"ตาทีทำหน้าให้มันดีๆหน่อย เดี๋ยวบรรดาแขกและญาติจะคิดว่าเจ้าบ่าวโดนบังคับขู่เข็ญให้แต่งงาน" ป้านากระซิบกระซาบบอกลูกชายคนเดียวอยู่ข้างๆหู หน้าของพี่นทีบึ้งตึงและขุ่นเคืองจนใครๆก็เข้าหน้าไม่ติด ฉันแอบชำเรืองมองหน้าเจ้าบ่าวที่จำใจแต่งของฉัน พี่นทีมองมาที่ฉันด้วยสายตาของความเกลียดชัง และรังเกียจเดียดฉันท์ งานแต่งที่มีเพียงฉันเต็มใจแต่งอยู่เพียงฝ่ายเดียว
"หรือว่ามันไม่จริงครับ อยากแต่งงานจนตัวสั่น แม้กระทั่งเพื่อนรักของตัวเองยังคิดหักหลัง คนที่ทรยศเพื่อนได้ลงต้องมีความคิดเลวๆ หรือต่ำตมขนาดไหนถึงจะทำได้ ทั้งๆที่รู้ว่าเขาไม่ได้มีใจรักใคร่ตัวเอง ผู้ชายเขามีแฟนมีเมียเป็นตัวเป็นตัวเป็นตน ยังมีใจคิดสกปรกแย่งเขามาเป็นของตัวเอง ผู้หญิงแบบนี้ไม่คู่ควรจะอยู่ในงานนี้ด้วยซ้ำ " คำพูดสาดเสียเทเสียที่พูดทิ่มแทงอย่างไม่ได้ไว้หน้ากันเลย ถึงแม้จะพูดเพียงเบาๆให้ได้ยินชัดกันแค่กับฉัน พี่นที และป้านา แต่ใบหน้าของฉันเจ็บจนชา มันแสบร้อนเหมือนคนที่โดนเอาน้ำกรดมาสาดเข้าเต็มๆ ฉันพยายามฝืนกลั้นความรู้สึกเอาไว้อย่างแสนสาหัส เพื่อให้ทุกอย่างมันออกมาราบรื่น ไม่ให้พ่อแม่ของฉัน และพ่อแม่พี่นทีต้องเสียหน้า ทั้งที่ฉันก็เจ็บกับคำพูดพวกนั้นเจียนขาดใจ ฉันได้แต่ข่มอารมณ์และแอบกัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้น้ำตามันหยดรินออกมา แค่คำว่าไม่รักมันก็เจ็บมากพออยู่แล้ว
"ตาทีให้มันน้อยๆหน่อยไว้หน้าพ่อแม่ ไว้หน้าคุณลุงคุณป้าเขาด้วย และที่สำคัญหัดไว้หน้าภรรยาของแกด้วย น้องเขาไม่ได้หักหลังอะไรแกทั้งนั้น มีแต่คนของแกที่หักหลังแก และน้องเขาจะช่วยให้แกออกห่างจากคนที่มาคอยสูบเลือดสูบเนื้อแก อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้ว่าแกจ่ายอะไรไปบ้าง แม่ยังรักษาหน้าให้แฟนแกไม่ให้ถูกสังคมไฮโซประจานด้วยซ้ำ ถ้าแกยังตาบอด และลุ่มหลงอยู่อย่างนี้ไม่ยอมมองความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า ฉันก็จะตัดหางปล่อยวัดแก ถ้าแกไม่เหลืออะไรติดตัว ฉันก็อยากรู้ว่าคนของแกจะยอมรับผู้ชายที่มีแต่ตัวอย่างแกได้ไหม" ป้านาพูดให้ได้ยินแค่พี่นทีฟังคนเดียว แต่มันดังพอที่ฉันจะได้ยิน ฉันไม่รู้เรื่องราวระหว่างสองคนนั้นเป็นยังไงกันแน่ ตั้งแต่ฉันรู้ว่าพวกเขาตกลงคบกันเป็นแฟน ฉันพยายามเอาตัวถอยห่างออกมา เพราะฉันกลัวควบคุมความรู้สึกอิจฉาเอาไว้ไม่ได้ ตอนนี้ฉันเหมือนอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของคนทั้งคู่ และพี่นทีหันกลับมามองฉันด้วยสายตาที่ไม่พอใจอย่างหนัก แววตานั้นเหมือนกำลังกล่าวโทษว่าฉันคือต้นเหตุ ทั้งที่ฉันแค่ทำหน้าที่ลูกสาวที่ดีของพ่อกับแม่ ที่ถูกขอร้องจากครอบครัวคุณลุงคุณป้า เพื่อช่วยแยกพี่นทีออกจากปิ่นมุกเพื่อนรักของฉัน ฉันไม่รู้ว่าเรื่องราวที่ได้ยินจากคุณลุงคุณป้าเป็นเรื่องจริงไหม ปิ่นมุกไม่เคยแสดงออกแบบนั้น ปิ่นมุกดูใสซื่อเกินกว่าจะมาโกหกได้ สาเหตุที่ทำให้พ่อกับแม่ฉันยอมยกลูกสาวเพียงคนเดียวให้แต่งงานกับพี่นที เพราะทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เคยได้ตกลงหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็ก และเมื่อโตขึ้นจะให้แต่งงานกัน อีกอย่างพ่อกับแม่ฉันเหมือนอยากตอบแทนพ่อกับแม่พี่นที ที่เคยให้พ่อกับแม่หยิบยืมเงินเพื่อช่วยพยุงบริษัทของพ่อกับแม่ฉันไม่ให้ล้มตอนที่ครอบครัวฉันมีปัญหาขาดทุนอย่างหนัก เพราะบริหารงานผิดพลาด พ่อพี่นทียื่นมือเข้าช่วยอุ้ม และพยุงจนธุรกิจของพ่อฉันฟื้นกลับมาทำกำไร และเติบโตได้จนทุกวันนี้ เหมือนครอบครัวฉันเป็นหนี้บุญคุณครอบครัวพี่นที เมื่อคุณป้าทวงถามสัญญาระหว่างกันที่เคยคุยกันไว้ พ่อกับแม่ฉันก็ไม่อาจปฏิเสธ อีกอย่างพ่อกับแม่เห็นพี่นทีมาตั้งแต่เป็นเด็กๆ รู้จักใจคอของพี่นทีว่าไม่ใช่คนเหลวไหลอะไร พ่อกับแม่จึงเต็มยกใจยกให้ฉันให้แต่งงานกับพี่นที แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักในการตัดสินใจของท่าน เหตุผลหลักมันอยู่ที่ตัวฉัน พ่อกับแม่รู้ว่าฉันคิดยังไงกับพี่นที ฉันไม่อาจซ่อนความรู้สึกนั้นต่อหน้าพ่อกับแม่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน พ่อกับแม่คงอยากให้ลูกสมหวังกับคนที่ตัวเองรักและคิดว่าพี่นทีคงดูแลฉันได้ดีแทนพ่อกับแม่ ซึ่งเมื่อก่อนพี่นทีกับฉันเป็นแบบนั้น แต่พอพี่นทีมีแฟนความสัมพันธ์ความใกล้ชิดที่เคยมีมันจึงแปรเปลี่ยนไป ซึ่งพ่อกับแม่ไม่เคยรู้เรื่องนี้
"ถ้าพ่อกับแม่ไม่ขู่ว่าจะตัดขาดความเป็นพ่อเป็นแม่กับผมและจะไม่ยกอะไรให้ผม เอาสมบัติไปยกให้ยัยนั่น จ้างให้ผมก็ไม่มีวันแต่ง และปิ่นเป็นคนดีกว่าที่พ่อกับแม่คิดไว้ ดีจนยอมถอนตัวออกมา เพื่อไม่ให้พ่อกับแม่ตัดพ่อตัดลูกกับผม ดีกว่ายัยหน้าซื่อตาใสที่พ่อกับแม่เห็นว่าดีหนักดีหนา ที่แท้ก็คือเด็กแรดที่อยากได้แฟนคนอื่นจนตัวสั่นริกๆ" ฉันแทบจะทนฟังต่อไปไม่ได้ ฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ถึงฉันจะแอบรักและชอบพี่นทีมากแค่ไหน ฉันก็ไม่คิดจะแย่งมาเป็นของตัวเอง คำพูดที่แสนจะดูถูกและเหยียดหยาม แววตาขุ่นเคือง และเคืองแค้น ฉันอยากหายไปตรงนี้ ไม่มีอีกแล้วพี่นทีที่แสนใจดีและอ่อนโยนในวัยเด็ก ไม่มีอีกแล้วพี่ชายข้างบ้านที่คอยปกป้องไม่ให้ฉันถูกรังแก และคอยรับส่งฉันไปโรงเรียน ความห่วงใยใส่ใจของพี่นทีที่มีให้ในครั้งก่อน ทำให้น้องสาวข้างบ้านตกหลุมรักหัวปักหัวปำ จนไม่มีสายตามองที่ใคร เฝ้ารอคอยความรักจากพี่นทีมาตลอด เมื่อก่อนน้องม่านไหมตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นยัยนั่น ฉันทำผิดอะไร แค่ทำตามคำขอร้องของผู้ใหญ่ โดยขัดใจพวกท่านได้ อีกส่วนหนึ่งก็มาจากส่วนลึกของหัวใจที่มันคอยเรียกร้องหาแต่พี่นทีอยู่ร่ำไป
"เธอจะไม่มีวันได้ตัวและหัวใจของฉัน" นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่งานจะดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ลงเอยด้วยการจดทะเบียนสมรสที่เจ้าบ่าวคัดค้านว่าจะไม่จดมาตั้งแต่ต้น แต่พี่นทีก็ไม่อาจทัดทานคำสั่งของคุณลุงคุณป้าได้ ปิ่นมุกไม่ได้มางานแต่ง เพราะพี่นทีไม่อยากให้ปิ่นมาเห็นภาพบาดตาบาดใจ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาตกลงอะไรกันไว้ปิ่นถึงยอมให้พี่นทีแต่งกับฉัน ทั้งที่ตอนแรกพี่นทีเคยเสนอหนีงานแต่ง และเสนอให้พี่ปิ่นแอบไปจดทะเบียนกัน พี่นทีคัดค้านหัวชนฝาว่าไม่ยอมแต่ง แต่สุดท้ายก็ออกมาอย่างที่เห็น ทุกอย่างดูเร่งรีบทั้งจนฉันตั้งตัวไม่ทัน ปล่อยให้คุณลุงคุณป้า พ่อกับแม่เป็นคนจัดการทั้งหมด ฉันได้แต่นั่งจมอยู่กับความรู้สึกทั้งทุกข์ ทั้งดีใจที่พี่นทียอมแต่ง ฉันกับพี่นทีถูกส่งตัวเข้าหอที่บ้านพี่นที งานแต่งครั้งนี้พี่นทีไม่ยากจัดงานแต่งด้วยซ้ำ เสนอให้จดทะเบียนสมรสอย่างเดียวพอ แต่พ่อกับพี่นทีไม่เห็นด้วย จึงเสนอให้แต่งงานเป็นการภายในให้มีเพียงญาติ และคนสนิทเท่านั้นพี่นทีจึงยอมทำตาม เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นดีเห็นงามฉันก็ตามใจ
"อย่าคิดนะว่าเธอจะได้เป็นเมียฉันจริงๆ เมียฉันมีคนเดียวคือปิ่นมุก เธอเป็นได้แค่เมียในนาม ที่ฉันรังเกียจและจะไม่มีวันแตะต้องผู้หญิงใจสกปรกแบบเธอ และรอวันที่จะหย่ากับเธอ และพิสูจน์ให้พ่อกับแม่ของฉันความเลวของเธอ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรกับฉัน เก็บความรู้สึกอันนั้นของเธอกลับไป เพราะคนที่ฉันอยากได้ความรู้สึกนั้น และมอบความรู้นั้นกลับไปไม่ใช่เธอ รู้ไหมว่าตอนนี้ฉันเกลียดเธอจนแทบทนมองหน้าไม่ไหว น้องม่านไหมผู้แสนดีและน่ารักในวันเก่าได้ตายจากใจฉันไปนานแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าเธออยากได้ฉันใจแทบขาด จึงหาทางสกปรกให้แม่ฉันติดกับเธอ" คำพูดพ่นด่าออกมา ตอนที่เราสองคนนั่งอยู่ที่เตียงนอน ในห้องที่ใช้เป็นห้องหอ พวกญาติผู้ใหญ่พากันอวยพรเสร็จแล้วเดินออกไป ปล่อยให้ฉันเผชิญหน้ากับสามีหมาดๆของฉัน ฉันอยากเถียงใจแทบขาดว่าฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าพี่นทีเกลียดฉันมากแค่ไหน พี่นทีลุกออกไปจากเตียงอย่างไว เมื่อไม่มีใครอยู่ในห้อง และเริ่มต้นประนามฉันขึ้นมาทันที หน้าของพี่นทีปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดขนาดใหญ่ แสดงออกถึงความโกรธอย่างที่ไม่ต้องบรรยาย ถ้าไม่โดนขู่ไว้ป่านนี้พี่นทีคงรีบออกจากห้องนี้ไปทันที
"คืนนี้เธอนอนที่พื้นไปไม่ต้องสะเออะแอบมาปีนขึ้นเตียงเดียวกับฉัน ฉันรังเกียจเธอ คนที่จะนอนเตียงเดียวกับฉันได้มีเพียงแค่ปิ่นคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์" น้ำตาฉันแทบร่วงออกมาตรงนั้น แต่ฉันต้องฝืนไว้เพื่อไม่ให้พี่นทีเห็น ฉันได้แต่ทนก้มหน้ารับชะตากรรมตั้งแต่ตอบตกลงแต่งงาน ฉันรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันยังเต็มใจที่จะรับมันไว้คนเดียว
"ค่ะ ไหมเข้าใจแล้ว พี่นทีมีที่นอนปิคนิคหรือผ้าห่มอีกไหมคะ ไหมจะได้เอามาปูนอนที่พื้น" ในห้องนี้ไม่มีโซฟาที่พอจะอาศัยหลับนอนได้ในคืนนี้ ฉันมองหาสิ่งที่พอจะอามาปูนอนได้
"ไม่มี มีแค่หมอนใบเดียว ในเมื่อเธออยากดิ้นรนแต่งงานกับฉันให้ได้ ก็ต้องทนฝืนรับสภาพความจริงต่อจากนี้ เมื่อเธอเลือกเองจากนี้เธอก็จะอยู่แบบนกที่ถูกขังและไร้อิสรภาพ และฉันจะทำให้เธอเจ็บเหมือนที่ปิ่นเจ็บจนต้องวิ่งออกไปจากชีวิตฉัน ฉันเคยพูดดีด้วยๆแล้วเธอไม่ยอมรับ ฉะนั้นเธอต้องยอมรับสภาพที่จะได้เจอจากฉันนับแต่นาทีนี้เป็นต้นไป" นั่นคือคำประกาศกร้าวเสียงดังต่อหน้าฉัน ก่อนที่พี่นทีจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้ฉันเคว้งคว้างและจมอยู่กับคำพูดอันแสนเจ็บปวดเพียงลำพัง น้ำตามันไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก เพราะมันถูกสะกดไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มงานแต่ง ตอนนี้ฉันไม่อาจทนฝืนเก็บมันไว้ได้อีกต่อไป ชุดเจ้าสาวแสนสวยที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา หัวใจฉันมันพังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบเพราะคำว่ารักและหวังดีเสมอ