สงสารน้อง

1265 Words
“ปู่โรจน์ครับ น้องเป็นอะไรมากไหม ทำไมถึง...” ต้องหันไปถามคุณปู่ของเธอ ซึ่งตอนนี้ดูจะสีหน้าดีขึ้นกว่าวันแรก อาจจะเริ่มปลงได้บ้างแต่ข้างในคงเจ็บปวดจนไม่สามารถบรรยายได้ “เดี๋ยวน้องก็หายภาม” “น้องน่าจะเจ็บมากเลยนะครับ” “อืม ก็อาจจะเจ็บบ้าง แต่เดี๋ยวน้องก็หาย” ผู้ใหญ่ก็ยังไม่มีใครเล่าอาการโดยละเอียดให้เขาฟัง พริมารักษาตัวในโรงพยาบาลเดือนกว่าถึงมารักษาตัวต่อที่บ้าน ด้วยสภาพที่เขาสงสารน้องจับใจ มันหนักหนาทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้เขาเพียรมาเล่นกับน้อง แม้จะต้องพบกับความเจ็บปวดของเธอที่ปวดหัวใจเขาเหลือเกิน เธอต้องฟื้นฟูร่างกาย ฟื้นฟูความคิดความทรงจำ สติปัญญา...และที่หนักสุดก็คือสภาพจิตใจหลังจากที่รู้ว่าตัวเองสูญเสียพ่อกับแม่ในอุบัติเหตุครั้งนั้น “พี่ภาม” เสียงเล็กๆ ที่เอ่ยเรียก แววตาโศกเศร้าเลื่อนลอยที่เป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งทำให้ภามยิ้มออก รีบเดินเร็วๆ เข้าไปหาเด็กหญิง ตอนนี้พริมาเริ่มเปิดรับเขาบ้างแล้ว จากที่ช่วงแรกๆ เด็กหญิงไม่เอาใครเลย บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด เจ็บปวด “พรีมกินข้าวเที่ยงหรือยัง” พอเขาถามอีกฝ่ายก็ส่ายหน้าอ่อยๆ พยาบาลที่ปู่จ้างมาดูแลเธอก็มองหน้าเขาเหมือนสื่อสาร ภามเข้าใจว่าเด็กหญิงคงงอแงไม่กินข้าวเที่ยงอีกแล้ว “พี่ก็ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเหมือนกัน ตอนนี้หิวมากเลย งั้นเราไปกินข้าวกันนะ” เด็กหญิงมองสบตาเขาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แค่นั้นก็ทำให้เขายิ้มกว้าง “ให้ป้ายิ้มยกอาหารมาที่ห้องไหมคะ” “เดี๋ยวพรีมไปกินที่ห้องกินข้าวก็ได้ค่ะ” เธอต้องย้ายห้องลงมานอนชั้นล่างระหว่างที่รักษาตัว ทำกายภาพ ตอนนี้เด็กหญิงเริ่มเดินได้โดยใช้ไม้เท้า อาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็มีบางวันที่เธอท้อ งอแงและร้องไห้บ้าง แต่ก็ถือว่าดีขึ้นจากหกเดือนแรกเยอะมาก “ใช้ไม้เท้าตัวไหนครับ” ภามหันไปถามพยาบาล ซึ่งเธอหยิบมันส่งให้เขาเลย ภามก็ช่วยเหลือให้น้องลุกจากเตียงโดยใช้ไม้เท้า แล้วก็พากันเดินไปที่โต๊ะกินข้าวข้างนอก “ปู่พจน์สวัสดีค่ะ” พอมาถึงโต๊ะอาหารก็พบว่าคุณปู่ของเธอกับคุณปู่เขากำลังนั่งคุยกันที่โต๊ะอาหารพอดี “สวัสดีลูก เป็นยังไงบ้างวันนี้ อากาศร้อนไหม” ปู่พจน์ถามเรื่องลมฟ้าอากาศ ทุกวันนี้ทุกคนจะพยายามไม่พูดถึงเรื่องอาการเจ็บป่วยของเธอ ค่อยๆ ใช้เวลา “ไม่รู้สิคะ อยู่แต่ในห้องแอร์” “งั้นกินข้าวเสร็จเราออกไปเล่นข้างนอกกันไหม” ภามชวนน้อง ซึ่ง วันนี้อากาศไม่ถือว่าร้อนมาก เริ่มมีเมฆ มีฝนบ้างแล้ว “อืม ก็ได้ค่ะ พรีมไม่ได้รดดอกกุหลาบนานแล้ว” รอยยิ้มเล็กๆ นั้นทำให้ผู้ใหญ่ก็พลอยชื่นใจได้บ้าง...รู้สึกว่าการมาของภามทำให้ทุกอย่างดีขึ้นจริงๆ “เอ๊ะ วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์นี่คะ” ระหว่างกำลังกินข้าวกันอยู่เด็กหญิงก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย “พี่ปิดเทอมแล้วครับ” พอได้คำตอบก็มีแววดีใจในดวงตา แต่ก็สลดลงแล้วก็ก้มหน้าเขี่ยข้าวในจาน ภามก็พอรู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่ “ปู่ครับ ปิดเทอมผมมานอนที่บ้านปู่โรจน์ได้ไหม” คำถามนั้นทำให้ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากัน ขณะที่เด็กหญิงที่ทำหน้าหงอยเมื่อครู่ก็มีแววกระตือรือร้นขึ้นมา “ถามปู่โรจน์สิ” พอถูกปู่ตัวเองโบ้ยไปหาเพื่อนก็หันไปมองด้วยความหวัง ซึ่งก็มั่นใจว่าปู่โรจน์อนุญาตแน่ๆ “ก็ตามใจภาม จะมาอยู่กี่วันก็มา” “ต้องกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อนไหมล่ะ วันหลังปู่ให้เขามาส่ง” พอปู่ถามก็หันมามองหน้าน้องที่ก็เหมือนลุ้นในคำตอบของเขาอยู่เหมือนกัน “มาพรุ่งนี้เลยได้ไหมครับ” ความสดใสในแววตาอาจจะลดลงเล็กน้อย แต่ก็เห็นรอยยิ้มจางๆ พยักหน้ากับตัวเองด้วยความเข้าใจ ตั้งใจกินข้าวต่อ วันนั้นภามขออยู่กับน้องจนถึงเย็นๆ เลย หลังจากกินข้าวเสร็จ พักผ่อนให้อาหารย่อยสักหน่อยก็ถึงเวลาที่พริมาต้องกายภาพ เขาก็อยู่ให้กำลังใจ ดูขั้นตอนต่างๆ จนถึงหัดเดินก็สงสารน้องจับใจ “พรีมเดินเก่งขึ้นเยอะเลย” เขาให้กำลังใจเธอ แม้ปกติพริมาจะไม่ชอบให้ใครมาพูดให้กำลังใจอะไรแล้ว แต่พอเป็นภามมันกลับทำให้มีรอยยิ้ม อาจจะด้วยความที่วัยไล่เลี่ยกัน เลยรู้สึกเหมือนเพื่อน พี่ที่ไว้วางใจ คงไม่ได้แค่โกหกให้กำลังใจเธอไปวันๆ “จริงเหรอคะ” “จริง พี่มาเดือนก่อนยังไม่เก่งขนาดนี้ แล้วเป็นยังไงเหนื่อยไหม” เธอต้องกายภาพเป็นชั่วโมงเลย “เหนื่อยมาก วันนี้ทำเยอะ” หันไปมองพี่พยาบาลด้วยอาการหน้างอหน่อยๆ อีกฝ่ายก็ยิ้มใจดี “ต้องทำเยอะแบบนี้ทุกวันเหรอครับ” “ไม่หรอกค่ะ วันนี้อาจจะเยอะกว่าทุกวัน น้องพรีมนั่งพักสักหน่อยนะคะ รอให้แดดอ่อนกว่านี้ค่อยไปดูสวนกุหลาบกันเนอะ” พี่พยาบาลต่อรอง เพราะก่อนหน้าเด็กหญิงบอกว่าถ้าหัดเดินเสร็จจะไปเล่นสวนกุหลาบเลย แต่ต้องให้เธอพักอีกหน่อย “พี่ก็เห็นด้วยกับพี่พยาบาลนะพรีม” ภามรีบเสริมเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กขมวดคิ้วเหมือนลังเล ซึ่งท้ายที่สุดอีกคนก็พยักหน้า พยาบาลเลยพาเด็กหญิงไปพักที่ห้องนอนของเธอ ซึ่งภามก็ยังอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา “พี่ขอตัวไปทำธุรสักครู่นะคะน้องพรีม” “โอเคค่า พรีมอยู่ได้ พี่นิ้งพักผ่อนเถอะค่ะ” พยาบาลยิ้มเอ็นดูเด็กหญิง ที่บางวันก็ฤทธิ์เยอะหน่อย แต่ลึกๆ แล้วก็รู้ว่าเป็นเด็กที่จิตใจดีคนหนึ่ง เธอก็เข้าใจว่าเด็กอายุแค่นี้มาเจอเหตุการณ์ที่หนักหนาในชีวิตขนาดนี้ มันยากจะทำใจรับได้ ขนาดผู้ใหญ่อย่างเราๆ บางทีอาจจะย่ำแย่ว่าเด็กหญิงในตอนนี้ “พรีมยังเจ็บตรงไหน เจ็บแผลอยู่ไหม” ตอนนี้สภาพภายนอกของพริมาไม่ได้ปกตินัก ยังเห็นร่องรอยของบาดแผล การพูดการคิดที่ดูเชื่องช้า แบบที่มองออกว่าเธอไม่ปกติ...แต่สำหรับเขาเธอก็ยังน่ารักเหมือนเดิม “ฮื่อ พี่ภามเห็นแผลพรีมเหรอ” เจ้าตัวพยายามดึงกระโปรงลง ตอนนี้แผลเล็กๆ ตรงอื่นเริ่มจางลง แต่แผลใหญ่ตรงต้นขายังทิ้งร่องรอย “ไม่เห็นเลย เห็นนิดเดียว ตรงนี้” ภามแตะรอยเล็กๆ ตรงไรผมเธอ “เล็กนิดเดียวอีกไม่กี่วันก็หายเนอะ” “ฮื่อ แต่ที่ขาไม่น่าหาย มันน่าเกลียดมากเลยพี่ภาม” เจ้าตัวทำหน้ามุ่ย ภามก็นึกโทษตัวเองที่ถามอะไรไม่รู้เรื่อง “พี่ดูได้ไหม” “มันน่าเกลียด” “ไม่น่าเกลียดหรอก พรีมน่ารักจะตาย” พอเขาชมอีกฝ่ายก็ค่อยมีรอยยิ้ม แล้วก็ดึงกระโปรงขึ้นมาเล็กน้อยพอให้เขาเห็นบาดแผล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD