21:35 น.
@Sosay Pub
เสียงเอะอะอึกทึกของเพลงแดนซ์ดังออกมาจากลำโพงที่ตั้งขนาบสองข้างเวทีขนาดย่อมหัวมุมสระน้ำขนาดใหญ่บนดาดฟ้าของผับสุดหรูใจกลางเมือง โดยมีดีเจสาวสวยสุดเซ็กซี่โยกย้ายร่างกายควบคุมโทนเสียงอยู่ตลอดเวลา เครื่องดื่มและอาหารถูกจัดเตรียมไว้ไม่อั้น ต่างถูกอกถูกใจของผู้คนที่ได้รับเชิญเป็นอย่างมาก ซึ่งฉันก็คุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขาอยู่แล้ว มีแต่กลุ่มฮอตๆ ในมหาลัยทั้งนั้น แต่น้อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลย รวมกันอยู่นี่ไม่ถึงสามสิบคนด้วยซ้ำ
ฉันนั่งเท้าค้างมองเหล่าผีเสื้อราตรีที่แหวกว่ายเข้าหาแสงวิบวับอยู่กลางสระน้ำด้วยท่าทางเหงาหงอย เพราะมิณต้องไปเคลียร์งานก่อน ส่วนบรรดาเจ้าภาพก็ต้องตอนรับแขกอย่างเต็มที่
อีกอย่างฉันนั่งรอมาเกือบชั่วโมงละ ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่ตั้งใจจะมาเจอเลย
ฉันลากสายตากลับมาจ้องน้ำสีเหลืองอำพันซึ่งเคลื่อนตัวอยู่ในแก้วจากการแกว่งไปมา ลมหายใจถูกพ่นยาวผ่านปลายจมูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า การรอคอยนี่มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยเนอะ
ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่ฉันเอาแต่เฝ้ารอเขา…
“หงอยอะไรขนาดนั้น”
เสียงทักทายที่ดังอยู่ในระยะประชิดทำฉันสะดุ้งเฮือกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
“คะ…คุณหมอ” ถึงฉันจะเอ่ยเรียกเจ้าของเสียง แต่สายตากลับเหลือบมองไปยังอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา แวบหนึ่งชายผู้นั้นหลุบมองบริเวณบาดแผลของฉันซึ่งมีผ้าก๊อซอันเล็กแปะไว้ ก่อนเบือนหน้าหนีไปทางอื่น พลางยกแก้วในมือขึ้นดื่ม
วันนี้คุณพีรกานต์มาในลุคหม่นๆ เชิ้ตสีเข้มดูแปลกตาไปสักหน่อย แต่เสื้อผ้าไม่ได้มีผลกับรูปร่างและหน้าตาเขาเลยสักนิด
และฉันจะประหม่าทุกครั้งที่เจอเขาเลยรึไงนะ...
“ทำหน้าเหมือนอยู่วันเช็งเม้งเลย”
เสียงแซวจากใครบางคนทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ นั่นจึงเป็นตอนที่ฉันเริ่มเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย ไม่ใช่มีแค่คุณหมอไวน์และเฮียฟิวส์ แต่ฝั่งซ้ายมือฉันยังมีคู่ของคุณวาโยกับคู่ของคุณแม็กซ์ด้วย ผู้ชายทั้งสองฉันรู้จักและเคยได้คุยด้วยบ้างตอนไปออกค่ายจิตอาสาเมื่อปีก่อน แต่ผู้หญิงของเขาทั้งสองนี่สิ…ไม่รู้จักเลย
ส่วนเจ้าของประโยคนั้นคือคุณวาโย
“คนนี้เหรอคะ เพื่อนมิณ” ผู้หญิงที่ยืนข้างคุณวาโยชี้มาทางฉันพลางเอ่ยถามแฟนตัวเอง
คุณวาโยพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้คุณหมอไวน์ เหมือนส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง
“เชื่อกูยังล่ะ” คุณหมอไวน์ถามกลับ
“เออ มึงเก่ง”
ฉันขมวดคิ้วมองสองคนนี้สลับไปมาด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไรกัน ทุกคนทำหน้าเหมือนมีลับลมคมใน อมยิ้มและมองมาด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย
แต่สัญชาตญาณฉันร้องเตือนแปลกๆ
“มีคนนั่งไหม” ผู้หญิงของคุณวาโยเอ่ยถาม
ฉันจึงสั่นหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ
“งั้นเรานั่งนี่เนอะ” เธอหันไปบอกคุณวาโย ก่อนที่ผู้หญิงทั้งสองจะเลื่อนเก้าอี้ออกนั่งโดยเว้นไปหนึ่งตัว คงเผื่อไว้ให้แฟนตัวเอง
ฉันยังลอบมองรีแอคชั่นของผู้ชายที่ยืนหันหน้าเข้าสระน้ำ เพราะมันยังมีที่เหลือพอสำหรับอีกสี่คนพอดีและฉันคาดหวังจะได้นั่งร่วมโต๊ะกับเขา
แต่ความฝันแตกกระจายอยู่กลางอากาศในตอนที่เจ้าของใบหน้าบอกบุญไม่รับเดินอ้อมไปอีกฝั่งของสระ ก่อนจะนั่งลงกับพวกรุ่นพี่เจ้าของงานแทน
ฉันถอนหายใจแรงหนึ่งครั้งพลางก้มหน้าลงกับแก้วเหล้าในมือ จนลืมสนใจทุกสิ่งอย่างรอบตัว
ผ่านไปสักพักฉันก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ พอคนเราถูกจ้องเป็นเวลานานเกินควร...ก็จะรู้ตัว
“อุ๊ย!” ฉันสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วปะทะกับสายตาทุกคู่ที่พร้อมใจโฟกัสมายังฉันคนเดียว “มะ…มองอะไรกันคะ”
“อ๋อ ก็วันนี้เพลินตาสวยเป็นพิเศษไง” คุณหมอไวน์ตอบแบบฝืนๆ พลางหลุบตาหลบ คำพูดที่ออกมาโดยไม่กล้าสบตานั่นแปลได้อย่างเดียวว่าไม่จริง และตามมาด้วยเสียงหัวเราะแห้งจากคนที่เหลือ
“ค่ะ…” ฉันทำได้แค่น้อมรับพร้อมยิ้มแหย่ ก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบ ความจริงวันนี้ฉันตั้งใจแต่งเป็นพิเศษ เลือกหยิบสายเดี่ยวไหมพรมสีดำเข้ารูปความยาวเหนือเข่าเล็กน้อยแต่แอบผ่าข้างลึกมาใส่ ก็ไม่ผิดจากที่คุณหมอไวน์พูดนะ แต่ทำไมพวกเขาต้องมีอาการไม่ปกติขนาดนั้นด้วย
แต่ก็นั่นแหละไม่ว่าจะแต่งมาสวยขนาดไหน เขาก็ยังไม่ชายตามองอยู่ดี นึกขำตัวเองเหมือนกันนะ...
“พี่ชื่อเฌอนะ ส่วนนั่น พี่ลลิล” ผู้หญิงที่นั่งข้างคุณวาโยเริ่มแนะนำตัวหลังจากที่เงียบกันไปหลายนาทีและชี้ไปที่ผู้หญิงอีกคนซึ่งนั่งข้างคุณแม็กซ์
ฉันยิ้มพร้อมก้มหัวเล็กน้อยให้ตามมารยาทของคนที่เด็กกว่า และเพื่อเลี่ยงจากสายตาหลายคู่ ฉันจึงตัดสินใจเบี่ยงตัวเข้าหาสระน้ำ ทำท่าเป็นเอ็นจอยกับผู้คนที่อยู่กลางสระ แต่แท้จริงแล้วจุดโฟกัสยังอยู่ที่ผู้ชายคนเดียว คนนั้น…
ซึ่งเขาอยู่ในท่านั่งหันข้างมาทางฉัน ใบหน้าคมนิ่งเฉย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงคิ้วเข้มที่ขมวดยุ่งตลอดเวลา
ดูเหมือนจะมีผู้หญิงอยากถวายตัวให้เขาอยู่ไม่น้อย จริงอยู่ที่เขาไม่มีท่าทีว่าสนใจ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือไล่พวกเธอออกห่าง ส่งผลให้อารมณ์ฉันเริ่มไม่ปกตินิดหน่อย บ้าฉิบ…ไม่ได้ตั้งใจจะมาเห็นอะไรแบบนี้ซะหน่อย
ปึก!!
จนเผลอใส่แรงกับแก้วที่ถูกวางลงบนโต๊ะมากเกินควร ทำให้ทุกคนสะดุ้งพร้อมเพรียง รวมถึงฉันด้วย…
“ขอโทษค่ะ” ทำตัวไม่มีมารยาทอีกแล้ว…อยากจะตบกระบาลตัวเองจริงๆ
“เพลินขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” ฉันผุดลุกจากเก้าอี้ พลางเหลือบมองผู้ชายที่ถูกรุมล้อมชั่วครู่ก่อนจะเดินไปตามทางด้วยความหงุดหงิด
“ที่มาก็คงเพราะสิ่งนี้สินะ ผู้ชายก็คือผู้ชายอยู่วันยังค่ำ” ฉันบ่นอุบ ในตอนที่ล้วงมือถือขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนรัก ขณะหยุดยืนทิ้งร่างกายด้านข้างพิงพนักกำแพงปากทางเข้าห้องน้ำซึ่งไกลจากประตูทางออกดาดฟ้าพอสมควร
ไม่นานอีกฝั่งก็รับสาย
[ว่า]
“เมื่อไหร่มึงจะขึ้นมา กูจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
[ทำไม มีอะไร] สิ้นคำถามนั้นฉันก็รัวใส่ชุดใหญ่ เพราะอัดอั้นอยากระบายเต็มทีแล้ว
“มึงรู้ไหม พอเขามาถึง ก็ไม่ได้สนใจใครเลย นอกจากสาวสวยเซ็กซี่ในชุดบิกินี่ ไหนมึงบอกว่าเขาโลกส่วนตัวสูงไง สูงห่าอะไร แทบจะสิงกันอยู่แล้ว อีกนิดคือจะเอากันอยู่แล้วนะ เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด…”
“พูดถึงฉันอยู่เหรอ”