สองชั่วโมงผ่านไป…
ฉันนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิมเพิ่มเติมคือหันหน้าเข้ากระจกใสที่กั้นระเบียงชั้นลอย ตั้งข้อศอกทั้งสองข้างบนหน้าขาฝ่ามือปิดแนบใบหู สอดส่องสายตาลงไปด้านล่างตลอดเวลา แต่ก็ไร้วี่แววเพราะเขาไม่ได้อยู่ในจุดที่มองเห็นจากด้านบน มีแต่เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มลั่นบ้าน
นี่ถ้าฉันอยู่บ้านข้างๆ นะ แม่จะเขวี้ยงหม้อ เขวี้ยงกะละมังให้
หูที่ดับจากเสียงกระหึ่มตอนขับรถมาก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ไหนจะมาเจอที่บ้านซ้ำเข้าไปอีก อื้อหมดแล้ว…
ฉันยังพ่นลมหายใจออกซ้ำๆ เนิ่นนานหลายนาที
ในที่สุดเวลาแห่งความเงียบสงบก็มาถึงสักที ไม่นานเจ้าของบ้านก็ปรากฏตัวในจุดที่ฉันมองเห็น เขาหยุดชะงักชั่วขณะในตอนที่กำลังก้าวขึ้นบันไดและย่นคิ้วมองฉัน
“มาทำอะไรตรงนี้”
ฉันดีดตัวลุกขึ้นยืนพลางหรี่ตามองผู้ชายที่อยู่ในชุดนอนผ้าละตินแขนยาวขายาวสีน้ำเงินเข้ม ที่กำลังเดินขึ้นมา เสียงไม่แหบพร่า ไม่มีอาการหายใจหอบ ไม่ขบกราม ไม่มีดวงตาแดงก่ำและแววตาดุดัน แสดงว่าเขาเป็นปกติแล้ว ค่อยหายใจโล่งหน่อย…
แต่ต่อมาสายตาฉันดันไปสะดุดเข้ากับลุคธรรมชาติของเขาแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ปอยผมยังมีความเปียกหมาดอยู่หลายส่วน ความกระเซอะกระเซิงที่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่สามารถทำอะไรใบหน้าฟ้าประทานของเขาได้เลยจริงๆ และฉันชอบเขาในแบบนี้ที่สุด ดูเรียบง่าย ไม่ได้ดูเป็นคุณชายที่แสนเย้ยหยิ่ง
อยากถ่ายรูปเก็บไว้จัง…
ฉันเผลอสูดกลิ่นหอมสดชื่นของครีมอาบน้ำที่ลอยฟุ้งรอบตัวเมื่อเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ประเด็นคือมันไม่ได้มาแค่กลิ่นไง
‘อารมณ์ฉันมันพุ่งไปเกินกว่าที่เธอจะรับไหวในครั้งแรก ถ้ามันได้ลงมือ ฉันไม่ใจเย็นกับเธอแบบนี้แน่’
ทั้งคำพูด ทั้งน้ำเสียง ทั้งแววตา แข่งกันวิ่งเข้ากระทบโซนประสาทไม่หยุด จนรู้สึกถึงความร้อนพุ่งขึ้นสูงฉับพลัน
มือเล็กยกขึ้นปิดแก้มสองข้างที่คิดว่ามันต้องแดงมากแน่…
เป๊าะ!
“อ๊ะ!…” เสียงร้องหลุดออกมาพร้อมมือข้างหนึ่งถูกยกลูบหน้าผากป้อยๆ ยู่จมูกใส่คนมือหนักตรงหน้า ดีดมาได้…ไม่ใช่ลูกแก้วนะ
“เป็นเด็กน้อย หัดคิดเรื่องลามก”
“หื้อ…” ดวงตาเบิกกว้าง เกิดอาการประหม่าเล็กน้อยในตอนที่ถูกจับได้…ทำไมถึงรู้ล่ะว่าฉันคิดอะไร
เสียงหัวเราะหึดังขึ้นก่อนที่เขาจะถอดสลิปเปอร์ไว้ตรงปลายเท้าฉันโดยไม่พูดอะไรและเดินไปแบบเท้าเปล่า ฉันกะพริบตาถี่มองตามแผ่นหลังกว้างไปแบบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
วันนี้วันเดียวฉันแทบจะเจอเขาในทุกโหมด
นาทีต่อมาหน้าจอคอมขนาดใหญ่ทั้งสามอยู่ในตำแหน่งหันหน้าเข้าหาเขาเปิดขึ้นพร้อมกัน แต่แสดงผลแตกต่างกันออกไป
ฉันรู้แค่ว่ามันเป็นกราฟของการเทรดหุ้นเพราะเรียนด้านบัญชี พออ่านได้ แต่เล่นไม่เป็น
เขายืนใช้มือลากเมาส์บนโต๊ะสลับหน้าจอดูเส้นกราฟสลับไปมาสักพักและเริ่มขยับริมฝีปากพูด
“เธอเอารถฉันไปก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันจะไปเอา”
“เฮียยังไม่ค่อยโอเคเหรอ” ฉันย่นคิ้วถาม ทั้งๆ ที่เขาดูปกติทุกอย่างแล้ว การขับรถไปส่งฉันคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ฉันไม่ขับรถตอนฝนตก”
“ทำไมล่ะ” ฉันอดที่จะสงสัยไม่ได้ รถยนต์นะ…ไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์ถึงขับตอนฝนตกไม่ได้ แต่เขาเงียบ
“....”
“งั้นเฮียค่อยไปส่งเพลินตอนเช้าก็ได้ เดี๋ยวเพลินนอนโซฟาข้างล่าง” ฉันยื่นข้อเสนอที่คิดว่าจะเป็นผลดีกับตัวเองที่สุด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะได้เข้ามาในโลกส่วนตัวของเขาแบบนี้
เขาละความสนใจจากทุกอย่างและหันขวับพร้อมคำปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ได้”
“ทำไมละคะ ขนาดเฮียยังไม่ขับรถตอนฝนตกเลย แล้วจะไล่ให้เพลินกลับตอนฝนตกหนักแบบนี้เนี่ยนะ มันอันตรายนะ ใจร้ายจัง” เหตุผลสามพันแปดที่ถูกหยิบยกขึ้นมา ทีเขายังกลัวอันตรายได้เลย แล้วฉันไม่ต้องกลัวบ้างรึไงกัน
“อยู่กับฉัน…” เขาหยุดไว้แค่นั้นก่อนจะขยับเท้าก้าวเข้ามาทิ้งระยะห่างจากฉันประมาณสองก้าว “...มันอันตรายกว่าอีกนะ”
พูดแบบนี้แล้วคิดว่าฉันจะกลัวงั้นเหรอ…
“เฮียไม่ต้องมาขู่ เพลินรู้ว่าเฮียไม่ทำอะไรเพลินหรอก เพราะเฮียกลัวว่าจะได้รับผิดชอบเพลินใช่ไหมล่ะ” คำพูดทีเล่นทีจริงของฉันมันสะท้อนกลับมากระแทกหน้าอย่างจัง เมื่อฝ่ายตรงข้ามเงียบและหลบตา
เป็นที่รู้กันว่าเมื่อไหร่ที่มีการหลบตาเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้แค่สองอย่าง หนึ่งคือเขากำลังโกหกและสองเลี่ยงที่จะเผชิญกับความจริง ดูเหมือนคนตรงหน้าฉันจะเป็นอย่างหลัง
ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วนะ…แต่มันก็ยังจี๊ดๆ
นี่คือเหตุผลจริงๆ ของการยับยั้งอารมณ์ความต้องการที่ดูเหมือนจะพุ่งสูงของตัวเองเอาไว้ซินะ มาถึงตอนนี้ฉันเข้าใจความหมายแท้จริงของประโยคคำถามนั่นแล้ว
จริงอยู่ที่เขาดูเป็นห่วงฉัน แต่เขาก็ห่วงตัวเองด้วยเหมือนกัน เขาไม่ได้อยากเป็นคนแรก เขา
ไม่อยากรับผิดชอบ เขาไม่อยากมีชนักติดหลัง อีกอย่างก็คงเพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นล้วนแล้วคิดขึ้นมาเองจากการกระทำและคำพูดของเขา
แต่ก็ชัดเจนดี แล้วก็คงเป็นแบบที่เขาคิดจริงๆ ฉันงอแงกว่านี้แน่…ถ้าทุกอย่างมันไปถึงขั้นนั้น การหว่านพืชย่อมหวังผลเสมอ ยอมรับแบบแมนๆ เลย ว่าฉันอยากได้เขาเป็นแฟน ไม่ใช่แค่มีเซ็กซ์แล้วก็จบ
ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าทำให้เขาอ่านเกมขาดทุกอย่าง
เป็นฉันเองที่คาดหวังมากเกินไปหน่อย
แต่ไม่เป็นไร…อย่างน้อยฉันก็ได้ขยับเข้าใกล้เขามากขึ้นอีกหลายก้าว
“ยังไงก็ต้องกลับ” เขาทำลายความเงียบด้วยประโยคคำสั่งเสียงแข็ง
“ไม่ค่ะ” เขาคงไม่กล้าจับฉันโยนออกไปนอกบ้านหรอก
“พ่อเธอได้มาเป่ากระบาลฉันแน่” แปลกนะที่คนอย่างเขากังวลเรื่องแบบนี้ด้วย
“ไม่หรอกค่ะ เฮียไม่ได้ทำอะไรเพลินสักหน่อย ป๊าใจดีจะตาย อีกอย่างตอนนี้น่าจะกำลังจัดเตรียมข้าวของให้สมาชิกใหม่อยู่ ไม่มีเวลาสนใจเพลินหรอก”
“สมาชิกใหม่?” คิ้วหนาเลิกสูง
“ฮะเก๋าไง ป๊าม้ามารับกลับไปแล้ว” ถ้าป๊าม้าไม่มารับลูกหมาน้อย ฉันคงไม่ได้ไปกินข้าวที่โรงแรมนั้น ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าฉันไม่ไปที่นั่น ป่านนี้เขาจะอยู่บนเตียงกับผู้หญิงคนไหน…
เจ้าของบ้านถอนหายใจยาวอย่างเอือมระอาก่อนจะเดินกลับไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงาน ไม่วายที่จะทิ้งท้ายการไล่ฉันทางอ้อม
“ออกไปแล้วปิดบ้านให้ฉันด้วย”