[Special Part Thayukorn]
ผมขมวดคิ้วมุ่นระหว่างใช้ความคิดกับภาพที่เห็น ในตอนที่เดินสวนกับเฮียฟิวส์ในระยะใกล้ หางตาผมเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติบนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา มันเป็นสีชมพูอ่อน คล้ายกับรอยปาก หรือว่า…ดวงตาผมเบิกกว้างก่อนเร่งฝีเท้าไปให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว
ปึงงง!!
“เฮีย!!!” ประตูถูกผลักเข้าไปพร้อมตัวผมพุ่งไปขั้นกลางสองเฮียที่เด้งตัวขึ้นด้วยความตกใจ
“ไอ้สัสนิ!! ตกใจหมด” เฮียวาโยก่นด่า ตามด้วยเฮียหมอไวน์
“มึงจะตะโกนหาพ่อง”
“เดี๋ยวๆ พ่อมันกะพ่อกูคนเดียวกัน” เฮียวาโยรีบเตือนสติเพื่อนตัวเอง แต่ผมไม่มีเวลาสนใจเรื่องที่พวกมันทะเลาะกันหรอก
“ไอ้เฮียฟิวส์มันไปไหนมา”
“มึงรู้ได้ไง” เฮียวาโยเลิกคิ้วถาม
“ก็ผมเห็นบนเสื้อมันมีรอยลิปสติก”
พรวดดดด
สิ้นเสียงผมเหล้าที่เฮียหมอไวน์กระดกเข้าไป พุ่งออกปากทันที
“ฮะ!!!” เฮียวาโยตกใจจนเกือบช็อก
“จริง?” เฮียหมอถามย้ำขณะปาดเช็ดปากตัวเองแบบลวกๆ
“เสื้อตัวไหน” เฮียวาโยถามต่อ
“เชิ้ตสิ” ด้วยความที่เสื้อเฮียฟิวส์เป็นสีขาวเลยเห็นชัดเจนกว่าปกติ
“ว่าอยู่ ใส่แจ็คเกตไม่ถอดเลย…คนอย่างไอ้หานี่ต้องเอาให้ดิ้นตาย ไม่งั้นไม่ยอมรับหรอก” รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าพี่ชายผมขณะพูด แถมยังส่งสายตาและยกแก้วเหล้าขึ้นให้เพื่อนรักอย่างเฮียหมอไวน์อีกด้วย
“เดี๋ยวกูจัดให้” เฮียหมอไวน์ยกยิ้มมุมปากและชนแก้วกัน คล้ายกับส่งสัญญาณบางอย่าง งานนี้มีคนดิ้นพล่านแน่ๆ แต่สรุปผมก็ยังไม่รู้ว่ามันไปไหนมา
[-END- Special Part Thayukorn]
01:45 น.
@บ้าน
ผมใช้เวลาพักใหญ่ในการจัดการธุระส่วนตัว กว่าจะอยู่ในสภาพพร้อมนอน แต่ก็ใช่ว่าจะนอน ผมยังพาตัวเองมานั่งอยู่หน้าจอ เช็กกราฟและข้อมูลต่างๆ รวมถึงอีเมล
หัวคิ้วย่นเข้าหากันทันทีที่เห็นการแจ้งเตือนข้อความอีเมลที่ส่งเข้ามาจาก พีพีเอ็น
[ลูกค้ารายใหม่ต้องการทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน อาอยากให้หลานไปพบลูกค้าคนนี้หน่อยนะ เธอชื่อ เจนิสา นิโคลาส นัดพรุ่งนี้ตอนหกโมงเย็น ที่ห้องอาหารโรงแรม R ห้อง 703]
“เจนิสา นิโคลาส” ผมพึมพำชื่อลูกค้าออกมาหลังจากอ่านข้อความจากคุณอาฉัตรจบ ความมั่นใจผมเพิ่มขึ้นเป็นหกสิบเปอร์เซ็นต์ว่าเธอต้องเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่ผมรู้จัก เพราะจากการที่ไอ้เตส่งข้อมูลมาให้ดู มีหลายส่วนที่ดูแปลกๆ
และถ้าผมอยากรู้ความจริงก็ต้องไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง
ครืดดด~ ครืดดดด~
ผมเลื่อนเก้าอี้ไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้างขึ้นมาดู จุดรอยยิ้มขึ้นมุมปากตอนเห็นหน้าจอโชว์สายเรียกเข้าจาก ‘หมาน้อย’
นอนดึกใช้ได้เหมือนกันนะ…
“ว่า?” ผมกรอกเสียงไปยังปลายสายขณะออกแรงลากเก้าอี้กลับมาโฟกัสเส้นกราฟบนหน้าจอตัวกลาง
[เฮียถึงบ้านรึยังคะ] เสียงงัวเงียเอ่ยถาม
ผมชะงักเล็กน้อย…เสียงแบบนี้มันเป็นได้สองอย่าง ไม่หลับไปแล้วตื่นก็ง่วงมากแต่ฝืน
“ง่วงแล้วทำไมไม่นอน” ผมถามขณะทิ้งแผ่นหลังพิงเก้าอี้ทำงานตัวโปรดให้ แหงนหน้าขึ้นมองเพดานและฟังในสิ่งที่เธอกำลังพูด
[ก็เฮียไม่อ่านแชทเลย เพลินไม่รู้เฮียขับรถไปถึงรึยัง ไม่รู้เฮียจะเป็นอะไรรึเปล่า แต่ตอนนี้สบายใจละ ฝันดีนะคะ…]
“เหอะ…” ประโยคที่แสดงถึงความเป็นห่วงมากๆ ที่ไม่มีคำว่าห่วงอยู่ในประโยคเลยสักคำ และยังมีประโยคหนึ่งของไอ้วาโยแวบเข้ามาในหัวผมโดยไม่ได้ตั้งใจ
‘การมีความรักก็ไม่ได้แย่’
ส่งผลให้รอยยิ้มหุบลงก่อนดึงตัวขึ้นตั้งตรงและตั้งสติไปด้วยในเวลาเดียวกัน มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ผมไม่มีทางชอบยัยหมาน้อยนี่ในเวลารวดเร็วขนาดนั้นนี้หรอก แต่ถ้าถามว่ารู้สึกดีไหมก็คงมีบ้าง ถ้าจะให้ตีเป็นความชอบคงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั่ง
ผมเลื่อนมือถือออกมาระดับสายตาก่อนจะเอากลับแนบหูอีกครั้ง ทุกอย่างจากฝั่งตรงข้ามเงียบสนิทหลังจากจบประโยคทั้งที่สายยังไม่ถูกตัด
“หมาน้อย”
[....] ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสายที่เรียกหา อย่าบอกนะว่า…หลับ
น่าแปลกที่การกระทำของยัยหมาน้อยทำให้โคตรจะหงุดหงิดแต่ก็หลุดยิ้มได้ทุกครั้ง ผมยังตั้งใจฟังเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนในสายอยู่เกือบนาทีถึงกดวาง
ทำไงจะหลับง่ายราวกับปิดสวิสแบบนี้บ้างวะ มันคงจะรู้สึกดีไม่น้อย