ตอน 5

1433 Words
“คิดไปเองน่ะสิเจ๊” มะลิย้อนกลับ             “นั่นเป็นหน้าที่ของหล่อน ในการไขความจริงแกฉันและชาวโลก” โยนลูกไฟร้อนๆให้มะลิ             “สรุปยังไงก็ต้องให้มะลิ ไปสัมภาษณ์เขาให้ได้ว่างั้น”             “ถูก เพราะหล่อนสนทนาภาษาฝรั่งเศสได้คะแนนดีเยี่ยม”  งานนี้ทุ่มงบไม่อั้นแต่ไปได้คนเดียว งบมีจำกัดหอบกันไปหลายคน มีหวังสำนักพิมพ์ขาดทุนย่อยยับ รู้ๆ กันอยู่ค่าครองชีพที่ฝรั่งเศสแพงหูฉีก เงินยูโร เงินฟรังก์ ค่าสูงกว่าเงินไทย             “เหตุผลแค่นี้” หญิงสาวแบมือสองข้างทวนความตั้งใจ ทั้งหมดที่เจ้านายพึงประสงค์จริงๆ             “หรือหล่อนจะให้นางแจสไปล่ะ ได้ขายหน้ากันทั้งบาง” แจสที่คณาทิปกล่าวถึงคือทอมบอยตัวเล็กแต่งตัวเลียนแบบผู้ชาย เซตผมปิดหน้าปิดตาเลียนแบบวงบอยแบนด์ พูดจาฮะ ครับจีบสาวไปทั่วสำนักงาน ไร้รสนิยมในการแต่งตัว ทำหน้าที่จัดการตรวจงานก่อนส่งโรงพิมพ์             ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นร่างเล็กที่กำลังถูกกล่าวถึง ก้าวเข้ามาแทรกบทสนทนา             “ดีครับเจ๊ ทำไมวันนี้เจ๊เอามะลิของผม มาแอบไว้นานตังล่ะฮะ เมื่อคืนก็หายไปด้วยกันผมชักสงสัย มีอะไรกันเปล่าเนี่ย” พูดถึงเสียงมันขึ้นตายยากจริงๆ แถมมาพร้อมกับคำกล่าวหาเจ้านายซะอีก แจสตีสนิทไปหมดไม่เคยไว้หน้า ที่ยังไม่ทำคือปีนขึ้นมาเล่นบนหัว วันนี้ปรากฏกายในกางเกงยีนมอซอเก่าขาดเข่าเกาะสะโพกจะหลุดไม่หลุดแหล่ เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่คิดว่าเท่ที่สุดในชีวิต ทรงผมปิดหน้าปิดตาเทรนด์ใหม่ทางเกาหลี ทำไปได้             “สงสัยอะไรยะไอ้แจส” เจ้านายแหวเมื่อถูกแซว จากปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของแจส ที่ว่าไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมก็แจสเพิ่งเรียนจบ ปวส. แล้วก็เข้ามาทำงาน เด็กสุดในสำนักพิมพ์ก็ว่าได้ นอกจากการตรวจงานก่อนส่งโรงพิมพ์แล้ว แจสยังรับหน้าที่จิปาถะ วิ่งซื้อข้าวซื้อน้ำให้กับพี่ๆในสำนักงานใช้แรงงานกันได้คุ้มสุดๆ             “สงสัยว่าเจ๊ เป็นเกย์ควีนหรือชายแท้” แจสยื่นปากหาเสี้ยนให้มันตำปากตัวเองเล่น             มะลิสบตาคณาทิปประหลับประเหลือก แล้วก็นิ่งไม่พูดอะไร เออ...ว่าแต่เธอก็เริ่มสงสัย จริงๆ คณาทิปเป็นแบบไหนกันแน่             “นี่ นางจัสมิน หล่อนคงไม่คิดแบบไอ้แจสใช่ไหม” เอ่ยถามลูกน้องสาวสวยถึงมะลิจะสวยและมีโอกาสไปร่วมงานนอกสถานที่ด้วยกันบ่อยๆ เชื่อเถอะรับรองว่าคณาทิปไม่เปลี่ยนใจจากการค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้เมื่อตอนเรียนมัธยมต้นอย่างแน่นอน เขาชอบความอบอุ่นจากอกล่ำๆของผู้ชาย โตขึ้นก็ชอบกล้ามล่ำของผู้ชายนำเข้า ไม่ชอบหนุ่มไทยร่างบอบบางอีกต่อไปเพราะรูปร่างคณาทิปไม่เหมาะกับการกินผู้ชายไทย เขาสูงถึง180 เซนติเมตร ฉะนั้นผู้ชายที่เหมาะคงต้องชายนำเข้าจากฝั่งยุโรปเท่านั้น             “เปล่า แค่สงสัยว่าทำไมสำนักพิมพ์เรา เป็นสถานที่รวบรวมคนผิดประเภทหรืออย่างไร” มะลิไม่ติดใจคำถามจากปากแจส แต่ติดใจตรงที่สำนักงานไม่ใหญ่ไม่เล็กแห่งนี้ไยรวบรวมเพศที่สามที่สี่เต็มไปหมด ตั้งแต่แม่บ้านที่ควรเรียกพ่อบ้านเสียด้วยซ้ำยังสาวแตกจนถึงแก่แตก เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ต่างมีสไตล์เป็นของตัวเองอย่างเด่นชัด             “นี่นางจัสมิน” คณาทิปตวาดเสียงสูงปรี๊ด จนมะลิร่างบางเพรียวระหงแทบปลิวตามแรงน้ำลาย             “โอยๆ เจ๊อย่าเพิ่งเคืองสิ”  มือบางยกห้ามทับฟ้อนเล็บ เมื่อคณาทิปทำท่ากางกรงเล็บนางเสือร้ายหมายขย้ำเหยื่อ             “แกว่าฉันผิดเพศ” คราวนี้เท้าสะเอวชี้หน้าว่ามะลิด้วยแววตาเดือด             “นั่นสิมะลิจ๋า ว่าแจสด้วยนะจ๊ะ” แจสเสริมอีกคนเดือดร้อนกับคำกล่าวหาไม่ต่างกัน             “แจสออกไปก่อนเจ๊จะคุยงานกับจัสมิน” ฝ่ายคณาทิปตัดบท ไม่อยากสนทนานอกเรื่องอีกต่อไป ไอ้หมอนี่มาทีไรวงแตกทุกที             “อ้าวเจ๊ ไล่เลยหรือ ว่าแต่อย่ากักตัวมะลิของแจสนานนักนะเจ๊ แจสคิดถึงหวานใจ” แจสไม่วายแกว่งปากลับฝีปากกับคณาทิปก่อนจากไป             “เออ...” คณาทิปปัดมือไล่แจสอย่างรำคาญลูกตา ไอ้ทอมบอยตามส่งขนมนมเนยให้กับมะลิหลายเดือนก็ว่าได้ มันไม่ดูรูปร่างไม่ส่วนกับมะลิเลยจริงๆ ก็เพราะแม่มะลิกลิ่นฟุ้งคนนี้คนเดียวทำให้สำนักงานสั่นยิ่งกว่าแผ่นดินไหวหลังจากครองความโสดไม่นาน ทั้งชายแท้ชายเทียมไม่เว้นแม้แต่เลสยังตามรุมทึ้งจีบกันถ้วนหน้า             แจสจากไปพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง             “มาคุยเรื่องของเราต่อกันเถอะ ไอ้แจสเข้ามาทีไรเสียงานทุกที” คณาทิปหันกลับมาสนใจงานที่คุยค้างไว้             “เอายังไงล่ะเจ๊”             “นี่คือรายละเอียดต่างๆ ระบุไว้ในแผนงานบนแฟ้มเอกสารหมดแล้วดูซะ” คณาทิปเลื่อนเอกสารที่ตนร่างขึ้นมาอย่างเร่างดวนเลื่อนไปตรงหน้ามะลิ             หญิงสาวรับมาเปิดอ่านเอกสารหน้าแรกโดยละเอียด คณาทิปค่อนข้างละเอียดเกี่ยวกับเรื่องงาน ลูกน้องทุกคนเข้าใจงานในหน้าที่อย่างง่ายดาย เพราะการวางแผนดีเยี่ยม กระทั่งอ่านจบมะลิถึงกับตาลุกวาว วางแฟ้มเอกสารงานด่วนลงกับโต๊ะทำงาน เงยหน้ามองเจ้านาย             “เจ๊ล้อเล่นใช่ไหม” ประโยคแรกหลังจากอ่านเอกสารจบถูกถาม             “มีประโยคไหนล้อเล่นอย่างนั้นหรือ จัสมินไหนบอกเจ้ามาซิ” ฝ่ายเจ้านายที่เคยล้อเล่นจนชินตา แต่คราวนี้แข็งขึงจนน่าเกรงขาม             “บินอาทิตย์หน้านี่นะ” มะลิทวนหมายกำหนดการในเอกสารอย่างไม่อยากเชื่อว่างานนี้ต้องเดินไปเร็วขนาดนี้             “อืม...สิ” คณาทิปยืนยัน             “ไวไปเปล่าไม่ให้เตรียมตัวเตรียมใจเลยนี่นะ” หญิงสาวค้านพลางใบหน้าง้ำ               “ปักหลังเดือนหน้าฉบับที่มีบทสัมภาษณ์อาดิล ต้องเด่นหราอยู่ในหน้านิตยสารของเรา รู้อย่างนี้แกจะรอไปชาติหน้าหรือยังไง” ปากร้ายเช่นเคย แต่ก็น่ารักกับลูกน้องเสมอมา             “ถ้าไม่ทัน” อีกฝ่ายพยายามโต้แย้งเพื่อให้คณาทิปเลิกล้มโครงการนี้ซะ เห็นว่ามันไม่มีประโยชน์และไม่ใช่แนวทางของสำนักพิมพ์แต่อย่างใด ลำพังบทสัมภาษณ์คนในแวดวงแฟชั่นที่จิดาภาทำอยู่ก็ดีมากแล้ว ทำไมต้องเสาะหาเพื่อให้มาถึงบทสัมภาษณ์นักธุรกิจต่างชาติ เท่ากับเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับสำนักพิมพ์โดยใช่เหตุ             ค่าตัวนางแบบนายแบบที่ติดต่อมาขึ้นปกแต่ละปักปาเข้าไปหลายแสน ยิ่งได้นางแบบหรือนายแบบดังหน่อยคณาทิปต้องควักกระเป๋าครึ่งล้านเป็นอย่างต่ำ แต่สำหรับเสื้อผ้าไม่เน้นเท่าไหร่สำหรับนิตยสารไทม์ไลน์ เน้นเผยสัดส่วน ผิวพรรณนางแบบนายแบบและเทรนด์การแต่งหน้าล้ำสมัยเข้าว่า              “ต้องทันจัสมิน ไม่มีคำว่าถ้าไม่ทัน รู้ไหมเจ้วางใจจัสมินมาก แล้วไม่ต้องถามทำไมไม่ให้เจ้าของคอลัมด์อย่างจีด้าทำล่ะเจ๊” ดักทางอย่างรู้เป้าหมายในคำถามอ่านจากแววตาของลูกน้อง             “ยัยจีด้าน่ะนะ มันถนัดวงการแฟชั่นไทยมากกว่า แต่คราวนี้เจ๊ต้องการโกอินเตอร์ สัมภาษณ์คนดังระดับข้ามประเทศบ้าง”  กล่าวเน้นจุดประสงค์หลักอีกครั้ง ฉะนั้นถือเป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ คณาทิปทุ่มทุนสร้างเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ทุกครั้งไล่ตามสัมภาษณ์คนดังในแวดวงแฟชั่น ต่างล้วนคัดสรรแล้วทั้งสิ้น แม้แต่กานต์ดา แย้มชัยชาญ เคยถูกสัมภาษณ์ลงในนิตยสารมาแล้ว               “ว่าแต่งานของมะลิล่ะ” สงสัยว่าใครจะทำงาน ในส่วนคอลัมด์ที่เธอรับผิดชอบ             “เจ๊จัดให้ยายจีด้าทำแทนหล่อน ถือว่าสลับหน้าที่กัน บอกเจ๊ได้ใครกล้าหือไม่อยากทำแทนหล่อนเจ๊ นี่ล่ะจะจัดการเอง” วางหมากไว้ขนาดนั้นใครจะกล้าหือ เจ๊ล่ะก็ “อ่านรายละเอียดทั้งหมดแล้วไปเตรียมตัวซะ นี่ตั๋วเครื่องบินสู่ฝรั่งเศส” ยื่นตั๋วเครื่องบินให้หญิงสาวไม่รั้งรอ               “ซื้อตั๋วแล้วด้วย ไวเว่อ” มะลิมองตั๋วเครื่องบินที่วางอยู่บนโต๊ะ ด้วยสายตาละห้อยไอ้อยากเที่ยวฟรีก็อยากแต่ต้องตามสัมภาษณ์คนเข้าถึงยากขนาดนั้น ทำใจลำบากสักหน่อยโอกาสได้เที่ยวก็คงหดหาย เฮ้อ...มะลิคิดอย่างปลงตก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD