พีรวัสเดินลงมาข้างล่างในช่วงเช้าของวันหยุดซึ่งเป็นวันพักผ่อนที่เขาโหยหา เพราะเริ่มเข้าไปทำงานเต็มตัวได้เกือบเดือน ช่วงที่ผ่านมาเลยต้องจัดการเอกสารที่มอบอำนาจหลายรายการ ไหนจะมีการประชุมตามแผนกต่าง ๆ นี่ขนาดว่าเรียนรู้งานมาบ้างแถมตอนที่เรียนอยู่เมืองนอกก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาไม่น้อย แต่พอเข้ามาทำงานที่เป็นธุรกิจของครอบครัวทำให้เขาเหนื่อยและเครียดเป็นอย่างมาก เพราะเขาต้องพิสูจน์ฝีมือให้ผู้ถือหุ้นคนอื่นเชื่อและไว้ใจว่าสามารถบริหารงานได้ แต่ละวันที่กลับมาถึงบ้านก็หมดแรงเรียกได้ว่าหัวหมอนก็หลับไปทันที ทำให้ไม่มีเวลาไปจัดการคนดื้อที่ไม่ยอมรับของขวัญที่เขาตั้งใจซื้อมาให้
“อ้าวคุณพีททำไมตื่นแต่เช้าจังเลยล่ะคะ” บังอรร้องทักเจ้านายอย่างแปลกใจที่ตื่นแต่เช้าในวันหยุดแบบนี้
“ผมตื่นมาออกกำลังกายสักหน่อยน่ะครับ ตั้งแต่กลับมาเจอแต่อาหารอร่อยถูกปากเลยเหมือนว่าตัวเองจะอ้วนขึ้น” พีรวัสตอบหญิงสูงวัยกลับไป ปกติเขาออกกำลังกายอยู่แล้ว แต่เพราะหน้าที่การงานที่รัดตัวทำให้ไม่ค่อยมีเวลา
“พูดถึงอาหารวันนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ เดี๋ยวป้าทำให้ทาน”
“อะไรก็ได้ครับแต่ขอรสจัด ๆ หน่อยนะครับ” พีรวัสตอบยิ้ม ๆ เมื่อกี้เขาเพิ่งบ่นว่าตัวเองอ้วนขึ้น แต่ป้าบังอรกลับเอาใจด้วยการจะทำอาหารที่อยากกินมาให้ เพราะแบบนี้ไงเขาถึงต้องออกกำลังกายบ้าง
หลังจากพูดคุยกับป้าบังอรแล้วเขาก็ขอตัวลงมาวิ่งที่รอบบ้าน แม้จะเป็นเวลาเช้าแต่ก็สามารถเรียกเหงื่อได้ดีมาก เขาวิ่งไปเรื่อย ๆ และสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง เท้าไวกว่าความคิดจากที่จะวิ่งไปที่หน้าบ้านของตัวเองกลายเป็นว่าตอนนี้เขาเดินข้ามมาบ้านข้างเรียบร้อยแล้ว
“ไม่คิดว่าคุณหนูรินรดาจะตื่นเช้าเป็นเหมือนคนอื่นเขา” พีรวัสพูดกับคนที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ามตัวเล็กที่อวดให้เห็นหน้าท้องแบนราบ และกางเกงขาสั้นอวดขาเรียวสวย
รินรดาชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงพูดของคนที่ไม่อยากเจอ อารมณ์ดีเมื่อตอนตื่นมาหายไปทันที หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดเสียงเรียบออกมา
“พี่หนึ่งยังไม่ตื่นค่ะ ถ้าคุณมีธุระฉันจะขึ้นไปตามให้”
“ใครบอกว่าพี่มาหาไอ้หนึ่ง พี่มาหาเรานั่นแหละพอดีมีเรื่องจะคุยด้วย” พีรวัสพูดแล้วเดินเข้ามาใกล้รินรดาเรื่อย ๆ
“ฉันมีพี่ชายคนเดียวและฉันก็ไม่มีอะไรจะคุยกับคุณด้วย” พูดจบรินรดาก็เดินหนีจะเข้าบ้าน แต่เธอเดินไปได้แค่สองก้าวก็ถูกดึงเอาไว้ก่อนด้วยฝีมือชายหนุ่มที่บุกรุกเข้ามาในรั้วบ้านเธอ
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” พีรวัสพูดเสียงเข้มและไม่ได้สนใจสายตาไม่พอใจของรินรดา
“แต่ฉันไม่มี แล้วกรุณาปล่อยแขนฉันด้วย” เธอพูดพร้อมกับพยายามดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อมือหนาจับแน่นมาก
“พี่จับแค่นี้ทำเป็นทำท่ารังเกียจ ทีตอนเล็ก ๆ เราสองคนยังเคยอาบน้ำด้วยกันมาแล้วเลย” พีรวัสแกล้งพูดถึงเรื่องในวัยเยาว์ และต้องกลั้นขำเมื่อเห็นรินรดาหน้าแดงซึ่งเขาไม่รู้ว่าที่แดงเพราะอายหรือโมโหกันแน่
รินรดาหน้าร้อนผ่าวเมื่อชายหนุ่มพูดถึงเรื่องในอดีต ตอนนี้เธอนึกอยากข่วนหน้าหล่อ ๆ ของเขาให้เป็นรอยที่กล้าพูดเรื่องแบบนี้
“นั่นมันเรื่องตอนเด็ก แต่ตอนนี้คุณกับฉันเราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดจะมาจับมือถือแขนกันแบบนี้” พูดไปเธอก็สะบัดแขนอย่างแรงแต่ดูเหมือนว่าแรงเธอจะสู้แรงของพีรวัสไม่ได้เลย
“พี่จะปล่อยแขนก็ได้ ถ้ารดาสัญญาว่าจะไม่หนีและฟังสิ่งที่พี่อยากพูดให้จบก่อน” พีรวัสพูดที่จริงก็อยากจะแกล้งรั้งตัวรินรดาเพื่อความสนุกไปอีกสักหน่อย แต่เพราะเขาเห็นว่าแขนตรงที่เขาอยู่ตอนนี้มันเริ่มแดงแล้ว
รินรดาเม้มปากแน่นแล้วมองไปรอบ ๆ เพื่อหาคนช่วย แต่เพราะตอนนี้ยังเช้าอยู่เลยยังไม่มีใครลงมา เธอหันกลับมามองหน้าพีรวัสและก็เห็นแววตาจริงจังของเขามันทำให้นึกถึงวันที่เขาพูดไล่เธอ
“ก็ได้ฉันจะฟังที่คุณพูด แต่คุณก็ต้องสัญญาเหมือนกันว่าถ้าพูดจบจะปล่อยแขนฉันแล้วเราไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก”
พีรวัสส่ายหน้าไปมาในความดื้อดึงของหญิงสาว แต่ในเมื่อมีโอกาสที่จะพูดคุยกันแล้วเขาก็ไม่อยากปล่อยให้มันผ่านไป
“ทำไมวันนั้นถึงไม่รับของขวัญ พี่อุตส่าห์ตั้งใจจะซื้อมาให้ หรือว่ายังโกรธเรื่องในอดีตอะไรจะจำฝังใจขนาดนั้น”
พอได้ยินคำถามที่ชายหนุ่มพูดเธอถึงกับชะงักไป ก่อนจะพูดเสียงเรียบนิ่งออกมา
“ที่ไม่รับเพราะฉันไม่อยากได้ของขวัญจากคุณ ต่อไปไม่ต้องลำบากซื้อมาให้อีกนะคะ ถ้าอยากได้อะไรฉันซื้อเองได้" ในสายตาเขารินรดาก็ยังเป็นเด็กดื้อไม่มีเปลี่ยน นี่คงเป็นเพราะถูกตามใจมากเลยพูดอะไรไม่ถนอมน้ำใจคนฟังขนาดนี้
“นอกจากดื้อแล้วยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นด้วยหรือไง ทำนิสัยแบบนี้ไม่น่ารักเลย”
คำว่าไม่น่ารักที่ออกจากปากพีรวัสเหมือนเข็มเล่มใหญ่ที่จิ้มเข้ามาที่อกข้างซ้าย เธอเลยพูดเสียงนิ่งกว่าเดิมแต่ก็เด็ดขาดชนิดที่ว่าคนฟังต้องจุกไปเลยทีเดียว
“คุณเองไม่ใช่เหรอที่บอกให้ฉันอยู่ห่าง ๆ ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน ที่ผ่านมาฉันก็ทำตามที่คุณต้องการมาตลอดแล้วคุณจะมาทำเป็นไม่พอใจอะไรฉันอีก ที่จริงคุณควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่ผลักฉันออกห่างได้ จะได้ไม่ต้องทนรังเกียจเด็กแก่แดดอย่างฉันอีก” พูดจบรินรดาก็สะบัดแขนอย่างแรงครั้งนี้แขนเธอหลุดจากการเกาะกุมของพีรวัสอย่างง่ายดาย ปากบางเม้มเข้าหากันแล้วรีบหันหลังเดินไป