เสียงเพลงในผับยังคงดังเป็นจังหวะสนุกสนานหัวใจของพีรญาเต้นแรงไม่ต่างจากจังหวะเบสที่ออกมาจากเครื่องเสียงราคาแพง คืนนี้เป็นคืนแรกที่หญิงสาวมาทำงานในที่ผับหรูใจกลางกรุงที่คนส่วนใหญ่แต่งตัวดี มีเงินใช้ไม่อั้น และมักมองผู้หญิงในชุดเดรสเหมือนเธอเป็นเพียงของเล่นคลายเหงา
เด็กสาววัยยี่สิบเอ็ดปีที่ไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งจะต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำหอมราคาแพงลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ เสียงหัวเราะของลูกค้าดังระงมทั่วร้าน พีรญายืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ในมุมเงียบของร้าน ผสมน้ำแข็งลงแก้วตามที่วรษาหรือปลาเพื่อนที่เคยทำงานมาก่อนคอยให้คำแนะนำ
เมื่อหมดรอบเสิร์ฟของตนเองแล้วพีรญาจึงได้กลับมานั่งพักในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเล็ก ๆ หลังร้านที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมงาน
“เหนื่อยไหมพรีม” เสียงวรษาทักขึ้น พลางยื่นน้ำเย็นให้
“เหนื่อยสิ ฉันไม่ชินเลยปลา”
“วันแรกก็ต้องแบบนี้แหละ แต่แกโชคดีนะ ได้ดูแลโต๊ะเพื่อนของคุณสุรัช หมอที่มาด้วยกันนั่น หล่อจะตายไป เห็นเงียบ ๆ แบบนั้นแต่เขาใจดีมากนะ”
“หล่อจริง....แต่เขาดูน่ากลัวจัง”
“น่ากลัวเหรอ? ผู้ชายแบบนั้นน่ะ เรียกว่าอันตรายต่างหาก พวกสายสุขุม นิ่ง ๆ แต่ตาเหมือนเหยี่ยว ถ้าได้อยู่ใกล้นะ เดี๋ยวก็ละลายเองแหละ” พลอยหรือพลอยลดาเพื่อนอีกคนที่กำลังแต่งหน้าอยู่ หัวเราะเบา ๆ
พีรญาไม่ได้ตอบอะไรเธอเพียงยิ้มบาง ๆ แต่หัวใจกลับสั่นอีกครั้งเมื่อภาพชายคนนั้นลอยขึ้นมาในหัว สายตาของเขาทำให้หญิงรู้สึกหวั่นไหว
หญิงสาวนั่งพักสิบนาทีจากนั้นก็เติมหน้าอีกนิดก่อนจะออกไปทำงานต่อ
หลังเลิกงานในเวลาตีสองกว่าหญิงสาวก็ขี่จักรยานยนต์คันเก่งกลับห้องพักเล็ก ๆ เมื่อไขกุญแจเข้าห้องเช่าเธอก็วางกระเป๋าลงแล้วทิ้งตัวนั่งกับพื้น ห้องนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากพัดลมเก่า โต๊ะอ่านหนังสือและรูปถ่ายของมารดาที่ตั้งไว้บนหัวเตียง
พีรญามองรูปนั้นนาน ก่อนน้ำตาจะเริ่มคลอและพึมพำออกมาเบา ๆ
“แม่คะ....พรีมทำถูกใช่ไหมคะ”
ภาพมารดาในกรอบไม้เรียบ ๆ คือหญิงวัยกลางคนที่มีรอยยิ้มอบอุ่นคนที่หญิงสาวรักที่สุดในชีวิตแต่ก็ไม่อาจได้อยู่ด้วยกันอย่างที่ควรจะเป็น
เธอยังจำเรื่องราวในอดีตได้ดี วันที่หมอบอกว่าท่านต้องผ่าตัดด่วนจากโรคหลอดเลือดในสมอง แต่ค่าผ่าตัดสูงเกินกว่าที่เด็กปีสามอย่างเธอจะหาได้แม้จะใช้สิทธิ์ประสังคมแต่ก็มีส่วนต่างและค่าใช้จ่าย ๆ ต่างตามมาอีกมาก ทั้งยังต้องจ้างคนดูแลในช่วงที่เธอไปเรียน
ในตอนนั้นพีรญาวิ่งวุ่นหางานพิเศษทุกอย่าง ทั้งเสิร์ฟอาหาร รับจ้างพิมพ์งาน แต่สุดท้ายก็ยังไม่พอ เธอตัดสินใจกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่ายค่ารักษาโดยคิดว่าเมื่อมารดาหายดีจะรีบทำงานใช้หนี้
แต่โชคชะตากลับโหดร้ายกว่านั้น ท่านจากไปก่อนที่เธอจะได้คืนเงินแม้แต่บาทเดียว
หลังงานศพทุกอย่างถาโถมเข้ามาเจ้าหนี้โทรตามทุกวัน ดอกเบี้ยงอกขึ้นจนเกินจะรับไหว พีรญาพยายามประคองชีวิตด้วยเงินที่ได้จากทุนเล็ก ๆ ของมหาวิทยาลัยและพอปิดเทอมเธอก็ต้องรีบหาเงินมาใช้หนี้
“ฉันต้องหาเงินใช้หนี้ให้หมดก่อนจะเรียนต่อปีสี่” นั่นคือคำที่เธอบอกกับตัวเองทุกเช้า
และเมื่อวรษาเพื่อนสนิทชวนให้มาทำงานที่ผับในช่วงกลางคืนหญิงสาวจึงตอบรับ ในขณะที่กลางวันเธอก็ทำงานที่คาเฟ่แห่งหนึ่งหญิงสาวทำทุกอย่างเพื่อการใช้หนึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ยอดมันจะหมด
‘ไม่ได้มีอะไรมากหรอกพรีม แค่ชงเหล้า คุยกับลูกค้า ยิ้มหน่อยก็ได้เงินทิปเยอะแล้ว’
มันฟังดูง่ายในตอนแรก แต่พอได้มาทำงานจริงพีรญาถึงรู้ว่าทุกอย่างต้องใช้หัวใจของการบริการและการเสแสร้งทั้งที่บางครั้งไม่อยากจะทำ
เธอเกลียดสายตาที่บางคนมองมา เกลียดเสียงพูดแทะโลมจากโต๊ะที่เมาแล้ว เกลียดกลิ่นบุหรี่และเสียงหัวเราะที่ไม่มีความจริงใจ แต่พีรญาก็ไม่มีสิทธิ์เลือก
...
เช้าวันต่อมาพีรญาาก็รีบตื่นแต่เช้าเธอรีบไปช่วยพี่นุชเปิดร้าน หญิงสาวทำงานที่คาเฟ่ตลอดทั้งวัน แต่ทุกครั้งที่ว่างภาพของหมอนรสิงห์ก็แวบเข้ามาในหัว เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แต่แค่สายตานั้นก็ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวและทำตัวไม่ถูก
เมื่อถึงเวลาเลิกงานที่คาเฟ่พีรญาก็กลับมาอาบน้ำก่อนจะขี่จักรยานยนต์ไปยังผับก่อนเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อเรียนรู้งานก่อนจะเริ่มต้นวันที่สอง
“ฉันนึกว่าวันนี้แกจะไม่มาแล้วนะพรีม”
“ไม่มาได้ยังไงล่ะ ฉันต้องรีบใช้เงิน” เธอตอบแล้วยิ้มก่อนจะเอากระเป๋าของตนเองไปเก็บที่ล็อกเกอร์ของพนักงาน
“งั้นรีบเปลี่ยนชุดนะเดี๋ยวฉันจะสอนเทคนิคเอาใจแขกและวิธีการเชียร์เครื่องดื่ม”
“ขอบใจนะปลา แล้วยัยพลอยล่ะ”
“เดี๋ยวก็คงมา แกไม่ต้องห่วงหรอกคืนวันเสาร์ยังไงก็ต้องมา”
คืนนี้เป็นคืนวันเสาร์แขกที่เข้ามาค่อนข้างหนาตา พีรญาตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ หญิงสาวบริการแขกคนแล้วคนเล่าแต่ก็พยายามยิ้มแย้มเพราะมันคุ้มกับเงินที่ได้
หญิงสาวไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครบางคนแอบมองอยู่ จนกระทั่งเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว เพื่อนสองคนของเธอกำลังคุยกันอย่างออกรส
“คืนนี้หมอสิงห์ก็มาอีกแล้ว ฉันอยากเข้าไปใกล้ ๆ จังเลยคนอะไรทั้งเก่งทั้งหล่อ ฉันรู้มาว่าเขาเป็นหมอผ่าตัดสมองที่เก่งมากคนหนึ่ง หน้าตาก็หล่อและที่สำคัญยังโสดด้วยนะ”
“ฉันเห็นด้วยกับยัยพลอยนะ แกล่ะพรีมคิดว่าไงเมื่อวานแกไปชงเหล้าให้เขานี่ เขาเป็นไงบ้าง” วรษาเติมลิปสติกแล้วหันมาถาม
“เขาก็ดูเงียบ ๆ ไม่ค่อยคุยอะไร”
“แบบนี้แหละที่ผู้หญิงชอบ ถ้าจะเลือกสักคนให้ดูแลชีวิตฉันนะขอแบบนั้นเลย” พลอยลดาพูดแล้วทำตาเพ้อฝัน
“อย่าเชียวนะยังพลอยแกมีแฟนอยู่แล้ว” พีรญารีบห้าม
“ฉันล้อเล่นน่า แต่เท่าที่ฉันแอบสังเกตนะ ฉันว่าเขาสนใจแกนะพรีม เมื่อวานเขาก็เรียกแกไปคุย เขาเคยมาที่นี่หลายครั้งนะแต่เขาดูไม่ชอบยุ่งกับใคร เงียบ ๆ สุขุมแต่สายตาแบบนั้น ถ้ามองใครแล้วรายไหนรายนั้นไม่รอดหรอก”
พีรญาเงียบไม่กล้าพูดอะไรต่อแต่หัวใจหญิงสาวนั้นเต้นแรงมากเพราะเธอเองก็เห็นสายตาที่เขามองเธอเหมือนกับสิงโตที่จ้องตะครุบเหยื่อ หญิงสาวเธอพยายามบอกตัวเองว่า เขาเป็นแค่ลูกค้าคนหนึ่งและเธอก็มีหน้าที่ให้บริการ
แต่เมื่อก้าวออกจากห้องแต่งตัว เธอก็อดมองขึ้นไปบนชั้นสองไม่ได้และเธอก็เห็นหมอนรสิงห์นั่งอยู่ในมุมเดิม เขายกแก้วเหล้าขึ้นจิบช้า ๆ แล้ววางลง ก่อนจะหันมาสบตากับเธออย่างจงใจ
พีรญาเหมือนถูกมนต์สะกดเธอพยายามเดินหนีไปอีกทาง แต่กลับรู้สึกได้ว่าเขากำลังมองตาม หญิงสาวไม่อาจรู้เลยว่าเขาไม่ได้แค่มองเธอเฉย ๆ หากแต่เขากำลังเลือกเธอ