[Part Plernta]
กระจกรถค่อยๆ เลื่อนลงและหยุดไว้แค่ครึ่ง ไอเย็นจัดของเครื่องปรับอากาศภายในปะทะเข้าใบหน้าจนขนลุกวาบไปทั้งตัวจังหวะที่ฉันก้มมองคนที่นั่งหลังพวงมาลัย นี่เขาจะแช่แข็งตัวเองรึไงนะ
วันนี้เขามาในลุคบอสสุดเนี้ยบ ที่อยู่ในช่วงเวลาเลิกงานแล้ว เพราะสูทถูกถอดพาดไว้บนเบาะ เนกไทก็รูดลงมาเกินครึ่ง กระดุมเสื้อเชิ้ตก็ถูกปลดออกจนเกือบหมด เผยให้เห็นรอยสักรูปวาฬบนอกซ้ายโผล่ออกมานิดหน่อย ก่อนที่จะลากสายตาขึ้นมาโฟกัสใบหน้าเขาและเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เฮียมาจอดรถทำอะไรตรงนี่คะ”
สิ้นเสียงฉัน เขาเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทางขณะถามกลับ
“ละ...แล้ว…เธอมาทำอะไร” เสียงเขาดูแปลกไป มันแหบพร่าแล้วยังมีความสั่นปนอยู่หลายส่วน มือหนากำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเขายังพยายามหลบสายตาฉันอีกด้วย
เกิดอะไรขึ้นกับเขานะ…
“เพลินมากินข้าวกับป๊าม้าค่ะ เห็นรถเฮียจอดอยู่ แต่โทรไปไม่ติด แชทก็ไม่อ่าน ก็เลยเดินมาดูอีกรอบก่อนกลับ” ฉันตอบไปตามความจริง หลังจากไปส่งป๊าม้าขึ้นรถฉันก็ตรงปรี่มาที่รถเขาในทันที
“อือ กลับไปเหอะ”
“เฮียไม่สบายรึเปล่า” ฉันเอื้อมหลังมือข้างหนึ่งเข้าไปอังบริเวณหน้าผากและสัมผัสได้ถึงความอุ่นจัดจากตัวเจ้าของรถ เขาสะดุ้งเล็กน้อย พยายามเบือนหน้าหนี ก่อนที่ฉันเขยิบไปใกล้ขึ้น มือข้างเดิมยังประกบสลับไปมาของแก้มทั้งสองข้าง
“ทำไมตัวร้อนขนาดนี้คะ” ฉันถามอย่างร้อนใจ ทั้งที่ตัวเองเป็นไข้ยังมานั่งเปิดแอร์เย็นเฉียบแบบนี้อีก เกิดบ้าอะไรขึ้นมา
“ฉันไม่เป็นไร” เสียงกดต่ำลอดไรฟันออกมา เปลือกตาเขาปิดลงสนิททั้งสองข้างในขณะเดียวกับลูกกระเดือกเขายังมีการขยับขึ้นลงตลอดเวลา ฉันเริ่มรู้สึกว่าอาการเขาไม่ปกติ…
“ไม่เป็นไรได้ไงคะ เดี๋ยว…”
ฉันหยุดชะงัก กลั้นลมหายใจพร้อมกับเม้มปากเข้าหากันแน่นในตอนที่เขาจับมือฉันไปคลอเคลีย ลมหายใจร้อนที่เป่ารดส่งผลให้ร่างกายฉันถูกสะกดนิ่งงัน
และหลุดหายใจหอบหลังจากที่มือก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ คนในรถสะบัดศีรษะไปมาอย่างแรงพร้อมกำพวงมาลัยแน่นในขณะที่ฉันเองก็ดึงมือกลับมาจับสายกระเป๋าสะพายแน่นไม่แพ้กัน
“หมาน้อย” เขาหันมาสบตาฉันขณะเอ่ยเรียกสรรพนามที่ไม่ค่อยรื่นหูเท่าไหร่ แต่เชื่อไหม…อัตราการเต้นที่ยังไม่ปกติจากเหตุการณ์แรก ตอนนี้หนักกว่าเดิมหลายเท่าจนมันแทบจะทะลุออกมา ทั้งที่ยังมีกระจกกั้นระหว่างเราอยู่ครึ่งใบหน้า น้ำเสียงที่อ่อนโยนจนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ไหนจะแววตาที่ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไงออกมาจากดวงตาแดงก่ำคู่นั้นอีก…
แต่นี่เป็นสิ่งแปลกใหม่เพราะฉันไม่เคยเห็นจากผู้ชายคนนี้เลยสักครั้ง พิษไข้ทำให้เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอ
“ไปส่งฉันที่บ้านหน่อย”
เสียงปลดล็อกรถดังขึ้น ก่อนที่เขาจะย้ายตัวเองไปเบาะคนนั่งด้วยความทุลักทุเล สูทที่พาดอยู่ถูกดึงไปคลุมอยู่บนตักในเวลาต่อมาและเขายังเอื้อมไปด้านหลังเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาคลุมใบหน้าตัวเอง
ฉันเปิดประตูและขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยอย่างกล้าๆ กลัวๆ ไม่ใช่แค่เพราะเจ้าของรถเป็นเฮียฟิวส์ แต่เพราะฉันไม่เคยได้จับพวงมาลัยรถราคาแพงขนาดนี้ต่างหาก บวกกับสิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วย ใจฉันสั่นไปหมด
ลมหายใจถูกพ่นยาวผ่านปลายจมูกพลางดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด
อ๊ะ!!…ฉันสะดุ้งสุดตัวที่จู่ๆ เพลงก็ถูกเปิดดังลั่นโดยฝีมือเจ้าของรถ ฉันหันไปมองเฮียฟิวส์ด้วยความไม่เข้าใจ วันนี้เขาดูแปลกไปจากเดิมมาก…อาการค่อนข้างหนักอยู่นะหรือฉันควรโทรขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ เขาดี
เขาดึงผ้าลงเล็กน้อยให้พอมองเห็น จิ้มไปที่หน้าจอLEDหลายครั้ง ไม่นานก็แสดงการนำทาง พอเสร็จเขาก็พลิกตัวหันหลังให้ฉันดึงผ้าขึ้นปิดหน้าตัวเอง
“หูจะดับก่อนไปถึงไหมวะเนี่ย” ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนออกรถ
ใช้เวลาสักพักฉันก็มาจอดรถอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งตามที่เขาปักหมุดให้ ก่อนจะเหลือกตาขึ้นมองฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจเอาซะเลย ตั้งแต่ออกมาจากโรงแรมจนถึงตอนนี้ยังไม่หยุดและดูเหมือนไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
ฉันเอื้อมมือไปสะกิดเจ้าของบ้านที่ตลอดทางเขาดูกระสับกระส่าย ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้หลับ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร
เขาพลิกตัวกลับมากดปิดเพลง
“เธอเอารถฉันกลับไปได้เลย” เขาว่าพลางคว้ารีโมทและกุญแจที่วางอยู่ตรงซอกเกียร์รถ
“ไล่เฉย…” ถึงจะมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มหัวไปหมดแต่ฉันเลือกที่จะคว้าแขนเขาไว้ ฉันไม่ปล่อยให้คนป่วยลงไปท่ามกลางสายฝนแบบนั้นหรอก สำคัญคือไม่ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวในตอนนี้ด้วย
เขาทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถท่ามกลางสายฝนแต่ฉันคว้าแขนไว้ก่อน
“จิ๊!!” ตามสูตรเดิมเขาสะบัดแขนฉันออกด้วยความหงุดหงิด
“เอามานี่ค่ะ ใครจะปล่อยให้เฮียอยู่คนเดียวในสภาพแบบนี้” ฉันแย่งรีโมทในมือเขามากดเปิดรั้วบ้าน ส่งผลให้เจ้าของบ้านออกอาการหัวเสียหนักเข้าไปอีก เขาขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันในตอนที่รถเคลื่อนเข้าไปด้านใน แต่ยังไม่ทันจอดสนิทดี
เจ้าของบ้านรีบร้อนเปิดประตูลงจากรถและใส่แรงทั้งหมดที่มีขณะปิด จนฉันสะดุ้ง
ปึงงง!!
แต่ถึงจะตกใจแค่ไหนก็ทำได้แค่มองตามคนเจ้าอารมณ์ไป ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้เขาดูเอาแต่ใจมากกว่าปกติ บางทีอาจเป็นเพราะพิษไข้
ฉันรีบลงจากรถและตามไปประคองคนตัวสูงที่โซเซเล็กน้อยขณะก้าวเข้าประตู ดูเหมือนการทรงตัวจะกลายเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขาด้วย