ตอน 3

1592 Words
“คุณหมายเลข M099 สินะคะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นเบื้องหน้าคณาทิป ชายหนุ่มจ้องมองไม่ถนัดเพราะแสงเพชรวูบวาบแยงตา “ดิฉันเจ้าของหมายเลข W099 ค่ะ” หล่อนแนะนำตัวอาซิ้มอายุราวสี่สิบปลายๆหน้าตึงเป๊ะด้วยการฉีดโบท็อกซ์ ทรงผมตั้งกระบังตีให้ฟูจัดทรงสมัยเก่าเช่นนางงามรอรับมงกุฎ รูปร่างอวบระยะสุดท้ายแบบหมิ่นเหม่ คณาทิปจ้องมองด้วยความผิดหวัง ถึงเขาจะไม่สนสตรีแต่ขอดีๆ กว่านางคนนี้หน่อยก็ไม่ได้ “ครับ” คณาทิปตอบไปด้วยเสียงอึกอักสีหน้าปั้นยาก “ถ้าเช่นนั้นเดี้ยนคือคู่เต้นรำของคุณในค่ำคืนนี้ค่ะ” เซเลบสาวกลางคนเอ่ยด้วยจริตเต็มที่ ยกมืออวบอูมเพื่อให้คณาทิปจับจูงหล่อนไปยังฟอร์เต้นรำ คณาทิปยื่นมือออกไปรับประคองหล่อนเดินไปด้วยกันท่ามกลางไขมันที่ยังกระเพื่อมทิ้งไว้ตรงที่เดิม ท่าทางคณาทิปในตอนนี้ไม่ต่างกับหยิบต้นตำแย “ได้คู่เต้นรำหรือยังครับ” เสียงทุ้มดังอยู่ด้านหลังมะลิ ดวงตาวาววามกระตุกไปครู่หนึ่ง ก่อนเบิกขึ้นแล้วหมุนกายมาตามเสียงเร้าฟีโรโมน สายตาของหญิงสาวสำรวจเจ้าของเสียงทั่วร่าง นิ้วแกร่งกระดิกตรงป้ายหมายเลข “ยังค่ะ” มั่นใจเหลือเกินชายผู้นี้คือคู่เต้นรำของเธอในค่ำคืนลึกลับนี้ตรงอกเสื้อคือหมายเลขที่ตรงกัน “ขอมือหน่อยครับ” เขาเอ่ยเสียงนุ่มต่อเธอ หัวใจมะลิแทบละลายเป็นหยดน้ำไปอยู่ในมือเขา มือเรียวเล็กค่อยๆวางบนฝ่ามือใหญ่สะอาด ยิ่งเมื่อได้วางลงไปความอุ่นวาบครอบคลุมมือเรียวของมะลิจนรู้สึกถึงกระแสความรู้สึกที่บอกตัวเองไม่ได้สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร มะลิเหมือนล่องลอยอยู่กลางอากาศ ร่างสูงพาหญิงสาวไปกลางฟอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่มะลิแทบจับทางไม่ถูก เสียงเพลงรอบกายดับสนิทมีเพียงเสียงทุ้มเอ่ยปากบางเบาเจรจากับเขาเท่านั้น หัวใจดวงน้อยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาเคลื่อนกายตามจังหวะเพลงได้พลิ้วไหว ผิดกับมะลิที่เคยออกงานกับเจ้านายนับครั้งได้ ขยับเท้าติดๆขัดๆหากไม่มีเขานำทางเธอคงเหยียบเท้าในรองเท้าหนังสะดุดตาเงาวับ แม้จะหลงใหลในเสน่ห์บนเรือนกาย ไรหนวดสะดุดตา มะละยังมีเวลาสังเกตรองเท้าที่เขาใส่เพียงแค่มองผ่านแวบเดียว จอห์น ลอบบ์ รองเท้าหรูหราสัญชาติอังกฤษ โดดเด่นที่หนังและการตัดเย็บอันประณีตบรรจงทุกฝีเข็ม รองเท้ายี่ห้อนี้ไม่มีขายทั่วไปนอกจากผู้ซื้อต้องสั่งตัดเท่านั้น บางคู่ยังแพงกว่ารถยนต์บางคันด้วยซ้ำ ลองคิดดูมันจะแพงหูฉีกแค่ไหน บนเนื้อตัวเขาถูกอัดแน่นไว้ด้วยสินค้าแบรนด์ดังทั้งหมด ไม่เว้นแม้เนกไทผ้าไหมสีชมพูอ่อนกว่าสูทเท่ สีหวานเส้นนั้นด้วย มะลิลอบกลืนน้ำลาย คืนนี้หญิงสาวบอกตัวเองว่าช่างโชคดี ได้เต้นรำกับมหาเศรษฐี ชีวิตนี้คงจำไปจนตาย เสียแต่ว่าไม่ได้เห็นหน้าเท่านั้นเอง อาดิลจ้องมองหญิงสาวโดยไม่สนใจทัศนียภาพรายล้อมรอบกาย ต่อให้แขกที่มาร่วมงานมากน้อยสักเพียงไรก็ตาม สมาธิของเขาในตอนนี้จับจ้องอยู่แต่เรียวปากฉ่ำหวานวาววับสีชมพูน่าลิ้มลอง ขณะมะลิชื่นชอบไรหนวด จมูกโด่งเป็นสันบนดวงหน้าคม ไม่ผิดหากเธอจะขอจับจ้องเขากลับบ้าง ทั้งคู่เพลินอยู่กับเสน่ห์ของกันและกัน มะลิพบว่าใบหน้าหล่อคมคายของเขาโน้มเข้าหาเธอเธอด้วยความจงใจ ต่ำลงมาชิดอีกนิดหัวใจหญิงสาวเต้นผิดจังหวะ ไม่อยากคิดไปไกลว่าเขากำลังต้องการจูบเธอ ด้วยสัญชาติญาณการเฝ้ารอดวงตาวามปิดลงด้วยแอบคิดว่าเขากำลังคิดจะจูบเธอ จิตใจไม่ต่อต้าน ขณะริมฝีปากอาดิลเขยื้อนเข้าหากลีบปากระเรื่อวาววามของหญิงสาวด้วยอาการลืมตัว ทั้งลืมหายใจ ลมหายใจมะลิหยุดลงเพื่อสกัดกลั้นความตื่นเต้น และแล้ว พรึบ... ไฟฟ้าในห้องจัดเลี้ยงภายในโรงแรมหรูดับสนิททั่วทั้งอาคาร เสียงผู้คนอื้ออึง บ้างกรีดร้องบ้างตะโกนเรียกหากัน เปลือกตามะลิดีดผึงเมื่อสรรพสิ่งรอบกายฟังดูโกลาหลราวกับโลกกำลังจะแตก ทั้งที่เธอกำลังเข้าไปอยู่ในโลกของจินตนาการ “ไฟดับ” หญิงสาวสบถร่างบางตกเข้าไปอยู่ในอกแกร่งด้วยความว่องไว มะลิรู้สึกอบอุ่นในช่วงเวลาตื่นตระหนก แต่หากเมื่อสติถูกดึงกลับมาในเวลารวดเร็วฝ่ามือบางรีบผลักไสอกแกร่ง ดีดกายจ้ำอ้าวเดินหายออกไปทางประตู ทั้งที่ความลางสลัวเข้ามาเยือนแทนความสว่าง หญิงสาวเดินไปด้วยอาการทุลักทุเล มองเห็นทางเดินเพียงเลือนรางไม่รู้ชนใครมั่ง ชนวัตถุสิ่งใด รู้แต่ว่าต้องไปจากที่นี่โดยเร็ว เพื่อให้พ้นจากคู่เต้นรำมากเสน่ห์ หนำซ้ำยังจอมฉวยโอกาส ครู่ต่อมาเจ้าหน้าที่โรงแรม และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของงาน จึงสามารถจัดการกับสถานการณ์ให้เข้าที่ได้ ผลสรุปคือไฟฟ้าขัดข้องนิดหน่อยไม่มีปัญหา งานขอบคุณสื่อมวลชน ในช่วงสุดท้ายจึงดำเนินการต่อไปกระทั่งจบสิ้น   เช้าวันต่อมาที่หัวใจและร่างกายอาดิล ไม่สงบหลังจากงานปาร์ตี้ เขาไม่มีกระจิตกระใจพักผ่อนริมทะเลอีกต่อไปรีบเดินทางกลับปารีสในตอนเย็น พร้อมพกพาร่างกายไร้หัวใจกลับไปด้วย อาดิลทิ้งหัวใจไว้ที่เมืองไทยติดไปกับสาว W007 เมื่อคืนหลังจากไฟสว่าง เขาวิ่งออกไปตามหาหญิงสาว แต่เมื่อหาจนทั่วทั้งในห้องจัดเลี้ยง และหน้าโรงแรมกลับไม่พบเธอ ความรู้สึกยังตราตึงในจิตใจไม่ลืมเลือน ถึงแม้นั่งอยู่ในเครื่องบินจิตใจแข็งแกร่งยังอาวรณ์หญิงสาวตัวหอมไม่เลิกรา หล่อนรูปร่างงดงามไร้ที่ติแตะตรงไหน เพ่งตรงไหนกลมกลึงละมุนมือไปหมด ชายหนุ่มผู้คล่ำหวอดกับความสวยความงามไม่เคยตกอยู่ในภวังค์เช่นนี้มาก่อน นับว่าตอนนี้ขาดความเป็นตัวตนโดยสิ้นเชิง   อาหารที่พนักงานเสิร์ฟบนเครื่องนำมาวางจืดชืดสนิท แม้พนักงานเสิร์ฟเสียงหวานจับใจแค่ไหน ดวงตาคมวาวยังไม่สนเลยสักนิดผิดวิสัยอาดิล หล่อนให้เลือกอาหารเขายังไม่สนใจนอกจากบอกลอยๆ “ผมทานได้ทั้งนั้นวางลงเถอะ” เขาตอบขอไปที “ค่ะ” เสียงหวานตอบแล้ววางชุดอาหารให้กับชายหนุ่มที่นั่งเครื่องชั้นเฟิร์สคลาส จากนั้นพนักงานบนเครื่องสาวสวยจึงเข็นรถอาหารไปเสิร์ฟผู้โดยสารท่านอื่นต่อไป อาหารตรงหน้าไม่ถูกแตะเลยสักนิด มีเพียงน้ำส้มรสดีที่ถูกยกแก้วขึ้นแตะริมฝีปาก นึกปรารถนาให้น้ำส้มแก้วนั้นเป็นรถชาติของหญิงสาวคนนั้นเสียแทบขาดใจ “ไม่อยากเชื่อเลย”  อาดิลครางมโนภาพในหัวนึกถึงเซบาสเตียนขึ้นมาจับจิตที่มีภรรยาชาวไทย ยากเหลือเกินกับการสลัดความคิดให้หลุดจากสาวตัวหอมคนนั้นแต่ก็ต้องรีบสลัดให้หลุด เพราะเมื่อเท้าแต่แผ่นดินฝรั่งเศสเรื่องผู้หญิงมากเสน่ห์คนนั้นจะถูกลบเลือนไปโดยสิ้นเชิง อาดิลอดพรูลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนข่มตาให้หลับในเวลาต่อมา               บนสำนักงานนิตยสารแฟชั่นเลื่องชื่อ ร่างบางในชุดเดรสมีสไตล์ก้าวอย่างมาดมั่นเข้ามาหยุดในห้องทำงานของเจ้านายสาว เอ้ย หนุ่มยังพกพาใบหน้าสุดเซ็งจิตตกค้างจากงานปาร์ตี้เมื่อคืนอย่างเห็นได้ชัด แต่ลึกๆ ยังแฝงไว้ด้วยความสุขบางอย่างไม่สามารถบอกใครได้             “เรียกมาแต่เช้ามีอะไรให้รับใช้หรือคะเจ้านาย” เสียงหวานดังขึ้นหน้าโต๊ะทำงานใหญ่ของเจ้าสาวผู้มีรสนิยมไปทุกกระเบียดนิ้ว “ว้าย ! หลุยส์ อมานี แอเมส อกอีแป้นจะแตก โผล่เข้ามาไม่ให้ซุ้มให้เสียงยายจัสมิน” มือสวยยิ่งกว่าผู้หญิงยกขึ้นทาบอกหลังจากอุทานแปลกๆ แต่ไม่แปลกสำหรับพนักงานในไทม์ไลน์ เงยหน้ามองคนที่ตนนัดไว้ “อุทานซะหลายแสนเลยนะเจ๊ วันนี้แบกกระเป๋ายี่ห้ออะไรมา ถึงได้อุทานไม่เหมือนเมื่อวาน แต่ว่าทำหน้าเซ็งเป็ดเซ็งห่านแบบนี้อารมณ์ค้างหรือเจ๊” คนสวยหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน สั่งซื้อเป็นพิเศษลวดลายสินค้าดังลายตารางสีครีม             “มีงานสิยะงานสำคัญซะด้วย” เสียงเยือกเย็นสุดเซ็งไร้อารมณ์เอ่ยออกขึ้น นิ้วยังกรีดอยู่บนเอกสารในแฟ้มงาน             “มีงานก็ต้องน้ำเสียงเบิกบานร่าเริงสิเจ๊ ทำไมทำหน้าอย่างกับตูดลิง” สีหน้าเจ้านายคู่หูไม่กระตือรือร้นเอาซะเลย หรือว่าอารมณ์เสียกับงานระดับชาติเมื่อคืน             “เซ็งงานเมื่อคืนสิ ได้เต้นรำกับยายแก่หมูตอน เต้นทีกระบังนางป้านั่นพานจะทิ่มตาฉัน ทำไปได้หอบโคตรเพชรใส่บนสรรร่างหล่อน ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ถ้ารู้จักกับพวกโจรซะหน่อย ฉันนี่แหละจะโทรเรียกโจรมาปล้นนางป้านั่นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” ว่าด้วยอารมณ์ฉุนพ่นควันออกทางจมูกประกอบการคุยเต็มที่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD