CHAOTIC LOVE : 21

1157 Words
“เดี๋ยวสิคะ ดื่มด้วยกันสักหน่อยสิ ริสาไม่ใส่ไซยาไนด์ให้คุณกินหรอก การตายสำหรับคุณ มันไม่ทรมานเท่ากับอยู่หรอกเนอะ คิดเหมือนริสาไหม” เธอว่าพร้อมรอยยิ้มร้าย แก้วไวน์ถูกชูขึ้น ตามมาด้วยคำสั่งเสียงเข้มในฐานะลูกค้ารายใหญ่ที่ผมปฏิเสธไม่ได้ “ตรวจดูเอกสารตรงนี้ค่ะ ฉันอยากได้คำแนะนำตอนนี้เลย” ผมคว้าขวดน้ำเปล่าที่ยังไม่ถูกเปิดมาหนึ่งขวด รินใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม “ระวังตัวดีจังเลยนะคะ” เธอพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะดื่มไวน์ในแก้วตัวเองตามเข้าไป “คิดว่าริสาไม่รู้จักคุณรึไงคะ พีรกานต์” เธอแค่นหัวเราะออกมาราวกับคนบ้า ผมเบิกตากว้างมองแก้วเปล่าที่คว่ำอยู่โต๊ะที่เหลืออีกสองใบ ล้วนมีคราบน้ำบางอย่างป้ายอยู่ด้านใน นั้นแปลว่าแก้วที่ผมเพิ่งดื่มเข้าไปก็ไม่รอด “แม่ง...” ผมสบถให้กับความประมาทของตัวเองพลางยกมือยีผมอย่างหัวเสีย สิ่งเดียวที่ต้องทำตอนนี้ก็คือรีบพาตัวเองออกจากที่นี่ ถึงจะไม่รู้ว่าสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายคืออะไร แต่มันต้องไม่ใช่ของดีแน่ และอีกตั้งกว่ายี่สิบนาที ผมไม่รู้ว่าจะรอไอ้เตไหวรึเปล่า ประตูห้องถูกเปิดออกก่อนที่ผมจะเอื้อมมือจับ ชายชุดดำสองคนดันผมให้กลับเข้ามาอยู่ตำแหน่งเดิม ดูเหมือนจะไม่ใช่ยาสลบหรือยากล่อมประสาทธรรมดา ยาปลุกเซ็กซ์งั้นสินะ... ผมสะบัดหัวไปมาในตอนที่เริ่มมึนงงเล็กน้อยและมีความต้องการเพิ่มขึ้น ยังมีชายชุดดำสองคนเดินอุ้มร่างไร้สติของผู้หญิงเข้ามา ทุกอย่างบนโต๊ะถูกกวาดลงบนพื้นจนแตกกระจายจากฝีมือของริสา “เด็กสองคนนี้เป็นพนักงานใหม่ของพีพีเอ็น” เธอว่าขณะผู้หญิงทั้งสองถูกวางบนโต๊ะแทนที่อาหารที่กลายเป็นเศษขยะพวกนั้น ผมหมุนตัวไปอีกทางพลางสะกดความร้อนรุ่มที่วิ่งพล่านไปทั่วร่าง “ริสาจัดมาให้” เธอยังเดินตามมายืนตรงหน้าผมและพล่ามต่อไม่หยุด “กฎเหล็กของบอร์ดบริหารว่าไงนะคะ ห้ามทายาทของพีพีเอ็นทำเรื่องอื้อฉาวกับพนักงานของบริษัท” “คิดว่าแคร์?” ผมพยายามข่มเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด “การที่คุณถูกถอดจากบอร์ดบริหาร ริสารู้อยู่แล้วว่าคุณไม่แคร์ แต่ผลที่ตามมามันน่าสนใจกว่า พีพีเอ็นจะขาดทายาทคนเก่ง ผู้ลงทุนคงจะเสียวสันหลังกันน่าดู หุ้นก็จะดิ่งลงเหว รอบนี้ขอเล่นใหญ่หน่อยนะ” “ฉันไม่สน” ผมกดเสียงต่ำแสร้งมองไปทางอื่น ยิ่งสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้หญิงมันยิ่งยากต่อการควบคุม ถึงเธอจะน่ารังเกียจมาก ผมก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองมีความสามารถต้านฤทธิ์ของยาได้มากแค่ไหน “ค่ะ คุณมันไม่เคยสนใจชีวิตใครอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ริสาทำอะไรได้มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะคะ กลัวไว้บางก็ดี” “อย่า…มาใกล้ฉัน” ผมว่าขณะถอยเท้าออกห่างตัวอันตรายหลายก้าว “โอ๊ะโอ! คุณต้านทานมันไม่ไหวหรอก เมื่อก่อนริสาเคยอยากได้คุณมากนะ แต่ตอนนี้อยากเห็นคนที่หยิ่งยโสและอวดดีอย่างคุณมาคุกเข่าขอร้องอยู่ตรงหน้าริสามากกว่า ทำสิ…แล้วริสาจะพิจารณาเรื่องนี้ใหม่” เธอยกมือขึ้นกอดอกขณะพูดและหลุบมองพื้นเล็กน้อยตรงคำว่า ทำสิ ในประโยคของเธอ “....” ผมกำหมัด ขบกรามแน่น ทั้งข่มความโมโหและความอยากในเวลาเดียวกัน แต่ต่อให้ผมตาย ผมก็ไม่ทำแบบนั้น “ดี…ริสาจะรอดูความฉิบหายของพีพีเอ็นในวันพรุ่งนี้นะคะ” พูดจบเธอก็เดินออกไปและไม่ลืมทิ้งคำสั่งให้ลูกน้องตัวเอง “สั่งปิดห้องนี้แล้วล็อกไว้จนกว่าจะเช้า” “ครับนายหญิง” หลังจากที่ประตูถูกปิดสนิท ผมพาตัวเองไปอยู่อีกมุมห้องทรุดลงนั่งกับพื้นเพื่อที่จะไม่ต้องเห็นเรือนร่างของผู้หญิงสองคนบนโต๊ะ พร้อมกับล้วงมือถือขึ้นมาต่อสายหาไอ้เตอย่างร้อนรน “แม่งเอ๊ย!!” ผมสบถเสียงลั่นเมื่อพบว่าสัญญาณมือถือถูกตัด อัตราการเต้นของหัวใจพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ พอๆ กับอุณหภูมิในร่างกาย เนกไทถูกรูดลงมาเกินครึ่งและปลดกระดุมออกสองสามเม็ด ภาวนาให้ไอ้เตมันมีความสามารถมากพอที่จะเข้ามาหาผม หลังจากผ่านไปกว่าสิบนาที ผมก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กอยู่หน้าประตูและโชคยังดีที่ผมไม่ได้ดื่มเหล้า เพราะงั้นฤทธิ์ยายังอยู่ในจุดที่ควบคุมได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งเร้าอีกนั่นแหละ ถ้ามีผู้หญิงมายืนอยู่ต่อหน้า ผมก็คงห้ามไม่อยู่เหมือนกัน และไม่นานประตูก็ถูกเปิดพร้อมกับเสียงเรียกหาของไอ้เต “เจ้านาย…” ลมหายใจถูกพ่นยาวอย่างโล่งอกแต่ภายใต้กางเกงคับแน่น “กูไม่เป็นไร” ผมยันตัวลุกขึ้นยืน “ไหวไหมเนี่ย” ไอ้เต ปรี่เข้าหาผม ทำหน้าตกใจสุดขีด ซีนนี้ต้องยกให้เป็นลูกน้องคนโปรดไปโดยปริยาย เรื่องความฉลาดไว้ใจมันได้เสมอ “มึงรีบไปส่งเด็กสองคนนั้น อย่าให้ข่าวหลุดเด็ดขาด” ผมว่าและพาตัวเองออกจากห้อง หางตาเหลือบไปเห็นชายชุดดำหนึ่งคนนั่งพิงประตูอย่างไร้สติ แน่นอนว่าคนเดียวทำอะไรคนอย่างไอ้เตไม่ได้ อีกอย่างมันไม่ได้ใช้กำลังแต่มันใช้สมอง เธอยังช้ากว่าฉันหนึ่งก้าวเสมอนะ…ริสา ผมแสยะยิ้มให้ไอ้เวรลูกกระจ๊อกนั่น ก่อนจะรีบพาสภาพไม่เต็มร้อยของตัวเองลงไปยังลานจอดรถ ตอนนี้ผมแค่ต้องถึงบ้านให้เร็วที่สุด…ทุกอย่างก็จะจบ แต่พอมาถึงผมทำได้แค่นั่งฟุบกับพวงมาลัยด้วยความทรมาน ความต้องการวิ่งพล่านไปทั่วร่าง ฤทธิ์ยามันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจนทุกอย่างแทบจะระเบิดออกมา ถึงจะควบคุมได้แต่ ไม่ใช่ว่าจะไม่อยาก ด้วยสภาพร่างกายและสภาพอากาศทำให้ผมไม่กล้าออกรถในตอนนี้ ทำได้แค่กำหมัด กัดฟันแน่น…ข่มไฟร้อนดั่งลาวาที่มันปะทุอยู่ภายใน ก๊อกๆๆ ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนเงยหน้ามองผ่านกระจกที่ถูกเคาะ ตอนแรกคิดว่าเป็นไอ้เต แต่ไม่ใช่…และผมหลุดปากเรียกสรรพนามที่ใช้เป็นประจำอย่างเลื่อนลอย “หมาน้อย…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD