เมื่อประตูรถปิดเสียงร้องสะอื้นของพีรญาดังก้องภายในห้องโดยสาร เธอร้องไห้อย่างไม่อาย ไม่สนใจเลยว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นั้นเป็นคนที่เธอเคยเจอแค่ไม่กี่ครั้งบรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความกดดันและความใกล้ชิดที่มากกว่าทุกครั้ง
พีรญานั่งก้มหน้าตัวสั่นและยังคงสะอื้นเบา ๆ เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เธอไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าเขาไม่อยากให้เขาเห็นถึงความอ่อนแอแต่ครั้งนี้มันอดกลั้นไว้ไม่ไหวจริง ๆ น้ำตาแห่งความและรู้สึกว่าตนเองจนตรอกยังคงไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ร้องไห้พอนะพรีม...ร้องในนี้ไม่มีใครเห็นนอกจากฉัน” หมอนรสิงห์พูดเสียงเรียบฟังดูห่วงใย แต่ก็แฝงความหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยรับมือกับอารมณ์อ่อนไหวของผู้หญิงมาก่อน
“พรีมอยากหยุดร้องแต่ทุกอย่างมัน…มันเกินไปหมดแล้วค่ะ…” เสียงเธอสั่นสะอื้นอย่างยอมแพ้ต่อโชคชะตา
นรสิงห์มองเธอเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาคมของเขามองใบหน้าเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาอย่างพิจารณา เขาเห็นความอ่อนแอที่พยายามจะเข้มแข็งและความรู้สึกอยากปกป้องที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน เขาไม่ต้องการให้ใครมาปกป้องเธอนอกจากเขาเอง
เขาไม่พูดอะไรแต่ดึงทิชชู่จากช่องเก็บของแล้วยื่นให้ หญิงสาวรับมาอย่างเกรงใจแต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหล เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่น่าสมเพชที่สุดในสายตาเขา
“ฉันรู้ว่าเธอตอนนี้เธอรู้สึกยังไง เธออายุแค่นี้แต่ต้องมาเจอปัญหาและรับแรงกดดันมากขนาดนี้มันก็ยากที่จะยอมรับมันได้ แต่ปัญหามันก็มีทางออกของมัน”
“พรีมไม่อยากไปทำงานที่ผับของเสี่ยทรงพล… พรีมรู้ค่ะว่ามันไม่ใช่แค่เสิร์ฟเหล้า” เธอพูดเสียงแผ่ว แต่ชัดเจนพอให้เขาได้ยิน
“แล้วทำไมถึงต้องไปกู้เงินพวกนั้นตั้งแต่แรก” เขาถามทั้งที่พอจะรู้เรื่องของเธอมาบ้างแต่ก็อยากจะฟังจากปากของพีรญาอีกครั้ง
ความทรงจำที่เจ็บปวดของพีรญาถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง สองมือกำแน่น เธอเงียบไปนานจนนรสิงห์คิดว่าเธอคงไม่ตอบ แต่สุดท้ายหญิงสาวก็พูดออกมาทั้งน้ำตา
“แม่พรีมป่วยค่ะ”
เขาขยับตัวเล็กน้อย โน้มตัวไปข้างหน้าอย่างตั้งใจฟัง แววตาที่ปกติเยือกเย็นมีประกายของความสนใจที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
“แม่ต้องผ่าตัดด่วน ค่าใช้จ่ายมันเยอะมาก พรีมพยายามทุกอย่างแล้ว…แต่เงินมันไม่พอ พรีมไม่มีใครให้ขอ ไม่มีใครให้พึ่งเลย…ตอนนั้นพรีมคิดแค่ว่า ถ้าไม่หาเงินให้แม่…แม่อาจจะไม่รอด” เธอเล่าด้วยเสียงสั่น ความรักที่มีต่อมารดาคือแรงผลักดันที่ทำให้เธอกล้าทำเรื่องเสี่ยงเช่นนี้
“แล้วแม่เธอ…” หมอสิงห์ถามช้า ๆ แม้จะรู้คำตอบแล้วแต่ก็ยังคงถามเพื่อยืนยัน เขาคิดว่าถ้าเธอได้เล่าหรือระบายความรู้สึกออกมาก็คงจะดีขึ้น
“แม่เสียไปหลายเดือนแล้วค่ะ”
บรรยากาศในรถเงียบลงทันที นรสิงห์กำพวงมาลัยแน่น ความรู้สึกบางอย่างตีขึ้นมาในอกแบบที่เขาเองก็อธิบายไม่ได้ ความสงสาร ความเข้าใจหรือความเวทนาในโชคชะตาที่เล่นตลกกับผู้หญิงคนนี้ มันไม่ใช่แค่ความต้องการทางกายแล้ว แต่เป็นความรู้สึกที่อยากจะดูแล ปกป้องและเยียวยาความเจ็บปวดของเธอ
“แล้วหนี้สามแสนนั่น เธอกู้มาเพื่อรักษาแม่ใช่ไหม” เขาถามเพื่อความแน่ใจ
“ค่ะ…พรีมกะว่าจะผ่อนคืนหลังแม่ออกจากโรงพยาบาล แต่พอแม่จากไป พรีมก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว ต้องย้ายหอ ต้องใช้หนี้ ต้องเรียน พรีมเลยต้องทำงานกลางคืนเพิ่ม ตอนนี้ปิดเทอมอยู่ก็เลยอยากจะเร่งหาเงินค่ะ” เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเธอ หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ต้องต่อสู้คนเดียวในโลกใบใหญ่ต้องรับทุกอย่างทั้งความจน ความกลัวและการสูญเสีย มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด
“แล้วทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่แรก” เขาพูดเสียงเรียบแต่ดวงตามีประกายของความเห็นใจ
“เพราะพรีมรู้ว่าคุณจะเสนอให้พรีม…เป็นของคุณ”
“แล้วมันแย่ตรงไหนพรีม” นรสิงห์หัวเราะเบา ๆ ทั้งเหนื่อยใจทั้งหงุดหงิดกับความดื้อดึงที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีของเธอ เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้นิดหนึ่ง ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลดลงจนเธอได้กลิ่นน้ำหอมชัดเจน แววตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่กำลังแดงก่ำของเธอ
“อย่างน้อยฉันก็ไม่ทำให้เธอตกนรกแบบที่ผับของเสี่ยทรงพลหรอกนะ เธอรู้ไหมว่าถ้าไปที่นั่นแล้วชีวิตเธอจะพังย่อยยับ” นรสิงห์พยายามชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างนรกกับทางออกที่คิดว่าน่าจะดีกว่า
“แต่พรีมไม่อยากเป็นของใคร…ไม่อยากขายตัวเพื่อเงิน” เธอยังคงยืนกรานเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตนเอง
“งั้นตอนนี้เธอจะเลือกอะไรล่ะ เลือกถูกลากไปผับนั่นเหมือนของเล่นให้ผู้ชายทั้งร้าน ชีวิตที่เธอจะไม่สามารถควบคุมได้แม้แต่วินาทีเดียวหรือจะมาอยู่กับฉันแค่คนเดียว ชีวิตที่ปลอดภัยภายใต้การปกป้องของฉัน”
“พรีมไม่อยากขายศักดิ์ศรีของตัวเอง…”
“ศักดิ์ศรีไม่ใช่สิ่งที่เธอมีโอกาสรักษาไว้นานนะพรีม ถ้าเธอปล่อยให้เสี่ยทรงพลได้ตัวเธอไป ศักดิ์ศรีนั่นมันก็หายไปอยู่ดี และสิ่งที่เธอจะได้รับกลับมาคือความเจ็บปวด” เขาพูดความจริงที่โหดร้ายเพื่อบีบให้เธอเห็นภาพ
“แต่.....”
“อย่างน้อยฉันก็ปกป้องเธอได้ ฉันจะดูแลเธอจะให้เกียรติเธอตามสมควร พรีมฉันไม่บังคับเธอ แต่เธอต้องตัดสินใจแล้วว่าชีวิตเธอจะเดินไปทางไหน มาอยู่กับฉัน... แล้วปัญหาทุกอย่างของเธอ ฉันจะจัดการให้หมด ตั้งแต่หนี้สามแสนจนถึงค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในการเรียน” เขายื่นข้อเสนอชัดเจน
พีรญาสับสนเพราะทางทั้งสองอย่างคือสิ่งที่หญิงสาวไม่อยากจะเลือกนี่คือทางเลือกที่เธอ แม้จะเชื่อในระดับหนึ่งว่าการอยู่กับนรสิงห์จะปลอดภัยกว่า แต่ก็ยังไม่อยากตัดสินใจในตอนนี้เพราะเธอยังเหลือเวลาอีกแค่สิบกว่าวันที่เธอจะหาเงินหนึ่งแสน แม้รู้ว่ามันเป็นไปได้ยากและก็หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์
“แล้วถ้าพรีม…ยังไม่ตอบตอนนี้ได้ไหมคะ” เธอถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และอยากยื้อเวลาออกไปอีกนิดเพื่อตัดสินใจ
นรสิงห์มองลึกเข้าไปในดวงตาของเธออีกครั้ง แววตาของเขาอ่อนลงเล็กน้อยเพราะเข้าใจถึงความกดดันของพีรญาดี
“ฉันให้เวลาเธอคิด แต่ก็คงไม่นาน เธอต้องให้คำตอบฉันก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป เธอรู้ใช่ไหมว่าอีกแค่สิบวันก็จะสิ้นเดือน” เขาพยายามจะปรับเสียงให้ฟังดูอ่อนโยนที่สุด
“ค่ะ พรีมรู้ ขอต่อเวลาอีกนิด ขอให้พรีมได้คิดอีกหน่อยนะคะ”
พีรญารู้ดีว่าทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ก็คงหนีไม่พ้นข้อเสนอของสุดท้ายจากผู้ชายคนนี้ แม้เข้าจะดูถูกเธอด้วยเงิน แต่ก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่ยื่นมือมาช่วยเหลือเธอในตอนนี้ และถ้าพีรญาตอบตกลงชีวิตของเธอจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป