เสียงกระดิ่งเหนือประตูคาเฟ่ดัง ‘กริ๊ง’ เบา ๆ ในช่วงบ่ายของวันถัดมา พีรญากำลังเช็ดเคาน์เตอร์กาแฟอย่างขะมักเขม้นก็เงยหน้าขึ้นเพราะคิดว่าเป็นลูกค้าประจำหรือไม่ก็กลุ่มนักศึกษาที่มักมาติวหนังสือยามบ่าย แต่มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเพราะคนที่เดินเข้ามาคือหมอนรสิงห์คนที่เธอไม่เคยคิดว่าจะมาที่นี่
เขาเดินเข้ามาเหมือนลูกค้าทั่วไป แต่ทุกก้าวของเขากลับทำให้บรรยากาศในร้านเปลี่ยนไป สายตาหลายคู่จับจ้องไปยังชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อคมกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่กวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณ ก่อนจะมาหยุดที่เธออย่างตั้งใจ
พีรญายืนตัวแข็ง เธอพยายามบังคับรอยยิ้มตามมารยาท แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไม่มิด ใบหน้าร้อนผ่าวทันที หญิงสาวพยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้แสดงความตกใจ
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” เธอทักทายไปตามปกติแต่น้ำเสียงสั่นเพราะตื่นเต้นและตกใจเนื่องจากไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่
“อเมริกาโน่เย็นแก้วหนึ่ง”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” พีรญาพรีบไปทำตามหน้าที่ แต่มือกลับสั่นน้อย ๆ ขณะหยิบแก้วพลาสติก
หมอนรสิงห์มองเธอเงียบ ๆ ไม่พูดสักคำ แต่สายตาที่จับจ้องอยู่ตลอดเวลาราวกับจับผิด ทำให้เธอหลบสายตาแทบไม่ทัน
“ได้แล้วค่ะ ชำระเป็นเงินสดหรือสแกนคะ”
นรสิงห์ไม่ได้ตอบคำถามแต่เขาหยิบธนบัตรใบละห้าร้อยขึ้นมาหนึ่งใบส่งให้ก่อนจะเดินออกจากร้านไปทั้งที่ยังไม่รับเงินทอน
พีรญาถอนหายใจเพราะกลัวว่าเขาจะทักทายเธอและทำให้คนในร้านสงสัยแต่หญิงสาวก็แอบน้อยใจอยู่บ้างที่เขาทำเหมือนไม่รู้จักเธอเลย
“ลูกค้าคนเมื่อกี้หล่อและยังใจดีมากเลยนะพรีม”
“อือ....”
“ถ้ามีลูกค้าแบบนั้นล่ะสักสามคนพวกเราคงสบาย” ปิ่นพนักงานประจำของร้านพูดแล้วมองตามหลังลูกค้าคนนั้นจนเขาเดินลับสายตาไป
ทริปที่ได้จากลูกค้าของร้านจะถูกรวมไว้ในกล่องเดียวกันและจะแบ่งให้กับพนักงานที่มาทำงานในวันนั้นเท่า ๆ กันโดยที่เจ้าของร้านจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินจำนวนนี้เลย
“จำหน้าเขาไว้ดี ๆ นะครั้งต่อไปเวลาเขามาก็ให้บริการเขาดี ๆ ล่ะ”
“ค่ะพี่นุช ถ้าเห็นเขามาปิ่นจะรีบดูแลเป็นอย่างดีเลยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นลูกค้าขาจรหรือเปล่าเพราะปิ่นไม่เคยเห็นหน้าเลยค่ะ แล้วพรีมล่ะเคยเห็นไหม”
“พรีมก็ไม่แน่ใจค่ะ”
“จะไปถามพรีมแบบนั้นได้ยังไงล่ะ พรีมไม่ได้ทำงานเต็มเวลาสักหน่อย” พี่นุชเจ้าของร้านพูดขึ้นมาบ้าง
“ปิ่นลืมไปเลยค่ะ ก็ช่วงนี้เจอพรีมเกือบทุกวันแล้วใกล้เปิดเทอมหรือยังล่ะพรีม”
“อีกประมาณเดือนหนึ่งน่ะปิ่น”
“แล้วเปิดเทอมยังจะมาทำงานเสาร์อาทิตย์อีกไหม” พี่นุชเจ้าของร้านถามเพราะเธอชอบที่พีรญาขยันและมีความรับผิดชอบกับงานในร้าน
“ยังไม่แน่เลยค่ะพี่นุช พรีมไม่รู้ว่าการฝึกงานจะเป็นยังไงเอาไว้เปิดเทอมพรีมค่อยบอกพี่อีกทีได้ไหมคะ”
“ได้สิ พี่จะยังไม่รับพาร์ทไทม์จนกว่าพรีมจะให้คำตอบพี่นะ” เจ้าของร้านบอกอย่างใจดี
“ขอบคุณค่ะพี่นุช”
บทสนทนาของทั้งสามคนจบลงเมื่อมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา พีรญารีบเข้าไปต้องรับจากนั้นทุกคนก็ยุ่งมือเป็นระวิงการเมนูที่ลูกค้าสั่ง
เมื่อถึงเวลาเลิกงานฝนก็ตกมาอย่างหนัก พี่นุชเจ้าของร้านอาสาจะไปส่งพนักงานทั้งสองแต่เพราะไม่อยากทิ้งมอเตอร์ไซค์ไว้ที่นี่พีรญาเลยบอกว่าเธอจะรอจนฝนเบาลงกว่านี้แล้วจะกลับเอง
พีรญารออยู่นานแต่ฝนก็ยังคงกระหน่ำลงมาอย่างหนักและเธอไม่อยากจะกลับถึงคอนโดช้าเพราะหญิงสาวกลัวว่าถ้านรสิงห์มาหาแล้วจะไม่เจอในที่สุดเธอก็ตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์คันเล็กตากฝนกลับคอนโด
เธอขี่มอเตอร์ไซค์ท่ามกลางหยาดฝนที่ซัดสาดลงมาอย่างต่อเนื่อง เสื้อผ้าเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายเริ่มสั่นจากความเย็น เมื่อมาถึงห้องรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกาย
เธอกำลังจะซุกตัวใต้ผ้าห่มเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาเสียก่อนเมื่อเห็นว่าคนโทรเข้ามาคือนรสิงห์ก็กดรับสายอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีค่ะหมอสิงห์”
“กลับคอนโดหรือยัง”
“กลับมาแล้วค่ะ”
“เปียกฝนหรือเปล่า” เขาถามอย่างเป็นห่วงเพราะฝนตกก่อนเวลาที่หญิงสาวจะเลิกงานและเขาก็มีเคสผู้ป่วยที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดจึงไปรับเธอที่คาเฟ่ไม่ได้
“เปียกแค่นิดหน่อยค่ะ พรีมมีเสื้อกันฝน หมอสิงห์ล่ะคะเลิกงานหรือยัง” หญิงสาวอยากถามว่าเขาจะมาหาเธอที่นี่หรือเปล่าแต่ก็ไม่กล้าถามตรง ๆ
“ฉันเพิ่งถึงบ้าน วันนี้เหนื่อยคงไม่ได้ไปหานะ”
“ค่ะ หมอพักผ่อนเถอะนะคะ”
“น้อยใจไหมอยากให้ไปหาหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ พรีมเข้าใจว่าคนเป็นหมอต้องมีงานยุ่งมาก ๆ อยู่แล้ว พรีมอยู่ที่คอนโดตลอดไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ”
“อือ....เธอก็พักผ่อนนะ”
“เดี๋ยวค่ะ หมอสิงห์”
“มีอะไร”
“คือ....พรีมอยากขอบคุณสำหรับทิปวันนี้นะคะ”
“อือ....เธอก็ชงกาแฟอร่อยดีเหมือนกันนะ ฉันคงต้องไปใช้บริการบ่อย ๆ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันจะวางสายแล้วมีอะไรจะพูดอีกไหม”
“ไม่แล้วค่ะ”
นรสิงห์วางสายไปแล้วพีรญาล้มตัวลงนอนกลางดึกคืนนั้นเธอก็เริ่มเป็นไข้ ตัวร้อนจัดและปวดหัวอย่างรุนแรง เธอต้องนอนซมทั้งคืนและเช้าวันต่อมาจึงไม่สามารถไปทำงานที่คาเฟ่ได้ หญิงสาวจึงโทรไปลาป่วย
“พักผ่อนนะพรีม หายตอนไหนค่อยมา” พี่นุชบอกอย่างใจดี
“ขอบคุณค่ะพี่นุช”
ในเวลาบ่ายหลังจากตรวจผู้ป่วยจนครบทุกคนแล้วนรสิงห์ก็แวะไปที่คาเฟ่ที่พีรญาทำงานอยู่
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” ปิ่นรีบเข้าไปต้อนรับเพราะเธอจำได้ว่าเมื่อวานลูกค้าคนนี้ให้ทิปหนักกว่าทุกคน
“อเมริกาโน่เย็นครับ ขอคนชงคนเดิมได้ไหมครับ ผมชอบรสชาติแบบนั้น”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าวันนี้พรีมไม่สบายก็เลยไม่มาทำงาน แต่กาแฟทางร้านของเขามีสูตรตายตัวค่ะ หนูรับรองว่ารสชาติไม่ต่างกัน”
“งั้นผมรับแก้วหนึ่งครับ”
ระหว่างรอกาแฟนรสิงห์ก็โทรศัพท์ไปหาพีรญาเพราะความเป็นห่วงแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับสายทำให้เขาร้อนใจมากขึ้น
“ได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ” นรสิงห์รับกาแฟและส่งธนบัตรใบละห้าร้อยให้กับปิ่นแล้วพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากร้านไป
“พี่นุช ลูกค้าคนเมื่อวานมาอีกแล้วนะคะ แต่เขาอยากให้พรีมชงกาแฟให้ปิ่นก็เลยบอกเขาไปว่ากาแฟที่ร้านมีสูตรตายตัวใครชงก็จะรสชาติต่างกัน”
“แล้วเขาว่ายังไงบ้างล่ะ” เจ้าของร้านถามเพราะเมื่อครู่ตนเองเดินเข้าดูขนมที่อบทิ้งไว้หลังร้าน
“เขาก็ไม่ว่าอะไร แต่ก็สั่งกาแฟเหมือนเดิมแล้วก็ให้ทิปเท่าเดิมเลยค่ะ พี่นุชว่าปิ่นแบ่งให้พรีมดีไหม”
“แต่วันนี้พรีมไม่มาทำงานนะ ทิปของวันนี้ก็จะเป็นของปิ่นคนเดียวเลย”
“แต่ที่เขามาซื้อเพราะเขาชอบที่พรีมชงอร่อย ปิ่นแบ่งให้พรีมดีกว่าค่ะ”
“พี่ดีใจนะที่ปิ่นมีน้ำใจกับเพื่อน ถ้าพรีมอยู่ในสถานการณ์การแบบนี้พรีมก็คงทำเหมือนปิ่น” เธอมองเด็กในร้านด้วยสายตาชื่นชม