นับเป็นคืนที่สามแล้วที่พีรญามาทำงานที่ผับแห่งนี้ คืนนี้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น หมอนรสิงห์ก็แวะมาอย่างเคยแต่เขาไม่ได้เรียกเธอไปคุยเหมือนสองคืนแรกแต่หญิงสาวก็รู้ว่าเขามองเธออยู่
“เดี๋ยวเราจะไปกินก๋วยเตี๋ยวกันต่อแกจะไปด้วยกันไหมพรีม”
“แกไปกับพลอยเถอะปลา ฉันเหนื่อยมากเดี๋ยวฉันเข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วก็จะรีบกลับเหมือนกัน” พีรญาตอบวรษาที่เดินมาคู่กับพลอยลดา
“ขับรถกลับดี ๆ นะพรีม ซอยหอพักแกมันเปลี่ยวด้วยสิ”
“ไม่เป็นไรฉันชินแล้วบ๊ายบาย แล้วเจอกันคืนพรุ่งนี้นะ” หญิงสาวบอกแล้วเพื่อนจากนั้นรีบกลับเข้าไปในห้องของพนักงานหยิบเสื้อคลุมตัวโตมาสวมทับชุดที่สวมอยู่จากนั้นก็เดินไปยังลานจอดรถของพนักงานซึ่งอยู่ด้านหลัง
หญิงสาวขี่จักรยานยนต์ออกมาได้เพียงนิดผู้ชายสองคนก็มาขวางทางไว้ก่อน
“ขอทางด้วยค่ะ” เธอบอกชายสองคนอย่างสุภาพ
“จะรีบไปไหน คุยกันก่อนสิ”
“พวกนายเป็นใครมาขวางไว้ทำไม”
“ฉันเป็นคนของเสี่ยทรงพล เสี่ยให้มาถามว่าเมื่อไหร่จะใช้เงินเสียสักที”
“ฉันก็กำลังหาเงินอยู่นี่ไง ถ้ามีก็เอาไปจ่ายแล้วน่า”
“แล้วคืนนี้ได้เท่าไหร่เอามาจ่ายดอกเบี้ยก่อนไหม ถ้ายังไม่ยอมจ่ายอีกหน่อยหนี้สามแสนของเธอมันคงจะกลายเป็นห้าแสน”
“จะบ้าเหรอฉันกู้มาสองแสนเองนะ”
“ใช่....เธอกู้มาสองแสนแต่เธอไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยเลยนะ ตอนนี้นี่มันก็ทบต้นทบดอกไปสามแสนแล้ว”
“อะไรนะทำไมมันเร็วแบบนั้นล่ะ”
“เธอไม่รู้เงื่อนไขเองนี่ว่าดอกเบี้ยเขาคิดเป็นรายวัน เอาเงินที่ได้คืนนี้มาก่อนอย่างน้อยฉันก็จะได้ไปบอกกับเสี่ยว่าเธอทยอยจ่ายดอกเบี้ย”
หญิงสาวจำใจเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบเงินจำนวนสามพันที่เธอได้จากคืนนี้ให้กับผู้ชายสองคน
“ทั้งคืนทำงานได้แค่นี้เหรอ แล้วเมื่อไหร่มันจะพอใช้หนี้ล่ะ”
“นี่ฉันก็เดินเสิร์ฟเครื่องดื่มแขกจนขาขวิดแล้วนะ กลางวันฉันก็ทำงานที่คาเฟ่แต่พวกนายก็รู้นี่ฉันยังเรียนไม่จบเงินเดือนก็ได้ไม่มาก เอาไว้ฉันเรียนจบแล้วฉันก็จ่ายหนี้พวกนายได้แน่นอน”
“ฉันมีทางออกให้เธอนะ”
“ทางออกอะไร”
“ไปทำงานที่ผับของเสี่ยทรงพลสิ รับรองเธอได้ปลดหนี้แน่ ๆ”
“ยังไงฉันก็ไม่มีทางไปทำงานที่ผับของเสี่ยทรงพลหรอก” พีรญาปฏิเสธเสียงแข็งเพราะรู้ว่าผับของเสี่ยทรงพลนั้นให้บริการลูกค้าแบบไหน
“ลองคิดดูนะเธอทำงานที่นี่อีกกี่ปีกี่ชาติถึงจะใช้หนี้เสี่ยหมด ฉันว่าไปทำงานกับเสี่ยทรงพลไม่กี่คืนก็คงหมดหนี้ คืนแรกก็หลักแสนแล้ว”
“ฉันไม่มีทางไปทำงานแบบนั้นเด็ดขาด”
“คิดดูดี ๆ นะพรีมเสี่ยใจดีกับเธอมานานแล้วแต่อย่าถึงคราวให้เสี่ยต้องโมโห เสี่ยให้ฉันสองคนมาชวนเธอไปทำงานที่นั่นจะได้รีบปลดหนี้เร็ว ๆ”
“ไม่!....ยังไงฉันก็ไม่มีทางไปทำงานที่ผับของเสี่ยทรงพลเด็ดขาด”
“ก็ได้ แต่ถ้าภายในสิ้นเดือนนี้เธอยังหาเงินไปใช้เสี่ยไม่ได้เธอก็ต้องไปทำงานที่นั่น”
“แต่เงินตั้งหลายแสนใครจะหาได้ภายในเวลาไม่ถึงเดือนกันล่ะ”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าให้เธอจ่ายทั้งหมด เสี่ยบอกว่าสิ้นเดือนนี้ขออย่างน้อยหนึ่งแสนก่อนแล้วที่เหลือค่อยผ่อนจ่าย เสี่ยเองก็ต้องรีบใช้เงิน ไม่ได้ผลิตแบงค์เองสักหน่อย”
“แต่เสี่ยก็รวยล้นฟ้าผ่อนผันให้ฉันหน่อยไม่ได้รึไง อีกปีเดียวฉันก็จะเรียนจบแล้วนะ”
“ใคร ๆ ก็อ้างแบบนี้ ขอร้องให้ผ่อนผัน ถ้าเธออยากให้เสี่ยผ่อนผันให้ เธอก็เข้าไปคุยกับเสี่ยเองสิ ไปคืนนี้เลยไหมล่ะตอนนี้เสี่ยยังอยู่ที่ผับ”
“ฉันไม่มีทางไปเจอเสี่ยทรงพลเด็ดขาด”
“ทีอย่างนี้ไม่กล้าไปเจอแต่ทีไปขอกู้เงินนี่รีบไปเลยโดยไม่มีใครเชิญเลยนะ” เขามองหน้าหญิงสาวแล้วหัวเราะ
“จำไว้ก็แล้วกันถ้าสิ้นเดือนนี้เสียไม่ได้เงินหนึ่งแสน ยังไงเธอก็ต้องไปทำงานที่นั่น” เขาพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไป
หญิงสาวหน้าซีดเพราะนึกไม่ออกว่าจะไปหาเงินจากไหนในเวลาอันสั้น เธอถอนหายใจก่อนจะสตาร์ทรถแต่รถยนต์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปิดประตูออกมาเสียก่อน
“เธอติดหนี้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอพรีม”
“หมอสิงห์....” หญิงสาวตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะได้ยินบทสนทนาของเธอกับลูกน้องของเสี่ยทรงพลเมื่อครู่
“ไม่ต้องตกใจหรอก ฉันได้ยินหมดแล้ว ทำไมเธอไม่ให้ฉันช่วยล่ะ”
“หนูไม่อยากขายตัว”
“อย่าคิดว่ามันเป็นการขายตัวสิ คิดว่ามันเป็นการช่วยเหลือ”
“ไม่มีใครช่วยใครแบบฟรี ๆ หรอกนะคะ พรีมรู้ว่าคุณต้องการอะไร”
“เธอไม่ยอมขายตัวให้ฉันหรือเธอจะไปทำงานที่ผับของเสี่ยทรงพลล่ะ ผับนั่นไม่ใช่แค่เสิร์ฟเครื่องดื่มธรรมดานะ”
“พรีมรู้ว่าผับนั้นเขาทำงานอะไร พรีมก็เลยไม่อยากไปทำงานที่นั่น”
“ถ้ายังงั้นยอมให้ฉันช่วยสิ ฉันจะจ่ายหนี้ฉันจ่ายให้เลยสามแสน จากนั้นก็จะให้เงินเดือนอีกเธอจะได้ไม่ต้องมาทำงานกลางคืนแบบนี้”
“นี่คุณกำลังจะจ้างให้หนูไปเป็นนางบำเรอของคุณอย่างนั้นเหรอ”
“ฉันไม่ยึดติดกับคำเรียก อยู่ที่ว่าเธอจะตอบยอมรับข้อเสนอของฉันหรือเปล่า”
“พรีมคิดว่าไม่ค่ะ ยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายวันพรีมจะต้องหาเงินมาให้ได้”
“คิดดูนะพรีม เธอจะต้องหาเงินแสนหนึ่งภายในเวลาอีกแค่สิบกว่าวันไม่มีทางเลยที่เธอจะหาเงินได้เร็วขนาดนั้น หรือที่ไม่ยอมมาเป็นผู้หญิงของฉันเพราะอยากจะขึ้นค่าตัว ลองเสนอมาสิว่าอยากได้เท่าไหร่ฉันทุ่มไม่อั้นเลยนะ”
“ทำไมคุณชอบดูถูกคนอื่นจังเลยคะ คุณก็รู้ว่าพรีมไม่มีทางเลือกอะไรเลย พรีมพยายามทุกอย่างเพื่อจะใช้หนี้โดยไม่ขายศักดิ์ศรีของตัวเอง แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะผลักให้พรีมต้องไปทำแบบนั้น” หญิงสาวพูดแล้วสะอื้นอย่างไม่อาย
เธอรู้สึกว่าตอนนี้ทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาเกินกว่าตนเองจะรับไหว
“อย่าร้องไห้สิ เดี๋ยวใครก็คิดว่าฉันทำอะไรเธอหรอก” ยิ่งพูดหญิงสาวก็ยิ่งร้องทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก ชายหนุ่มจึงรีบจูงเธอเข้ามานั่งคุยในรถก่อนที่จะมีคนอื่นเข้าใจผิด