“ป้าดีใจต่างหากที่เห็นคุณหนูกลับมาแล้ว” บังอรกอดเจ้านายน้อยที่ตอนนี้โตเป็นหนุ่มเต็มตัว ใบหน้าถอดเค้าความหล่อและดูดีมาจากคุณผู้ชายไม่มีผิด
หลังจากกอดทักทายมารดาและป้าบังอรแล้วเขาก็หันไปทักทายเพื่อนรักที่มองมา
“ว่ายังไงคุณหมอชนาเทพ”
“ไม่ยังไงหรอกครับว่าที่ท่านผู้อำนวยการ ผมนึกว่าท่านจะไม่กลับบ้านเสียแล้ว นี่กำลังวางแผนจะฮุบโรงพยาบาลอยู่พอดี” ชนาเทพพูดและยิ้มมุมปากออกมา
“เพราะฉันรู้ไงว่านายจ้องจะฮุบโรงพยาบาลฉันเลยต้องรีบกลับมา” พีรวัสพูด ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่สักพักก็โผเข้ากอดกันก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังหมดมาดคุณหมอหนุ่มกับว่าที่ท่านผู้อำนวยการเลย
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านไอ้เพื่อนรัก” ชนาเทพตบหลังเพื่อนเบา ๆ
พีรวัสพยักหน้าและหันไปทักทายป้าพิกุลอย่างเป็นกันเอง แล้วตอนนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีหญิงสาวสองคนนั่งอยู่ คนแรกที่หันมามองเขาเป็นคนที่ไม่คุ้นหน้าและไม่รู้จัก ส่วนอีกคนนั่งนิ่งไปยอมหันมามองทำให้เดาได้เลยว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร ถ้าไม่เจ้าของวันเกิดวันนี้
“ไม่คิดจะหันมาทักทายกันหน่อยเหรอคุณหนูรินรดา” เขาพูดเสียงทุ้มพร้อมกับสังเกตหญิงสาวจากทางด้านหลังไปด้วย ผมยาวดำขลับที่มัดเป็นหางม้าดูสวยงาม และเปิดให้เห็นลำคอระหง
รินรดาชะงักนิ่งเมื่อได้ยินคำทักทายของพี่ชายข้างบ้าน และรับรู้ได้ว่าสายตาของทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน แต่สายตาพวกนั้นไม่ได้ทำให้อะไรเธอได้นอกจากสายตาที่อยู่ด้านหลังที่ทำให้ขนลุกขึ้นมา เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเลือกเธอก็เลยลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะค่อย ๆ ให้ไปด้านหลังช้า ๆ
“สวัสดีค่ะคุณพีรวัส” เธอยกมือไหว้ชายหนุ่มและเอ่ยทักทายด้วยคำที่แสนจะห่างเหิน ทำให้แขกทุกคนที่รู้เรื่องต่างก็มองหน้ากันอย่างลุ้น ๆ ส่วนคนมาใหม่พอได้ยินคำทักทายก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เราสนิทกันไม่เห็นต้องเรียกขนาดนั้นเลย”
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ พอดีฉันไม่รู้ว่าตัวเองต้องเรียกคุณว่าอะไร” รินรดาพูดเสียงเรียบและยิ้มน้อย ๆ ออกมา
คำพูดของรินรดาทำให้ทุกคนพากันถอนหายใจ และเริ่มเห็นเค้าลางอะไรบางอย่างสำหรับคู่นี้แล้ว พีรวัสเองก็ชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดของรินรดาและคิดในใจว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนหญิงสาวก็ยังมีความดื้ออยู่ในตัวเหมือนเดิม
“เรียกพี่พีทเหมือนเดิมสิ”
“ฉันไม่ได้รู้จักคุณเป็นการส่วนตัวคงไม่สามารถเรียกแบบนั้นได้หรอกค่ะ” รินรดาพูดอย่างไม่ยอมและเอาแต่ใจ ทำให้จามรที่นั่งอยู่ต้องรีบเข้ามาห้ามทัพเพราะกลัวว่าลูกสาวจะแผลงฤทธิ์มากกว่านี้
“เอาล่ะ ๆ อย่าเพิ่งพูดอะไรกันเลย พีทมาเหนื่อย ๆ มานั่งพักทานอาหารด้วยกันก่อนสิ” จามรพูดแล้วให้พยักหน้าเรียกให้เด็กรับใช้เอาเก้าอี้มาเพิ่ม
พีรวัสเดินไปนั่งซึ่งที่นั่งนี้อยู่ตรงข้ามกับรินรดาเลย เขามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสำรวจ รินรดาในวันนี้โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ถ้าไปเจอกันข้างนอกเขาคงจะจำไม่ได้แน่ แม้ว่าจะโตแล้วแต่นิสัยตอนเด็กยังมีอยู่ไม่หายไปไหน
บรรยากาศตอนนี้ดูจะแตกต่างจากตอนแรกลิบลับเพราะเสียงคุยจ้อของรินรดาเงียบสนิทไป ทำให้ผู้ร่วมโต๊ะพากันอึดอัดไปด้วย และก็เป็นชนาเทพที่ชวนพูดคุยเพื่อคลายความอึดอัดให้กับทุกคน จากนั้นจามรเองก็ถามสารทุกข์สุกดิบของชายหนุ่มผู้มาใหม่อย่างเป็นกันเอง แม้จะไม่ได้คุยหรือมองหน้าใครแต่รินรดาก็เงี่ยหูฟังทุกอย่างที่ทุกคนพูด
จนเวลาผ่านไปจนถึงช่วงที่เจ้าของงานต้องเป่าเค้กวันเกิดแล้ว เค้กก้อนโตถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะอาหารพร้อมกับมีเทียนปักเป็นตัวเลขซึ่งเป็นอายุของรินรดาแต่บวกไปอีกหนึ่งปีตามความเชื่อของคนโบราณ เสียงเพลงวันเกิดดังขึ้นพอเพลงจบรินรดาก็ก้มลงไปเป่าเทียนตามมาด้วยเสียงปรบมือจากทุกคน ไม่เว้นแต่ผู้มาใหม่
“มีความสุขมาก ๆ ลูก ปีนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้วอย่าดื้อและซนมากนะ” จามรอวยพรลูกสาวและอดที่จะพูดแซวขึ้นมาได้ และนั้นก็เรียกหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
“รดาไม่ดื้อไม่ซนสักหน่อย ขอบคุณพ่อนะคะที่อยู่ข้างรดามาตลอด” รินรดาพูดแล้วกอดบิดาเอาไว้จนแน่น ที่จริงเมื่อเช้าท่านได้ให้พรไปแล้วตอนที่เธอล้างเท้าท่าน
จามรกอดลูกสาวที่อาภัพนักเกิดมาภรรยาเขาก็เสียชีวิตไปทำให้รินรดาขาดความอบอุ่น ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ตั้งใจและบอกตัวเองว่าจะชดเชยและทำทุกอย่างให้ลูกสาวคนนี้มีความสุขที่สุด
“พ่อมีของขวัญให้หนูด้วยนะ” จามรพูดแล้วรับกล่องของขวัญกล่องไม่เล็กไม่ใหญ่จากมือของลูกชายก่อนจะส่งต่อให้รินรดา
“อะไรเหรอคะ” เธอถามแต่ก็ยื่นมือออกไปรับของขวัญ
“ถ้าอยากรู้ก็เปิดดูเลยสิ นี่เป็นของขวัญที่พ่อกับพี่เตรียมไว้ให้เรา” ชนาเทพที่พูดออกมาพร้อมกับพยักหน้าเร่งให้น้องสาวเปิดออกดู
รินรดามองหน้าบิดาและพี่ชายก่อนจะก้มมองกล่องของขวัญในมือแล้วตัดสินใจเปิดดู พอเห็นก็ต้องตาโตแล้วรีบหันไปมองหน้าบิดาทันที
“พ่อคะ มันมากเกินไป” เธอพูดเพราะของที่อยู่ในกล่องเป็นกุญแจรถสัญชาติยุโรปยี่ห้อดังที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปม้า รถยี่ห้อนี้ขึ้นชื่อเรื่องความแรงและเร็วของเครื่องยนต์ ที่สำคัญราคาไม่ใช่น้อยเลย นี่เป็นของที่แพงที่สุดที่บิดาเคยให้มา
“พ่อรู้ว่าราคามันสูง แต่พ่ออยากให้หนูรับเอาไว้ พ่อเชื่อว่าหนูจะรักษารถคันนี้ได้ดีและปลอดภัยที่สุด” จามรพูด แม้คนอื่นอาจจะมองว่าเขาใช้เงินมากมายเพื่อเลี้ยงลูก แต่เขาทำงานหนักมาทั้งชีวิตทำไมจะซื้อความสุขให้ลูกสาวไม่ได้
“รับไปเถอะยังไงพ่อกับพี่ก็ซื้อมาแล้วจะให้ไปคืนเขาหรือไง” ชนาเทพพูดแล้วกอดไหล่น้องสาวเอาไว้
รินรดามองหน้าบิดาและพี่ชายก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วกราบไปที่อกบิดาพร้อมกับพูดออกมา
“ขอบคุณพ่อมากนะคะ รดาสัญญาว่าจะรักษารถคันนี้ให้ดีที่สุด แต่ปีหน้าไม่เอาของแพงแบบนี้อีกแล้วนะคะเสียดายเงิน” เธอพูดติดตลกแล้วหันไปกอดพี่ชายอีกคน อ้อมกอดของผู้ชายสองคนนี้ให้ความอบอุ่นและปกป้องเธอมาตั้งแต่จำความได้ ไม่ว่ากอดกี่ครั้งก็อุ่นใจทุกครั้ง