จับจ้องไปทางน้องชายต่างมารดาและบัวนั้นดูลุ่มลึก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD