รินรดาพอได้ยินแบบนี้ก็โผเข้ากอดผู้ชายที่รักเธอที่สุดในโลก และเธอก็รักท่านที่สุดในโลกเหมือนกัน พอกอดบิดาแล้วเธอก็ลุกไปกอดพี่ชายที่นั่งส่งยิ้มอ่อน ๆ มาให้
“รดาจะไม่ดื้อแล้วค่ะ ต่อไปรดาจะเดินไปข้างหน้าไม่ยืนอยู่กับที่หรือหันหลังอีกแล้วค่ะพี่หนึ่ง”
ชนาเทพกอดน้องสาวแล้วลูบหลังเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อนรักตัวเองที่นั่งมองมาทางนี้เหมือนกัน
“พี่รู้ว่ารดาทำได้ น้องสาวพี่เก่งอยู่แล้วอะไรที่ไม่ใช่ของเรายื้อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”
พีรวัสนั่งฟังทั้งจามร ชนาเทพและรินรดาพูดกันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่ดวงเดือนที่รับรู้เรื่องราวที่ผ่านมาก็เข้าใจได้ทันทีว่าที่ทั้งสามคนพูดหมายความว่ายังไง
“ตกลงว่าได้คำตอบแล้วนะพีท ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะชีวิตเราต้องเดินไปข้างหน้า” จามรหันมาพูดกับพีรวัส
“แต่ว่า...” พีรวัสกำลังจะพูดแย้งแต่ชนาเทพก็เอ่ยห้ามขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องแต่ว่าหรอกพีททำตามที่พ่อกับรดาบอกเถอะ” ไม่พูดเปล่าชนาเทพยังใช้สายตากดดันเพื่อนรักให้เลิกพูดอีกด้วย
ดวงเดือนมองหน้าทุกคนแล้วถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา
“ฉันต้องขอโทษอีกครั้งนะคะที่ทำให้เรื่องวุ่นวายแบบนี้ ป้าขอโทษนะรดาที่ทำให้หนูต้องเสียเวลาและเสียใจแบบนี้”
“คุณป้าอย่าพูดแบบนั้นสิคะ เรื่องนี้ถ้าถามหาคนผิดคน ๆ นั้นก็เป็นรดาเองต่างหาก รดายังรักและเคารพคุณป้าเหมือนเดิมค่ะ” รินรดาส่งยิ้มให้คุณดวงเดือน เธอรักท่านเหมือนเป็นมารดาแท้ ๆ เพราะเวลาที่ผ่านมาท่านรักและดูเธอมาตลอด
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้นไม่มีใครสนใจพีรวัสเลยสักนิดทำให้เจ้าตัวเริ่มอึดอัด ทั้งที่ตั้งใจอยากจะช่วยแต่ไม่มีใครยอมรับความช่วยเหลือจากเขาเลย และเขาก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ทุกคนพูดเลยสักนิด
...
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านดวงเดือนก็เดินมุ่งหน้าจะขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องส่วนตัว แต่แล้วเท้าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหูได้ยินคำพูดของลูกชายที่ถามคำถามบางอย่างออกมา
“แม่มีอะไรปิดบังผมหรือเปล่าครับ หรือว่ามีเรื่องอะไรที่ผมยังไม่รู้” พีรวัสถามด้วยความอยากรู้ เพราะคำพูดและสายตาของชนาเทพทำให้เขารู้สึกว่ามันต้องมีอะไรแน่
“ทำไมพีทถึงถามแบบนั้นล่ะ” ดวงเดือนหันหลับมาถามลูกชาย
“ก็คำพูดของทุกคนทำให้ผมรู้ว่ามีอะไรบางอย่างที่ผมยังไม่รู้ แล้วรดาเสียเวลากับอะไร”
“พีทจะอยากรู้ไปทำไม เราเองก็ไม่ชอบหรือรักใคร่หนูรดาอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปรู้เรื่องของน้องเขาหรอก ต่อไปพีทก็ใช้ชีวิตของพีทไป ส่วนเรื่องคู่ครองแม่จะไม่บังคับแล้วถ้าจะรักชอบใครก็ตามใจเลย แม่รู้แล้วว่าการบังคับเรื่องหัวใจให้คนมารักกันมันทำให้มีคนเจ็บปวด ไม่ต้องถามเรื่องนี้กับแม่อีกไม่อยากพูดเยอะมันเจ็บคอและเจ็บใจ” พูดจบดวงเดือนก็เดินหนีขึ้นบันไดไปทันที
พีรวัสมองตามมารดาด้วยความไม่เข้าใจอยู่ดี ตอนนี้เขาปวดศีรษะตุบ ๆ จนต้องร้องหายาแก้ปวดเลยทีเดียว ถ้าเรื่องนี้มารดาไม่อยากพูดถึงก็มีอีกคนที่จะให้คำตอบเขาได้ แต่คงยังไม่ใช่ตอนนี้
++++++
เช้าวันจันทร์สัปดาห์ใหม่พีรวัสเดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะตั้งแต่เมื่อวานเขายังไม่มีโอกาสได้ถามหรือพูดคุยกับชนาเทพหรือรินรดาเลย แม้แต่มารดาก็ไม่ค่อยพูดกับเขาเหมือนก่อน ท่านคงไม่พอใจที่เขาทำไม่ดีกับหลานสาวคนโปรดนั่นแหละ ระหว่างที่เขากำลังจะเดินผ่านนางพยาบาลกลุ่มหนึ่งที่ยืนหลังให้พวกเธอคุยกันอย่างออกรสออกชาติ เขาไม่ได้ตั้งใจจะฟังแต่เพราะเรื่องที่คุยกันมีชื่อรินรดาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“นี่เธอดูข่าวซุบซิบที่เว็บนั้นไหม”
“ดูสิ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดว่าเป็นคุณรดาหรอกนะแต่เพราะรูปประกอบที่เห็นรถหรูน่ะมันเป็นรถคุณรดาชัด ๆ เลย”
“ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าเขาจะทำแบบนี้ น่าจะคิดถึงหน้าคุณหมอชนาเทพบ้างฉันล่ะสงสารคุณหมอมากเลย”
“แต่ฉันว่าไม่แปลกหรอกก็เขาเป็นแรง ๆ อยู่แล้วเรื่องแค่นี้ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ทำตัวไร้ศักดิ์ศรีไม่สมกับที่เกิดมาในตระกูลที่ดีเลย”
ขณะที่นางพยาบาลทั้งสามคนพูดอย่างคะนองปาก พีรวัสก็รู้สึกโกรธที่คนพวกนี้มาต่อว่ารินรดาไม่มีใครเอ่ยโทษผู้ชายในรูปสักนิดเดียว คำว่าไร้ศักดิ์ศรีที่เขาเคยต่อว่ารินรดาพอได้ยินคนอื่นพูดเขาก็ชักจะควันออกหูอยากไล่คนออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“แล้วที่ทำตัวนินทาคนอื่นทั้งที่ไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นยังไงคือคนดีเหรอครับ” พีรวัสพูดเสียงนิ่งออกมา
นางพยาบาลทั้งสามคนพากันสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินคำถามจากคนด้านหลัง พวกเธอมองหน้ากันต่างก็ภาวนาในใจว่าอย่าเป็นคนที่คิดเลยเถอะ แต่พอหันมาพวกเธอก็แทบจะทรุดตัวลงไปกองกับพื้น
“ผะ ผู้อำนวยการ”
“งานที่โรงพยาบาลมันน้อยเกินไปเหรอครับพวกคุณถึงได้มายืนคุยเรื่องไร้สาระกันตรงนี้”
“ปะ เปล่าค่ะ ไม่ว่างแล้วค่ะ” นางพยาบาลคนหนึ่งพูดเสียงอึกอักเหงื่อเริ่มแตก
“ถ้าไม่ว่างก็กลับไปทำงานทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก่อนที่จะไปว่าคนอื่น” พีรวัสพูดเสียงนิ่งและใช้สายตาตำหนิทั้งสามคนอย่างชัดเจน
และไม่ต้องรอให้พีรวัสพูดซ้ำนางพยาบาลทั้งสามคนรีบวิ่งไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่วายพูดออกมาอีก
“เห็นหน้าหล่อ ๆ ไม่คิดว่าจะดุขนาดนี้”
พีรวัสถอนใจแล้วเดินขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องทำงาน ทันทีที่ถึงเขาก็ยกหูโทรศัพท์เรียกให้หัวหน้าพยาบาลขึ้นมาพบด่วนที่สุด เรื่องนี้ถ้าไม่ลงโทษให้เห็นคนปากไม่ดีก็จะไม่จำและทำเรื่องแบบนี้ซ้ำ ๆ ถ้าเกิดว่าคนที่ได้ยินวันนี้ไม่ใช่เขาแต่เป็นคนมาใช้บริการหรือรินรดาล่ะจะเป็นยังไง คำพูดของนางพยาบาลทั้งสามคนทำให้เขาเครียดและคิดหนักเพราะเรื่องนี้ดังกว่าที่เขาคิดมากนัก และคงต้องทำอะไรสักอย่างถ้าเขาปล่อยให้รินรดาเผชิญหน้ากับเรื่องนี้คนเดียวเขาคงไม่เป็นใช้ลูกผู้ชายแล้วล่ะ
“คุณศจีเดี๋ยวจัดการแจ้งไปทางนักข่าวว่าผมต้องการแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ที่นี่ด้วยครับ”
“ผู้อำนวยการจะให้ศจีแจ้งนักข่าวว่าเราจะแถลงข่าวเรื่องอะไรคะ” เลขานุการสาวถามพร้อมกับเตรียมจด
พีรวัสนิ่งไปนิดแล้วตัดสินใจพูดเสียงหนักแน่นและเด็ดขาดออกมา
“ผมจะเปิดตัวคู่หมั้นครับ”
“คู่หมั้น!!” เลขานุการสาวพูดขึ้นมาอย่างตกใจ
++++++