CHAOTIC LOVE : 16

1441 Words
“แล้วเฮียจะกลับเลยเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามหลังเร่งฝีเท้าไปขนาบข้างเขาได้สำเร็จ “ยุ่ง” คำเดียวเน้นๆ แต่ไม่เป็นไร…เปลี่ยนเรื่อง “งั้นเฮียได้กินของที่เพลินส่งไปให้ไหมคะ” ฉันเอียงคอถามขณะที่ฉันก้าวเท้าไปตามทาง “ไม่” “ทำไมล่ะคะ เพลินไม่ได้ใส่อะไรลงไปหรอกน่า มันอร่อย…อ๊ะ” ฉันต้องรีบพูดก่อนที่จะลงไปถึงด้านล่างเพราะเดี๋ยวเสียงมันจะดังมากเกินกว่าที่จะคุยกันแบบปกติ แต่ยังพูดไม่ทันจบก็มีคนเดินสวนขึ้นมาเฉี่ยวไหล่ฉันจนเสียหลักเล็กน้อย ดีที่ยังคว้าราวบันไดไว้ได้ ในตอนที่ผู้ชายคนนั้นก้มหัวให้เล็กน้อยแทนคำขอโทษและฉันก็ทำแบบเดียวกันกลับไปตามมารยาท วูบหนึ่งฉันเฮียฟิวส์หยุดชะงักพร้อมตวัดตามองคนที่เดินมาชน แล้วเลื่อนมาจ้องหน้าฉัน “หยุดพูด แล้วดูทาง” ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ก่อนจะเดินตามหลังเขาเงียบๆ จนมาถึงลานจอดรถด้านข้าง “ตามมาทำไม” เขาถามขณะเปิดประตูรถแล้วโยนถุงเสื้อเข้าไป “เปล่าซะหน่อย เพลินจะกลับแล้วต่างหาก โน่นไง รถเพลินจอดอยู่ตรงโน้น” ฉันพยักพเยิดหน้าไปทางที่จอดรถไว้ “เหอะ…” หงิงๆๆๆ หงิงๆๆ “เอ๊ะ!...เสียงลูกหมา?” ฉันพึมพำพลางหันซ้ายหันขวา “ดังมาจากตรงไหนนะ” ผู้ชายตรงหน้าถูกเมินเฉยไปชั่วคราว เท้าเล็กก้าวฉับๆ ไปตามเสียงร้องที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะเสียงร้องแบบนี้มันคล้ายกับน้องกำลังเจ็บปวด ฉันทั้งก้ม ทั้งชะโงก ตามจุดต่างๆ แต่ก็ยังไม่เจอ ทั้งที่รู้สึกว่าเสียงอยู่ใกล้มากๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นฝาท่อระบายน้ำเปิดอยู่ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ดึงดูดฉันได้ตอนนี้ “บ้าเอ๊ย!!” ฉันรีบลดตัวลงคุกเข่า เอื้อมมือลงไปในท่อสุดแขนเพื่อจะเอาน้องหมาขึ้นมา มองดูไม่ลึกเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่แขนฉันสั้น ไม่ว่าจะแนบลงไปติดพื้นแค่ไหนก็ยังไม่ถึงตัวน้องอยู่ดี เสียงร้องยังดังระงม แน่นอนว่าน้องต้องได้รับบาดเจ็บจากอะไรสักอย่าง “ใกล้แล้ว อีกนิดเดียว ฮึก” แต่ร่างกายฉันถูกดึงกลับขึ้นมา “เธอทำบ้าอะไร!” “โอ๊ย...เฮียมาดึงเพลินทำไม จะจับได้อยู่แล้วเนี่ย” ฉันสะบัดแขนออกอย่างแรง ก่อนจะเอื้อมมือลงไปในท่ออีกครั้ง แต่มันไม่ได้แล้ว น้องถอยหนีไปจนชิดมุมเพราะตกใจเสียงที่เฮียฟิวส์ตะคอกฉันเมื่อกี้ ฉันทิ้งตัวลงนั่งไปกับพื้นอย่างหมดแรง ยกหลังมือปาดเช็ดน้ำตาบนใบหน้าก่อนจะหันกลับไปหาเขา “เฮียช่วยเอาน้องขึ้นมาหน่อยได้ไหม” ฉันถามเสียงสั่นเครือ ไม่ได้อยากร้องไห้ให้เขาเห็นหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ “แล้วเธอจะร้องไห้ทำไม” เขาทำหน้าตกใจ “ก็เพลินสงสารน้อง ดูดิร้องใหญ่แล้ว นะ…เฮีย” ฉันเอื้อมมือไปจับชายเสื้อเขาตรงคำว่า ‘นะ’ และออกแรงดึงเบาๆ พลางส่งสายตาที่มีน้ำใสเอ่อเพื่อออดอ้อน ก็ไม่รู้หรอก ว่ามันจะได้ผลไหม เพราะเขาดูนิ่งมาก เวลาถูกปล่อยทิ้งโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นนานเกือบนาที ก่อนที่เจ้าของใบหน้าหงุดหงิดจะถอนหายใจแรงออกมาหนึ่งครั้ง “วุ่นวายฉิบ! เดี๋ยวคน เดี๋ยวหมา” เขาบ่นพลางถกแขนเสื้อขึ้นสูงข้างหนึ่งแล้วลดตัวคุกเข่าลงกับพื้น เอื้อมแขนยาวๆ ลงไปในท่อ “อยู่นิ่งๆ ดิ๊!” ฉันสะดุ้ง…ที่อยู่ๆ เขาก็ตวาดขึ้นมาพลางเหลือกตาขึ้นมองหน้าฉัน สรุปเขาบอกน้องหมาหรือบอกฉัน “เฮียก็อย่าเสียงดังสิ น้องก็ตกใจหมด ขนาดเพลินยังตกใจเลย” “แล้วมึงลงไปทำห่าอะไรในนั้นวะ” เขาว่าน้ำเสียงหงุดหงิดขณะยันตัวขึ้นเพื่อมองหาตำแหน่งของน้องหมา ก่อนจะเอื้อมมือลงไปอีกครั้ง ฉันก็อยากจะเถียงแทนน้องนะ แต่กลัวเขาจะเปลี่ยนใจ ส่งกำลังใจให้เงียบๆ ดีกว่า ไม่นานเฮียฟิวส์ก็ดึงน้องขึ้นมาได้ “อย่า…อย่า เพลินอุ้มเอง” ฉันรีบห้ามในตอนที่เขาทำท่าจะทิ้งน้องลงกับพื้น “ตัวมันเลอะ” “ไม่เป็นไร เพลินอุ้มได้” เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะส่งตัวน้องหมามาสู่อ้อมกอดฉัน และก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ตรงขาหลังซ้ายน้องเป็นแผลเหวอะขนาดใหญ่ ฉันเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง “น้องโดนหมาใหญ่กัดมาอะ เฮีย…” “ไม่ ฉันมีธุระ” เสียงเข้มขัดก่อนที่ประโยคของฉันจะจบด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้วว่าฉันต้องการจะสื่ออะไร “แต่ว่า…” “รถเธอก็มีไม่ใช่ไง” “แล้วใครจะอุ้มน้องล่ะ เอารถเพลินไปก็ได้ แต่เฮียขับไปให้หน่อยได้ไหม นะคะ…นะ” ฉันยังใช้วิธีเดิม “แม่งเอ๊ย!!” เขาสบถเสียงดังลั่นพลางยกมือยีผมตัวเองจนเสียทรงก่อนจะเดินกลับไปที่รถและออกคำสั่งเสียงแข็ง “อย่าให้เลอะเบาะรถฉัน” “ค่ะ เพลินจะไม่ให้เลอะสักจุดบนรถเฮีย” [Part Peerakan] 22:15 น. @โรงพยาบาลสัตว์ ฉุกเฉิน 24 ชม. “เฮียกลับเลยก็ได้นะ ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์พามาส่ง” คนตัวเล็กหันมาบอกผมหลังจากที่ส่งลูกหมาในอ้อมกอดถึงมือสัตวแพทย์ “แล้วจะกลับยังไง” “แท็กซี่ค่ะ คงเสร็จไม่ดึกมาก” เธอว่าขณะเงยมองนาฬิกาดิจิตอลบนผนัง สิ่งนั้นทำให้ผมมองตามเพื่อเช็กเวลาก่อนจะหันไปถามผู้ช่วยหญิงที่กำลังจะเลื่อนประตูห้องรักษาปิด “นานไหมครับ” “น่าจะสักครึ่งชั่วโมงค่ะ” พอได้คำตอบผมเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ริมสุดหน้าห้องที่พาไอ้ลูกหมานั่นหายเข้าไป พลางโน้มตัวลงวางข้อศอกทั้งสองขนาบหน้าขาตัวเอง มองฝ่ามือที่ผสานกันระหว่างครุ่นคิด ก่อนที่ตัวการความวุ่นวายจะเดินมาหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ “เฮีย…” “นั่งเงียบๆ” ผมขัดขึ้นขณะสายตายังโฟกัสอยู่จุดเดิม ผมไม่รู้ว่าเธอจะถามหรือพูดอะไร ผมแค่ต้องการความเงียบเพื่อหาเหตุผลบางอย่างให้กับการกระทำของตัวเอง ความจริงมันทั้งโมโหและก็หงุดหงิดมากระดับหนึ่ง แต่ทำไมยังควบคุมตัวเองให้อยู่ในโหมดปกติได้ อีกอย่างผมต้องไปถึงสนามแข่งรถของไอ้วาโยก่อนห้าทุ่ม ซึ่งมันเฉียดฉิวมาก แต่จะให้ผมทิ้งยัยหมาน้อยกลับคนเดียวแบบนั้นก็ไม่ได้อีก นี่ผมกลายเป็นคนดูมีจิตใจอ่อนโยนต่อเพื่อนมนุษย์แบบนี้ไปได้ยังไงวะ...หรือเพราะมนุษย์คนนั้นเป็นยัยหมาน้อย แรงดีดจากเก้าอี้ตัวข้างๆ ส่งต่อมาถึงตัวที่ผมนั่งเมื่อมีคนลุกขึ้น ผมเหลือบมองตามแผ่นหลังบางที่ไปหยุดยืนหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งห่างออกไปพอสมควร เธอใช้เวลาทำอะไรสักอย่างอยู่ตรงนั้นประมาณสามนาทีก่อนจะเดินกลับมาพร้อมห่อทิชชูเปียกในมือและจัดการแกะมันไปด้วยระหว่างทาง พอมาถึงร่างเล็กก็นั่งหย่องย่อลงกับพื้นฝั่งขวามือผมเนื่องจากมันเป็นที่โล่งไม่มีเก้าอี้ ห่อทิชชูที่ถูกหยิบออกไปเพียงแค่หนึ่งแผ่นลอยมาอยู่บนตักของผมอย่างถือวิสาสะ นั่นจึงเป็นตอนที่ผมดึงตัวขึ้นตั้งตรง “จะทำอะไร” “ก็แขนเฮียเลอะ มาค่ะ เพลินเช็ดให้” “...” ผมเงียบ ตวัดตามองพลางโยกแขนขวาหลบทันทีที่สัมผัสความเย็นจากทิชชูเปียกในมือยัยหมาน้อยจอมจุ้นจ้าน “อย่าดื้อค่ะ” ยัยหมาน้อยนี่กำลังดุผม? คิ้วหนาขมวดขึ้นเล็กน้อย แต่… ‘ไม่ต้อง!!!…’ น่าแปลกที่ปากไม่ยอมขยับพูดตามใจคิด แถมยังไม่มีการขัดขืนตอนมือเล็กเอื้อมเช็ดรอยเปื้อนบริเวณต้นแขนอย่างบรรจง นั่นแปลว่าผมเต็มใจให้เธอทำในสิ่งที่ต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังเอาแต่จับจ้องทุกการกระทำราวกับต้องมนต์ เธอวางมืออีกข้างบริเวณข้อมือขวาผมและพลิกหงายอย่างกล้าๆ กลัวๆ พลางเงยหน้าขึ้นมอง วูบหนึ่งเราสบตากัน ก่อนที่เธอจะทำเป็นเลื่อนมองทางอื่นพร้อมดึงมือกลับ “สะ...เสร็จแล้วค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD