ตอนที่3.พี่กุ๊กฉวยจัง

1712 Words
ตอนที่3.พี่กุ๊กฉวยจัง เป็นหัวหน้าเชฟไม่ใช่ว่าจะมายืนสวยๆเชิดๆแค่นั้นหรือว่าแค่คอยมาชิมรสชาติอาหารเพียงอย่างเดียว ฉันยังต้องควบคุมพ่อสองขุนปรุงอาหารให้รสชาติคงเส้นคงวา ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าจะอยู่ที่นี่ไม่นานแต่ก็หวังว่าซักวันหนึ่งหากมีนักชิมจากมิชลินไกด์มาชิมถึงที่นี่ ก็ควรได้รับรางวัลมิชลินสตาร์กับเขาบ้าง ฉันยกมือท่วมหัวหน้าศาลพระภูมิและศาลท่านเจ้าที่เจ้าทางทุกวัน สาธุ! หนูโลภมากขอสามดาวไปเลยนะคะ อร่อยเลิศเลอค่าแม้จะไกลแค่ไหนก็ควรดั้นด้นมากิน ว่าแต่เหนือสุดแดนสยาม ขอให้นักชิมมิชลินจงมาเถอะค่ะ เพี้ยง!! หลังจากอยู่หน้าเตาช่วยท่านสองขุนทำอาหารเช้าให้กับแขกที่มาเข้าพักเสร็จแล้ว ห้องครัวก็ได้หยุดพักจากหน้าเตากันเสียที ฉันรู้สึกคอแห้งนึกอยากดื่มชาเขียวปั่นเย็นๆหอมใบชาและนมเข้มข้นให้ชื่นใจ ดึงถุงมือพลาสติกสีขาวออกก่อน โดยไม่ลืมถามสมาชิกอย่างมีน้ำใจกวาดสายตาถามทีละคน "พ่อขุนช้างกับพ่อขุนแผนเดี๋ยวมานะคะ มีใครจะเอาน้ำปั่นกันไหมเอ่ย" ขุนช้างที่ปกติชอบดื่มของอร่อยรีบตอบ "ไม่ครับซังกุงเอาไว้เงินเดือนออกก่อนค่อยจัด" ฉันมองไปทางแม่ดาวเนปจูนก็ส่ายหน้า เอาแต่เม้มปากหั่นผักอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่ายหัวดิกจนหมวกเกือบหลุด "ไม่ค่ะ...หนูพักเหมือนพี่ช้างแหละค่ะ" สรุปไม่มีใครคิดจะดื่มของหวานๆให้ชื่นใจกันบ้างเลยหรือ เห็นมีแต่คนโบกมือบ้ายบาย "เดี๋ยวมานะคะซื้อหนมมาฝาก" ก็ใช่น่ะสิเครื่องดื่มที่นี่ราคาไม่ใช่แก้วละสามสิบบาทซะที่ไหน แต่ว่าฉันรวยจะกินทุกมื้อก็ยังได้ ถ้าไม่กลัวโรคอ้วนถามหา จึงเดินจากมาเปิดประตูออกไปเดินไม่กี่ก้าวพบกับโต๊ะของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของที่นี่ กับบอสปวิชและหนูน้อยน่ารักนั่งบนเก้าอี้เด็กพูดเสียงเจื้อยแจ้ว ฉันค้อมหลังให้กับผู้อาวุโสของที่นี่ รีบเดินตัวลีบมุ่งหน้าไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม พยายามควบคุมเสียงเซฟตี้ชูว์ไม่ให้ดังรบกวนท่านวีไอพีโต๊ะนี้ ก็พอดีกับเสียงเล็กของเด็กชายเปล่งออกมาเสียงดังกึกก้อง "กุ๊ก...กุ๊กคับ...กุ๊กคับ" "ฮะ!...กุ๊ก ใช่เราหรือเปล่าโย" ฉันหูไวลองมองกลับไปที่โต๊ะนั้นมือป้อมๆยังกวักเรียกฉันหยอย หยอย "กุ๊กคับ...กุ๊กคับจะไปไหน ไอติมขอข้าวผัดอะหย่อย อะหย่อยซักจานคับหิวมากเลย" ฉันชะงักเท้ากลับจำเป็นต้องเดินไปตามเสียงเรียกนั้นอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้ากลมดวงตาใสจ้องมองมาที่ฉัน พร้อมกับสายตาใสซื่อบริสุทธิ์ ฉันพยายามควบคุมตนเองสุดฤทธิ์ นั่น!...คุณป้าปาลิดาที่ฉันพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ท่านได้เห็นหน้า ในใจสั่นเหมือนกลัวว่าคุณป้าจะจำได้ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มเยือกเย็นดวงตาสงบนิ่งก็ค่อยเบาใจขึ้นหน่อย ท่านไม่รู้หรอกว่าฉันคือโยเกิร์ต ผู้หญิงโชคร้ายที่โดนจับหมั้นแต่ไม่ได้หมายกับบอสปวิชคนหลงตัวเอง แพขนตาหนานุ่มกระพริบเล็กน้อย โล่งอกไปที โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ฉันพยายามดึงหมวกสีขาวปิดหน้าให้มากที่สุดก้มหน้าได้ก็ก้มหน้า โยเอ๊ย... "ได้ค่ะ...ขอกุ๊กดื่มน้ำเย็นๆให้ชื่นจายก่อนนะคะ เดี๋ยวกุ๊กจะทำข้าวผัดให้สุดฝีมือเลยค่า" เป็นผล...เด็กน้อยน่าจะไม่เกินสี่ขวบหรือห้าขวบตบมือชอบใจ ยื่นมือสะกิดผู้ชายที่เอาแต่ยิ้มให้กับความฉลาดรู้ของหลานตนเอง ยื่นมือขยำพุงที่ยื่นออกมาเล่น "ลุงวิชคับ พี่กุ๊กฉวยจังเลยไอติมจีบได้ป่าว" "ฉวยจัง..." "โอ๊ะ! เด็กสมัยนี้ช่างกล้าหาญ แต่เมื่อตะกี้เขาเรียกบอสว่าลุง แล้วเด็กน้อยคนนี้เป็นลูกใครกันหว่า" ปวิชยีหัวเจ้าแสบที่ริอ่านข้ามรุ่น ไม่รู้ว่าไปได้เชื้อเจ้าชู้ความไวไฟแก่แดดแก่ลมมาจากที่แห่งไหน ใบหน้าหล่อเหลาปรายตามองพวงแก้มเนียนใสน่าหยิกพูดว่า "จีบเลย ลุงอนุญาต" แม่เลี้ยงปาลิดาที่นึกเอ็นดูเชฟคนใหม่ เห็นว่าเธอจะไปซื้อน้ำยืนอยู่ด้วยท่าทีลังเล จึงพยักหน้าให้ไปทำธุระให้เสร็จก่อน พูดด้วยเสียงนุ่มนวลน่าฟัง "หนูไปซื้อน้ำก่อนก็ได้นะแล้วค่อยมาทำข้าวผัดให้เจ้าตัวยุ่ง" "ค่ะ...เดี๋ยวหนูมานะคะ" เมื่อได้โอกาสฉันรีบเผ่นออกมา ได้น้ำได้ขนมแล้วรีบมุ่งหน้าเข้าครัวทันที ดื่มชาเขียวจนชื่นใจแล้วเข้าหน้าเตาอีกครั้ง หนูน้อยน่ารักบอกให้กุ๊กทำ ฉันจึงหยิบกระทะออกมาตั้งบนเตาไฟร้อนๆ กระดกกระทะทำข้าวผัดปูใส่ไข่สำหรับเด็กหนึ่งจานส่งให้น้องชมพู่คนสวยยกไปเสิร์ฟ เมื่ออาหารเช้าถูกส่งถึงโต๊ะเจ้าของรีสอร์ตเรียบร้อย ฉันด้วยความอยากรู้จึงถามความจากแม่สาวเนปจูนนี่แหละ ยกเก้าอี้เข้าไปนั่งใกล้ๆทำทีช่วยเลือกยอดใบชาสวยๆเอาไว้ประดับบนอาหารจานเด็ด กระซิบกระซาบ ทำตัวเหมือนนักสืบโคนันเข้าสิง "จูน...พี่มีเรื่องจะถามอะไรหน่อย" "อะไรคะ...ถ้าเป็นเรื่องในรีสอร์ตซังกุงถามถูกคนแล้วค่ะ" ซังกุงก็ซังกุง ยอมรับมันเถอะสงสัยคนที่นี่ยังอินไม่หายกับหนังดังในอดีต ฉันถามตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา สบตากับสายตามุ่งมั่นคู่นั้น "น้องไอติมลูกใครอ่ะน่ารักจังเลย" จูนละสายตาจากยอดใบชาแล้วตอบ "อ้อ...ซังกุงเพิ่งมาคงไม่รู้ว่าน้องไอติมเป็นลูกของคุณปรานต์ลูกชายคนเล็กของแม่เลี้ยงแกน่ะคะ หล่อมากด้วยค่ะอย่างกับดาราเกาหลี" ยัยดาวเนปจูนพูดไปก็เคลิ้มไปเพ้อพอๆกับเพื่อนฉันไม่มีผิด ฉันกำลังนึกถึงคุณปรานต์ที่อยู่เชียงใหม่เจ้าของคาเฟ่ของอี่น้องยูมี ตายแล้วเพื่อนฉันงานนี้มันต้องเสียใจมากแน่ๆ มันจะรู้ไหมเนี่ยว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว จูนเหมือนจะรู้ว่าฉันคิดอะไรในใจ "แต่เขาเลิกกันแล้วนะคะ แม่น้องไอติมเขาว่าสวยด้วยนะคะเป็นนักดนตรีที่กดๆบนแป้นยาวๆเสียงเพราะๆ อะไรนี่ค่ะ" "เปียโน..." "ใช่ค่ะเปียโน คนรวยนี่ก็แปลกนะคะขนาดมีลูกด้วยกันลูกก็น่ารักขนาดนี้ยังเลิกกันเลยค่ะ" ดวงตาของคนช่างพูดไหววูบเล็กน้อย พร้อมกับเหมือนมีหยดน้ำที่หางตาแต่ก็ถูกมือน้อยปาดทิ้งไปอย่างเร็ว ฉันรับรู้ได้ถึงกระแสดราม่าจากยัยดาวเนปจูนที่เรื่องวกเข้าหาตนเอง ได้แต่แตะไปที่ไหล่บางให้กำลังใจ "เอาน่า...เลิกกันถือว่าเราทำบุญร่วมกันมาแค่นี้อย่าคิดอะไรมาก ชีวิตคู่แต่งงานก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดจนแก่เฒ่าทุกคู่ไปหรอก" "ขุนแผนขออนุโมทนาด้วยนะครับเห็นด้วยทุกประการ แผนถึงได้ครองโสดนับถือเพศพรมจรรย์ไปจนกว่าจะสิ้นลมนี่แหละครับซังกุง" สุมหัว... ครั้งแรกฉันว่าฉันคุยอยู่กับยัยดาวเนปจูนคนเดียว ทำไมรอบๆตัวถึงได้มีพวกสอดรู้สอดเห็นมุงดูเต็มไปหมด ฉันจึงแกล้งทำเสียงเข้มกลบเกลื่อน "ไปทำงาน...นี่มันใช่เรื่องงานไหมเนี่ย" ได้ผล...ท่านสองขุนหันหน้าเข้าหาเตา ทำทีผัดซอสราดสปาเก็ตตี้ขมักเขม้น ฉันรีบหนีจากคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้าน รู้สึกโล่งอกไปทีกับอี่น้องยูมีที่คุณปรานต์เลิกกับเมียแล้ว แต่ว่าผู้ชายมีบาดแผลขนาดนี้ยูมีมันจะสามารถชนะใจเขาได้ไหมน้อ เป็นห่วงมันจัง เฮ้อ!... ไม่รู้ว่าฉันถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ จวบจนเกือบจะชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวโชยเข้าจมูก "อ่ะ..เฮ้ย แม่..." ด้วยความที่คิดอะไรเพลินๆระหว่างกำลังตรวจตราความเรียบร้อยของห้องครัว เดินออกหลังครัวกำลังกลับห้องพัก ตาที่ไม่มองทางชนเข้ากับเขาอย่างจัง ทางด้านปวิชที่เห็นเงาของใครบางคน แอบสงสัยว่าหญิงสาวทำอะไรจึงเดินเข้าไปหา ขณะที่พนักงานคนอื่นออกไปกันหมดแล้ว เมื่อหญิงสาวซวนเซเขาจึงยื่นมือรั้งเอวบางไม่ให้หงายหลังลงไปนอนกับพื้นปูนดึงเข้าหาตัวในครั้งเดียว สัมผัสได้ถึงความนุ่มมือน่าสัมผัสกับกลิ่นกายที่ยังมีกลิ่นหอมของเครื่องเทศติดอยู่ที่เรือนผม เมื่อยามที่มือหนาแตะอยู่กับเอวบางเขารับรู้ได้ถึงอาการสั่นน้อยๆของคนในอ้อมกอด ถามด้วยความเป็นห่วง "คุณ...เป็นอะไรหรือเปล่า" ดีนะที่ตอนนี้เป็นตอนกลางคืนเขาจึงไม่เห็นว่าฉันคงหน้าแดงจัดด้วยความประหม่า ฉัน...ฉันใจเต้น หลุบตามองไปที่บ่ากว้างและไหล่หนาของเขาที่น่าจะอบอุ่น ไม่อย่างนั้นสาวๆคงไม่ตบตีแย่งกันซบหรอก รีบดันตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของเขา นึกถึงความตั้งมั่นก่อนที่จะมาที่นี่ เปิดหน้ากากเขาโย...อย่าลืมสิ คนเจ้าชู้ไม่เอา "เอ่อ...ขอบคุณค่ะพอดีฉันคิดอะไรเพลินๆไปหน่อย ขอตัวก่อนนะคะ" ปวิชกักเก็บลมหายใจอุ่นๆเมื่อสักครู่ที่กระทบหัวใจอย่างหนัก มองตามแผ่นหลังแบบบางที่เดินแกมวิ่งขึ้นห้องพักอยู่ถัดไปอีกตึกของที่นี่ แค่นี้เป้ากางเกงก็พองขยายแล้วมันคืออะไร สมภาร...ไม่กินไก่วัดเว้ย...ปวิช ออนไรท์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD