ตอนที่5.จับหนูฉิคับลุง
"กุ๊กคับ...หย่อยที่สุดในโยกเยยคับ"
เด็กน้อยเคี้ยวตุ้ยๆยกนิ้วโป้งเป็นการการันตีรสชาติ
"หย่อย"
"แฟนกุ๊กเหยอคับ หย่อจังเยยแต่น้องไอติมหย่อกว่าเยอะ"
คำว่าแฟนกุ๊กเหยอคับทำเอาปวิชกับภูเบศร์ต้องมองไปทางทิศทางของแหล่งที่มาอีกครั้ง
ภูเบศร์...เขาขัดตาขัดใจจิ้มสเต็กเข้าปาก อร่อยก็อร่อยอยู่หรอกแต่ภาพเบื้องหน้าคือหมอแก้วในมาดสาวเท่ห์ควงคู่มากับสาวสวยเซ็กซี่ ชื่นมื่นเหมือนเพิ่งเข้าสู่ประตูวิวาห์กันอย่างนั้น
LGBTQ ต้องยอมรับว่าโลกนี้เปิดการต้อนรับแล้วรักได้ถ้าอยากรัก แต่สำหรับภูเบศร์เขาไม่อาจยอมรับได้ว่าหมอแก้วปิ๊งปิ๊งอยู่กับโยเกิร์ต
เขาปวดใจ...เขาร้าวราน
แต่ที่ทำให้เขาทรมานใจมากกว่านั้นคือ...เขายังไม่มีความกล้ามากพอจะบอกความในใจที่มันคับอกจนแทบระเบิดออกมา
เขากลัวความผิดหวัง...
ที่โต๊ะม้าหินหน้าบ้าน ขวัญชีวาขยับให้โยเกิร์ตนั่งข้างกัน ถัดไปคือหมอแก้วเป็นอันว่าได้มีการแบ่งแยกสุภาพบุรุษกับสุภาพสตรีอย่างชัดเจน โดยมีเจ้าหมูอ้วนนั่งเป็นพระประธานอยู่หัวโต๊ะจิ้มสเต็กเข้าปากแบบ นอนสต๊อป
"หย่อย..."
หมอแก้วรินน้ำพั้นซ์สีสวยใส่แก้วทรงสูงหยิบมะนาวแผ่นบางเสียบไว้ที่ขอบแก้ว ยื่นให้ขวัญชีวาก่อนเป็นคนแรก
"แก้วนี้ของคุณแม่ โนแอลกอฮอล์นะครับ"
ขวัญชีวารับมาจิบรู้สึกว่าดีจริงๆ รสชาติเปรี้ยวอมหวานรู้สึกสดชื่นมาก "ขอบคุณค่ะรสชาติดีมากค่ะ ขวัญชอบ"
ปวิชเห็นว่าขวัญชีวาได้ดื่มแล้ว อยากให้อีกสองสาวได้สนุกปาร์ตี้ไม่มีแอลกอฮอล์มันออกจะเงียบๆเหงาๆอยู่นะ หยิบขวดวอดก้าเปิดฝาแล้วเทลงไปในเหยือกทำให้โยเกิร์ตถึงกับตาโตดุใส่เขา
สงครามเย็นเกิดขึ้นแล้วภูเบศร์เห็นทุกอย่าง เขาถูกกันออกเป็นผู้สังเกตการณ์อีกครั้งค่อยๆใช้มีดตัดหมูแล้วจิ้มเข้าปาก ขณะที่สายตาลุ้นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นนับจากนี้
"บอสคะ...อันนี้น้ำนางเอกนะคะ หมอแก้วเขาทำให้คนท้องดื่ม"
ปวิชรีบโต้กลับ เขาไม่ผิดซักหน่อย
"ปาร์ตี้ก็ต้องมีแอลกอฮอล์สิคุณ ใส่วอดก้านิดหน่อยทำให้รสชาติดีขึ้นเป็นกอง"
โยเกิร์ตวางส้อมด้วยความโมโห เธอกับหมอแก้วอุตส่าห์ทำเพื่อขวัญชีวาโดยเฉพาะ วันนี้เธอต้องวีน ถลึงตาใส่คนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว
จิกตาใส่เขากดเสียงต่ำ "แต่มันไม่ควรจะใส่นะคะ"
ขวัญชีวากลัวเรื่องจะลุกลามบานปลาย เห็นปวิชโดนดุหน้าซีดปากสั่นแตะที่หลังมือเพื่อน ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย
"ไม่เป็นไรหรอกโยน้ำเปล่าดีต่อคนท้องที่สุด คุณปวิชคงอยากให้สนุกกันน่ะ ถ้าเราไม่ท้องก็อยากดื่มที่ใส่วอดก้านะ อร่อยดี"
โยเกิร์ตเห็นแก่ขวัญชีวาจึงยอมหยุดแต่ก็สะบัดหน้าไม่พอใจใส่ปวิช เป็นอันว่าเรื่องน้ำพั๊นซ์ผ่านพ้นไป ปิติสบตากับเมียรักกลัวว่าบรรยากาศจะกร่อยจึงเปิดเพลงคลอเคล้าบรรยากาศ
"ฟังเพลงเพราะๆกันดีกว่านะครับ"
จังหวะอินโทรขึ้นเป็นเพลงที่ฟังทีไรก็เพราะเมื่อนั้น เสียงเพลงแว่วหวาน อาจทำให้ความตึงเครียดผ่อนคลายลง
เธอทำให้ฉันรักเธอก่อน ไม่อาจถอน
หัวใจมันคอยแอบๆมองแบบซ้ำๆ
น้องไอติมฟังเพลงนี้จนติดหู เพราะแม่เปิดทุกวันแค่ขึ้นเพลงเขาก็ร้องได้ ทำหน้าฟินหลับตาพริ้ม
"โอ๊ย...โอ๊ย"
"จาทนได้นานฉักเท่าใด...โอ๊ย...โอ๊ย"
ฮ่า...ฮ่า...จากนั้นก็เป็นเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของคนที่โตกว่าไม่ว่าจะเป็นลุงลุงทั้งสอง กุ๊กของหนูน้อยและแฟนกุ๊กที่เด็กน้อยเข้าใจ
หมอแก้วชมก่อน เทน้ำพั๊นซ์ผสมวอดก้าให้ตนเองดื่มอีกอึก
"เฉียงเพราะจังเลยครับ พี่แก้วจะพาไปประกวดเป็นนักร้องเอาไหมครับ"
หนูน้อยแสนฉลาดคุยจ้อ "ไอติมจะไปเดอะฉะตาร์ ค้นฟ้า ฟ้าดาว หรือเดอะว๊อยซ์ดีไมคับ"
ขวัญชีวาเอ็นดูหมูอ้วนหอมแก้มฟอดใหญ่ ขยำพุงเล่น
"น่ายักจังเยย หลานใครเอ่ย"
หนูน้อยเหล่ตาไปที่ลุงปวิชผู้ที่นั่งหน้างอถึงเขาจะเด็กแต่ฉลาดมาก
"หลานลุงวิชฉุดหล่อคับ กับไปไอติมจะติดต่อคุณครูให้นะคับอย่าร้องไห้นะ โอ๋..โอ๋"
ปวิชน้อยใจทำอะไรเขาก็ไม่เคยดีในสายตาของเชฟจอมดุจึงว่า
"ปล่อยลุงเถอะ ลุงมันคนบาปทำอะไรก็ผิดอยู่วันยันค่ำ"
ปิติกับขวัญชีวาสบตากันต่างคนต่างรู้ใจกันและกัน หันเหสายตาไปที่โยเกิร์ตที่เอาแต่ทำหน้าบึ้งจิ้มสเต็กเข้าปากดื่มน้ำพั้นซ์ไปอีกหลายแก้ว แม้เสียงเพลงท่วงทำนองอ่อนหวานก็ไม่เป็นผล
โยเกิร์ตคิดในใจแต่แอบค้อนตาปวิช "คนบาปก็คือคนบาปนั่นแหละ... ชิ"
หมอแก้วอยากให้สนุกจึงหันเหบรรยากาศด้วยการชวนหญิงสาวลุกไปที่เตาย่างบาร์บีคิว
"เอ่อ...แก้วอยากกินบาร์บีคิวเราไปปิ้งกันไหมโย"
ภูเบศร์ได้โอกาสรีบวางส้อม
"ไป...ผมก็อยากกินเหมือนกัน ผมไปย่างเป็นเพื่อน"
เป็นอันว่าบรรยากาศบนโต๊ะผ่อนคลายลงไปได้ หมอแก้วจับจูงโยเกิร์ตไปที่เตาย่าง โดยมีภูเบศร์ออกไปคอยกันท่าแต่ยังไม่ทันที่บาร์บีคิวจะสุก เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากนอกรั้วพร้อมๆกับเสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์
"ลูกพี่แก้วครับ เปิดประตูให้บอมกับไอ้สองตัวหน่อยครับ"
หมอแก้วสบตากับภูเบศร์ "พวกมันรู้ได้ไงคะพี่ภู"
ภูเบศร์อึกอักพูดเสียงสั่น "ผมเผลอพูดไปไม่คิดว่าพวกมันจะตามมา"
บอมเร่งอีกกลัวว่าจะไม่ได้เข้าบ้าน แอบมองลอดรั้วเห็นว่าปิตินั่งเฉยไม่ว่าอะไร พะเน้าพะนอคุณหมอตัวเล็ก แสดงว่าที่นี่ต้อนรับแขกที่ไม่ได้เชิญอย่างพวกเขาทั้งสามแล้ว
"ลูกพี่แก้วครับ...เร็วๆหน่อย"
"พี่ภูนะ พี่ภู"
หมอแก้วบ่นกระปอดกระแปด จ้ำอ้าวไปเปิดประตูรั้วให้แก๊งค์สามซ่าที่มาพร้อมกับชุดหมูกระทะชุดใหญ่และเบียร์อีกหนึ่งลังกับน้ำแข็งอีกหนึ่งกระติกวางไว้ที่พื้นซาเล้ง
เมื่อประตูรั้วเปิดซาเล้งที่เพิ่งต่อมาหมาดๆ สำหรับแก๊งค์สามซ่า พวกเขาไปไหนไปกันขนกันไปในรถคันเดียว ตีโค้งเข้าบ้านจนคนที่นั่งอยู่อดเสียวไส้ไม่ได้
หมูอ้วนชี้ไปที่ทั้งสามคน "ขี้เมานี่คับ"
ขวัญชีวาจุ๊ปาก "ไม่เอาครับพี่เขาแค่รักสนุก เอะอะนิดหน่อยแต่เป็นคนดีนะคะ"
เด็กน้อยยกมือขอโทษ "น้องไอติมผิดไปแล้วคนเมาเป็นคนดีด้วยเหยอคับ"
ปิติช่วยตอบคำถามเด็กน้อยที่ช่างซักช่างถาม ช่างสังเกตเป็นผู้ใหญ่ต้องใกล้ชิด
"คนเราดูกันภายนอกไม่ได้ ต้องดูกันที่ใจข้างในว่าใครดีไม่ดี เราจะตัดสินคนที่รูปลักษณ์ไม่ได้นะครับ"
"คับ...เหมือนกับแม่มดกับเจ้าหญิงราพันเซลใช่ไหมครับ ที่แม่มดบอกว่ารักแต่จริงๆแล้วก็เอาเจ้าหญิงไปขังไว้บนหอคอยสูงลิ่วไม่ให้เจอใคร หลอกใช้เส้นผมของเจ้าหญิงทำให้แม่มดไม่แก่"
ขวัญชีวายื่นมือบีบที่แก้มยุ้ยน่ารัก "คล้ายๆอย่างนั้นแหละค่ะ"
เจ้าหมูอ้วนอิ่มแล้วก็เริ่มเอ็นจอยกับผู้คนที่นี่ ส่งสายตาไปที่ลุงปวิชที่เอาแต่กระดกแก้ว และส่งสายตาไปที่กุ๊กเป็นระยะๆ
"ลุงวิชไม่ไปจับหนูเจอร์รี่เหยอคับ"
ปวิชที่โดนพาดพิงดึงสายตากลับมาที่หลานสุดรัก
"เจอร์รี่ที่ไหน ลุงไม่เห็นมีหนูซักกะตัว"
เจ้าหมูอ้วนบุ้ยใบ้ ชี้นิ้วไปที่กุ๊กคนสวยหนึ่งเดียวในใจตอนนี้
"นั่นไงคับเจอร์รี่ ทำไมทอมไม่ไปจับล่ะคับ"
ปวิชเขาหน้าแดงไม่รู้ว่าเมาหรือเขินกันแน่ สู้อุตส่าห์เก็บความรู้สึกสุดฤทธิ์แต่ก็โดนเด็กน้อยจับได้ ทั้งที่เขาไม่อยากจะยุ่งกับนางต้องห้ามของพี่สะใภ้สักเท่าไหร่
"ลุง...ไม่ใช่แมวซักกะหน่อย"
เจ้าหมูอ้วนยืนยันอีกครั้งสีหน้ามั่นใจ
"หนูเจอร์รี่มันชอบแกล้งทอมไปงั้น ที่จิงแย้วมันยักแมวยิ่งกว่าอะไย"
ปวิชกระดกบรั่นดีอีกแก้วเริ่มใจกล้าขึ้นมา เขาเป็นแมวทอมสินะส่วนแม่ซังกุงคงเป็นหนูเจอร์รี่เหมือนในการ์ตูนที่คอยยุแหย่กับแมวอยู่ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ทะเลาะกันแต่แล้วก็รักกัน
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เขารู้ว่าหญิงสาวไม่ค่อยชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่
ทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนั้นนะ....
น้องไอติมคะยั้นคะยออีกครั้ง
"ไปจับเจอร์รี่ฉิคับ"
ออนไรท์